B-Segment เกรด | Hatchback ตัวถัง | AT รูปแบบเกียร์ | 1.5L ปริมาตรกระบอกสูบ |
Audi A1 Sportback 2024 มีรูปภาพและรูปถ่ายทั้งหมด 21 รูป รวมรูปภาพ & รูปถ่ายภายใน 6 รูป รูปภาพ & รูปถ่ายภายนอก 15 รูป รูปเครื่องยนต์และทอื่นๆ 0 รูป ชมมุมมองด้านหน้า มุมมองด้านหลัง ด้านข้างและมุมมองด้านบนของ Audi A1 Sportback 2024 รุ่นใหม่ได้ที่นี่.
อาวดี้เปิดตัวน้องเล็กสุด A1 เจนเนอเรชั่นเมื่อปี 2010 โดยทำแค่ตัวถังแบบแฮชแบคเท่านั้นโดยมีทั้งแบบ 3 ประตูและ 5 ประตู หลังจากเปิดตัวไปก็ได้รับการตอบรับที่ดีแต่ตอนนั้นในไทยยังไม่มีศูนย์อย่างเป็นทางการแต่ก็มีคนนำเข้ามาขับในไทยอยู่บ้าง หลังจากนั้นผ่านมา 8ปี อาวดี้ได้เปิดตัว A1 เจนเนอเรชั่นที่ 2 ซึ่งค่อนข้างฉีกจากหน้าตาที่เน้นน่ารักไปเป็นความสปอร์ตดุดันแทนแต่รุ่นปัจจุบันยังไม่มีตัวถังแบบ 3 ประตู สำหรับประเทศไทยหลังจากที่อาวดี้มีตัวแทนอย่างเป็นทางการในไทยแล้ว อาวดี้ประเทศไทยจึงไม่รอช้าในเอาเจ้า A1 มาเปิดตัวในไทยในช่วงเดือนตุลาคมปีเดียวกัน โดยเป็นการนำเข้าทั้งคัน โดยทำตลาดในรหัส 35 TFSI S-line ในราคา 2.15 ล้านบาท
Audi A1 Sportback 35 TFSI S-Line ราคา 2,149,000 บาท
Audi A1 Sportback มาพร้อมดีไซน์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวตลอดทั้งคัน ด้านหน้ามาพร้อมไฟหน้าแบบ LED ไฟเดย์ไลท์เป็น LED ที่ออกแบบให้เป็นเส้นประแบบแดชไลน์ให้ความรู้สึกซิ่งซึ่งเป็นเอกลักษณ์การออกแบบไฟของอาวดี้ยุคปัจจุบัน กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมขนาดใหญ่ตรงกลางรมดำพร้อมโลโก้อาวดี้ตรงกลาง ด้านใต้เป็นชายสเกิร์ตสีดำพร้อมครีบด้านข้างซ้ายขวาสีดำเสริมลุคความดุ บนกระจังมีการออกแบบให้เหมือนฝากระโปรงลอยนิดๆแต่มีเขี้ยวรับฝากระโปรงไว้ดูสปอร์ต ด้านหน้าโดยรวมหล่อ ด้านข้างจะเห็นหลังคาสีดำตัดกับตัวถังชัดเจน กระจกข้างสีดำ มือจับประตูเป็นแบบคลาสิคขนาดใหญ่เน้นใช้งานง่าย ล้ออัลลอยลายดาวกระจายสวยงามมากับขนาด 18 นิ้ว ซึ่งดูพอดีกับซุ้มล้อ ด้านท้ายมากับไฟท้ายขนาดใหญ่ที่ด้านริมแต่ละฝั่งเหมือนออกแบบให้เป็นลูกศรชี้ออกไป ซึ่งเวลาเปิดไฟเลี้ยวอาจจะดูเหมือนรถทำถนนบ้างนิดหน่อยแต่บอกเลยว่าเด่นแน่นอน มีช่องรังผึ้งดำซ้ายขวาพร้อมไฟทับทิมสะท้อนแสง สเกิร์ตล่างเป็นดิฟฟิวเซอร์เล็กๆสีดำเสริมลุคความสปอร์ต โดยรวมคือเน้นเส้นสายความสปอร์ตตลอดทั้งคัน สำหรับสีมีให้เลือก 6 สี ตั้งแต่สีเหลืองโดดเด่นยันสีขาวดำธรรมดา
มิติตัวรถ Audi A1 Sportback | |||
---|---|---|---|
รุ่น | A1 Sportback | ||
ความยาว(มม.) | 4,029 | ||
ความกว้าง(มม.) | 1,740 | ||
ความสูง(มม.) | 1,433 | ||
ระยะฐานล้อ(มม.) | 2,563 | ||
ปริมาตรการบรรจุของ (ลิตร) | 335 - 1090 |
เมื่อก้าวเข้าไปในห้องโดยสารจะพบว่าการออกแบบคอนโซลหน้าจะเน้นการเอียงเข้าหาคนขับเป็นหลัก มีการบุนุ่มมาให้ในบางจุด แต่ส่วนใหญ่ก็จะเห็นพลาสติกในหลายๆจุด พวงมาลัยแบบ 3ก้าน ท้ายตัดให้อารมณ์สปอร์ต มาตรวัดความเร็วแบบ Virtual Cockpit ขนาด 10.25 นิ้ว สวยงามโดยมีช่องแอร์ขนาบซ้ายขวาไปกับมาตรวัด โดยด้านซ้ายถือว่าเป็นช่องแอร์สำหรับเป่าตรงกลางไปเลยเพราะไม่มีช่องแอร์ตรงกลางคอนโซลจริงๆ หน้าจอตรงกลางเป็นแบบสัมผัสขนาด 8.8 นิ้ว ใต้จอกลางเป็นที่อยู่ของตัวปรับแอร์แบบ 2 โซน สำหรับผู้โดยสารด้านหน้าจะมีช่องแอร์ยาวพาดไปถึงด้านซ้าย เรียกได้ว่าเย็นจับใจ บริเวณคอนโซลเกียร์โล่งๆ คันเกียร์ขนาดใหญ่ เบรกมือแบบดึงขนาดใหญ่เหมือนทำเอามาให้ดริฟต์ ด้านหน้าโดยรวมคือการออกแบบเน้นผู้ขับขี่เป็นหลัก ด้านหลังเป็นที่นั่งแบบ 3 ที่นั่ง ไม่มีช่องแอร์หลัง เรียกได้ว่ามีไว้นั่งโดยสารไปเป็นเพื่อนคนขับอย่างเดียว ไม่มีที่พักแขนตรงกลาง
เจ้า A1 Sportback มาพร้อมระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ กระจกมองข้างไฟฟ้าพร้อมระบบไล่ฝ้า กระจกมองหลังแบบปรับแสงอัตโนมัติ ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 2 โซน ระบบกุญแจอัจฉริยะเข้าออกรถแบบไม่ต้องหยิบกุญแจ (Comfort Access) มีไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสารแต่เป็นแสงสีขาวสีเดียว ระบบความบันเทิงรองรับ Apple CarPlay และ Android Auto สำหรับเครื่องยนต์มีระบบการตัดการทำงานของเครื่องยนต์เมื่อรถติดอยู่นิ่งด้วย
เจ้า A1 มาพร้อมขุมพลังขนาดกำลังพอเหมาะด้วยเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบแถวเรียง ความจุ 1.5 ลิตร ที่สามารถให้แรงม้าได้สูงสุด 150 แรงม้า ที่ 5000 - 6000 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1500 - 3500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า สามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.7 วินาที และทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 222 กม./ชม. สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยทำได้ที่ 16.9 กม./ลิตร และอัตราการปล่อยไอเสียเฉลี่ยอยู่ที่ 134 กรัม/กม.
ถ้าดูจากสเปคกับขนาดตัวอาจจะคิดว่าเจ้าหนู A1 คันนี้ไม่น่ามีพิษสงอะไรแถมคู่แข่งจากเพื่อนบ้านต่างก็มีสเปคที่แรงกว่าเจ้าคันนี้หมด แต่เมื่อได้สัมผัสจริงก็พบว่ามันให้อัตราเร่งที่ดีและจิ๊ดจ๊าดพอตัว การคิกดาวน์เกียร์อาจจะหน่วงนิดหน่อยแต่การแซงไม่ต้องลุ้น แต่ที่เซอร์ไพร์สคือช่วงล่างนิ่งมากแม้จะขับที่ความเร็วเข้าใกล้ท้อปสปีดก็ตาม ซึ่งช่วงล่างก็ไม่ได้แข็งมากด้วยโดยที่ยังคงให้ความนุ่มนวลบ้างในถนนเมืองไทย ตอบโจทย์วัยรุ่นคนเมืองที่ต้องการรถใช้งานในชีวิตประจำวันแต่แอบเอาไปซิ่งบนทางด่วนได้ โดยรวมคือขับสนุก มุดสบาย และไม่กระด้างเกินไป
ห้องโดยสารก็ให้ความสบายในระดับรถซิตี้คาร์ทั่วไปคือสบายในระดับหนึ่ง ช่วงล่างไม่กระด้างก็เลยพอมีความนุ่มนวลมาบ้าง แต่ในบางจุดก็ไม่ได้บุนุ่มมาทำให้แขนอาจจะกระแทกส่วนที่เป้นพลาสติกบ้าง ระบบปรับอากาศทำงานได้ดี
Audi A1 Sportback คือ รถแฮชแบคสำหรับใช้งานในเมืองสำหรับวัยรุ่น ด้วยความที่ตัวถังเล็ก และสวยดุ ถูกใจวัยรุ่นสายสปอร์ต แม้พละกำลังจะดูน้อยเมื่อเทียบกับคู่แข่งแต่การใช้งานจริงมันค่อนข้างเร็วพอตัวเลย แถมช่วงล่างให้ความนิ่งและมั่นใจ ปัญหาอาจจะอยู่ที่เกียร์คลัตช์คู่ที่มีอาการหน่วงนิดหน่อยไม่งั้นมันจะกลายเป็นรถที่มุดสนุกกว่านี้อีก อุปกรณ์เซฟตี้น้อยไปหน่อย แต่การขับขี่สนุก เหมาะกับเด็กมหาวิทยาลัยที่ที่บ้านมีตังและอยากได้รถยุโรปคันแรก คันนี้ตอบโจทย์แน่นอน
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ 2024 Audi A1 Sportback รุ่นใหม่ในไทยอยู่ที่ 5.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร,และตามที่ผู้ผลิตทางการระบุไว้ว่า ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ 2020 Audi A1 Sportback 1.5 35 TFSI S Line อยู่ที่ 5.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร.
ประเภทเชื้อเพลิง | รูปแบบเกียร์ | อัตราสิ้นเปลือง |
---|---|---|
Petrol(1498cc) | AT | 5.9 L/100km |
มีระบบสัญญาณกันขโมยและรุ่นย่อยของAudi A1 Sportback ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 1.5 Audi A1 Sportback 35 TFSI S Line |
ระบบสัญญาณกันขโมย | ใช่ |
มีถุงลมฝั่งคนนั่งและรุ่นย่อยของAudi A1 Sportback ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 1.5 Audi A1 Sportback 35 TFSI S Line |
ถุงลมฝั่งคนนั่ง | ใช่ |
มีเสาอากาศวิทยุแบบฝัง, สั้น หรือครีบฉลามและรุ่นย่อยของAudi A1 Sportback ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 1.5 Audi A1 Sportback 35 TFSI S Line |
เสาอากาศวิทยุแบบฝัง, สั้น หรือครีบฉลาม | ใช่ |