[AutoFun] ระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเล็กทรอนิกส์ EBD (Electronic brake force distributio) ทำหน้าที่ปรับความสมดุลของแรงเบรกที่ล้อหน้าและล้อหลังให้เท่ากัน ซึ่งระบบกระจายแรงเบรกจะทำงานช่วยเสริมระบบป้องกันล้อล็อก ABS (anti-lock brake system) เพื่อเพิ่มความสามารถในการควบคุมรถ และยังอาจทำงานร่วมกับระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESC (Electronic Stability Control) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
เมื่อเกิดการเบรกฉุกเฉิน EBD จะตรวจสอบอัตราการลื่นของยางล้อหลังโดยอัตโนมัติตามน้ำหนักของตัวรถและสภาพถนนก่อนที่จะใช้ระบบ ABS ซึ่งการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้งจะทำให้น้ำหนักจะเทไปยังด้านนอกมากกว่าด้านใน แต่ระบบ EBD จะช่วยแปรผันแรงดันน้ำมันเบรกส่งไปยังล้อด้านในให้เกิดความสมดุล
หลักการทำงาน
1. คนขับเหยียบแป้นเบรก EBD จะเริ่มทำงาน
2. กล่องอีซียู (ECU) พร้อมรับข้อมูลจากระบบเซ็นเซอร์
3. เซ็นเซอร์ที่ล้อจะรวบรวมข้อมูลความเร็วสี่ล้อแรงเสียดทานและข้อมูลอื่น ๆ และส่งไปยังกล่องอีซียูเพื่อประมวลผล
4. กล่องอีซียูจะทำการคำนวณว่าควรกระจายแรงดันเบรกไปยังแต่ละล้อเท่าใด
5. ตัวกระจายแรงเบรกจะทำงานและส่งสัญญาณให้ระบบ ABS อยู่ในโหมดเตรียมพร้อม
6. เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น ระบบ ABS จะทำงานทันที
7. การเบรกเริ่มต้น
เมื่อมีการเบรก คาลิปเปอร์เบรกหือปั๊มเบรกของทั้ง 4 ล้อจะทำหน้าที่หยุดรถ อย่างไรก็ตามความสามารถของการกระจายแรงเบรกก็ขึ้นกับสภาพถนนและจุดศูนย์ถ่วงของรถด้วย การกระจายแรงเบรกนี้จะทำงานอัตโนมัติทันทีเมื่อผู้ขับขี่เหยียบเบรก โดยกล่องอีซียูจะนำค่าความต่างของความเร็วที่ล้อหน้าและล้อหลังขณะที่ผู้ขับขี่เหยียบเบรกมาคำนวน ซึ่งจะไม่ทำให้เบรกที่ล้อหลังล็อคจนเกิดอาการท้ายปัด
หน้าที่ของ EBD คือการคำนวณค่าความเสียดทานของยางทั้งสี่เส้นในขณะที่รถกำลังเบรก จากนั้นปรับระบบเบรกให้สอดคล้องกับแรงเบรกและแรงเสียดทาน (แรงฉุด) เพื่อให้รถมีเสถียรภาพในการขับขี่และเพิ่มความปลอดภัยของรถ
ระบบ EBD จะใช้กล่องสมองกลนี้ร่วมกับระบบ ABS ทั้งระบบ แต่ละจะมีการใส่โปรแกรมพิเศษเพื่อสร้างสมดุลของการกระจายแรงเบรก โดยจะแยกการทำงานของระบบเบรกให้แต่ละล้อสามารถทำงานได้อิสระและสอดคล้องกับสภาวะการขับขี่และการเบรก
เมื่อล้อเบรกฉุกเฉินล็อกขึ้น EBD จะปรับสมดุลการยึดเกาะพื้นของแต่ละล้อให้ประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งจะไม่ทำให้เบรกที่ล้อหลังล็อคจนเกิดอาการท้ายปัด ช่วยให้รถสามารถควบคุมได้ง่าย และลดการเกิดอุบัติเหตุ