Executive เกรด | Hatchback ตัวถัง | AT / DCT รูปแบบเกียร์ | 2.0 - 3.0L ปริมาตรกระบอกสูบ |
2024 - 2025 Audi A7 Sportback มีให้เลือกถึง 3 รุ่นย่อยพร้อมราคาเริ่มต้นอยู่ที่ THB 3,999,000 ถึง THB 5,399,000 รุ่นเริ่มต้นของ a7-sportback คือ 2021 Audi A7 Sportback 45 TFSI ที่ราคา THB 3,999,000 ส่วนรุ่นท็อปสุด Audi A7 Sportback มาพร้อมราคา THB 5,399,000.
Audi A7 Sportback 2024 มีรูปภาพและรูปถ่ายทั้งหมด 27 รูป รวมรูปภาพ & รูปถ่ายภายใน 9 รูป รูปภาพ & รูปถ่ายภายนอก 16 รูป รูปเครื่องยนต์และทอื่นๆ 2 รูป ชมมุมมองด้านหน้า มุมมองด้านหลัง ด้านข้างและมุมมองด้านบนของ Audi A7 Sportback 2024 รุ่นใหม่ได้ที่นี่.
Audi A7 Sportback เป็นรถ Sedan 4 ประตู ท้ายลาด หรือ 4-door Coupe เป็นคู่แข่งโดยตรงกับ Mercedes-Benz CLS-Class มาพร้อมกับ Design Language ใหม่ ต่อจากรุ่นพี่อย่าง A8 ด้วยกระจังหน้าแบบ Singleframe Grille 6 เหลี่ยม ที่มีแนวคิดมาจากรถต้นแบบ Prologue Concept มาพร้อมเครื่องยนต์ เบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร 340 แรงม้า และเทคโนโลยีอัดแน่นเต็มคัน
Audi A7 Sportback 55 TFSI quattro S line ราคา 5,399,000 บาท
Audi A7 Sportback 55 TFSI quattro S line ได้รับการออกแบบใหม่ให้มีความโฉบเฉี่ยว สวยงามด้วยกระจังหน้าแบบ Singleframe Grille 6 เหลี่ยม ช่องดักลมทรงโค้งแบน ให้อารมณ์ที่ดุดันแบบสปอร์ต โคมไฟหน้ารูปทรงเรียว และโฉบเฉี่ยว เป็นแบบ HD Matrix LED พร้อมเอฟเฟกต์ไฟด้านหน้า-หลัง (Light staging) ซึ่งประกอบด้วยชุดไฟ 12 ชุด ที่แยกจากกันด้วยเส้นแบ่งเล็กๆ ฐานล้อที่ยาว และระยะโอเวอร์แฮงก์ที่สั้นช่วยเติมเต็มอารมณ์สปอร์ตอย่างเต็มเปี่ยม เส้นสายหลังคาแบบไดนามิค ใน Audi A7 Sportback 55 TFSI quattro S line ให้ความรู้สึกทรงพลัง โดยเส้นหลังคาลาดลงที่ด้านท้าย เพิ่มมุมมองที่โฉบเฉี่ยวด้วยดีไซน์คล้ายรถ Coupe ยิ่งรวมกับขนาดตัวถังที่มีความยาว 4,969 มม. ฐานล้อยาว 2,926 มม. กว้าง 1,908 มม. แต่ความสูงนั้นแค่ 1,422 มม. เท่านั้น ทำให้ช่วยเพิ่มบุคลิกสปอร์ตได้เป็นอย่างดี และในส่วนท้ายยังถูกออกแบบให้มีความล้ำหน้ามากขึ้นไปอีก ด้วยสปอยเลอร์ที่อยู่ตรงฝากระโปรงหลังซึ่งจะทำงานโดยอัตโนมัติด้วยการยื่นออก มาเมื่อขับขี่ถึงความเร็ว 120 กม./ชม. เพื่อช่วยให้รถมีการทรงตัวและการยึดเกาะถนนที่ดีขึ้น ส่วนของพื้นที่ห้องเก็บสัมภาระมีความจุระดับ 535 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังลงยังสามารถเพิ่มพื้นที่ขึ้นไปอีกถึง 1,390 ลิตร เลยทีเดียว
ห้องโดยสารได้รับการออกแบบภายในให้มีความกลมกลืนกันในทุกส่วนภายใต้แนวคิด คลีน ดีไซน์ ตอบสนองประโยชน์ใช้สอยได้เป็นอย่างดี เส้นสายแนวนอนถูกนำมาใช้ในการออกแบบภายในเพื่อเพิ่มมุมมองด้านความกว้างขวาง โปร่งโล่ง หรูหรา คอนโซลกลางที่เข้าหาผู้ขับขี่ ตามรูปแบบนิยมในอารมณ์สปอร์ตของ Sportback ระบบควบคุมการทำงานในห้องโดยสาร ถูกออกแบบให้ใช้งานง่ายด้วยระบบสัมผัส และคำสั่งเสียง ปุ่มหมุนต่างๆ ที่มีอยู่เดิม ถูกแทนที่ด้วยปุ่มระบบดิจิทัลบนหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ 2 จอ ที่ผู้ขับสามารถควบคุมระบบบันเทิง และข้อมูลต่างๆ ผ่านหน้าจอที่ติดตั้งอยู่บนคอนโซลกลาง ส่วนจอด้านล่างขนาด 8.6 นิ้ว ใช้สำหรับควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศ ฟังก์ชันเพื่อความสะดวกสบายต่างๆ ทั้งยังได้รับการติดตั้งระบบคำสั่งเสียงเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่รวมถึง MMI Navigation plus ขณะที่ระบบควบคุม MMI Touch responses และการควบคุมเสียงออนไลน์ ติดตั้งระบบเชื่อมต่อเต็มรูปแบบ
เครื่องยนต์เบนซิน V6 ขนาด 3.0 ลิตร 2,995 ซีซี. เทอร์โบชาร์จ กำลังอัด 11.2:1 กำลังสูงสุด 340 แรงม้า ที่ 5,000-6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,370-4,500 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ S tronic ขับเคลื่อน 4 ล้อ quattro พร้อมติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้ากระแสสลับ (BAS) 48V (Mild Hybrid : MHEV) และแบตเตอรี่ Lithium-ion เพื่อช่วยในการออกตัว และประหยัดน้ำมันมากขึ้น
ลองขับไปแถวในตัวเมืองที่รถค่อนข้างหนาแน่น และถนนเล็ก ซึ่ง Audi A7 Sportback คันนี้ค่อนข้างใหญ่ และมีช่วงล้อหน้าที่กว้าง ถือว่ามีความคล่องตัวพอสมควรลัดเลาะไม่ค่อยได้เพราะตัวรถยาว ขับขี่สบายดีมาก ขับไปได้สักพักก็ลองปรับโหมดการขับขี่เล่นหน่อยเพราะมันสามารถปรับการทำงานของรถได้ถึง 5 รูปแบบในโหมด Audi Drive Select อัตราเร่งช่วงต้นดีมาก การเร่งแซงทำได้ดีเยี่ยม แถมบางช่วงต้องการเพิ่มความเร็วขึ้นไปอีกหน่อยก็ทำได้อย่างทันใจ การขับทางตรงยาวๆ ความเร็วเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องลื่นไหลตัวรถนิ่งมาก อัตราเร่ง 0-100 อยู่ที่ 5.3 วินาที ความเร็วสูงสุดทำได้ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนของระบบช่วงล่างด้านหน้าใช้ช่วงล่างแบบดับเบิ้ลวิชโบน ปีกนกอะลูมิเนียมคู่และเหล็กกันโคลง แขนยึดโยงของช่วงล่างด้านหน้าทำจากอะลูมิเนียมเพื่อลดน้ำหนัก ส่วนช่วงล่างหลังเป็นแบบมัลติลิงค์ จุดยึดต่างๆ ของช่วงล่างด้านหลังยังคงใช้อะลูมิเนียมเช่นกัน ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานดีมาก กระชับฉับไว เกาะทุกพื้นผิวถนน
สมกับเป็นรถยนต์สปอร์ต 4 ประตูที่สามารถใช้งานในเมืองและเดินทางไกลได้อย่างลงตัว
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันของ Audi A7 Sportback 55 TFSI quattro S line อยู่ที่ 12.2 กม./ลิตร
Audi A7 Sportback 55 TFSI quattro S line เป็นรถยนต์ 4 ประตูในรูปทรงคูเป้ ที่มีขนาดใหญ่ หรูหรา นั่งสบาย มาพร้อกับดีไซน์ใหม่ล่าสุดทั้งภายใน ภายนอก สวยสะดุดตา น่ามอง แถมยังมีขุมพลัง 340 แรงม้า ที่สามารถพาคุณทะยานสู่ระดับความเร็ว 250 กม./ชม. ได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย ขับขี่ได้สบาย นุ่มนวล ห้องโดยสารเงียบ กับราคา 5,399,000 บาท
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ 2024 Audi A7 Sportback รุ่นใหม่ในไทยอยู่ที่ 8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรถึง 8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรและตามที่ผู้ผลิตทางการระบุไว้ว่า ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ 2020 Audi A7 Sportback 2.0 45 TFSI Quattro อยู่ที่ 8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร, และตามที่ผู้ผลิตทางการระบุไว้ว่า ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ 2020 Audi A7 Sportback 3.0 55 TFSI Quattro S line อยู่ที่ 8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร.
ประเภทเชื้อเพลิง | รูปแบบเกียร์ | อัตราสิ้นเปลือง |
---|---|---|
Petrol(1984cc) | AT | 8 L/100km |
Petrol(2995cc) | AT | 8.2 L/100km |
มีโหมดการขับขี่แบบและรุ่นย่อยของAudi A7 Sportback ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 2.0 Audi A7 Sportback 45 TFSI Quattro | 2020 3.0 Audi A7 Sportback 55 TFSI Quattro S line |
โหมดการขับขี่แบบ | ใช่ | ใช่ |
มีมาตรวัดความเร็วรอบและรุ่นย่อยของAudi A7 Sportback ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 2.0 Audi A7 Sportback 45 TFSI Quattro | 2020 3.0 Audi A7 Sportback 55 TFSI Quattro S line |
มาตรวัดความเร็วรอบ | ใช่ | ใช่ |
มีรูปแบบเกียร์และรุ่นย่อยของAudi A7 Sportback ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 2.0 Audi A7 Sportback 45 TFSI Quattro | 2020 3.0 Audi A7 Sportback 55 TFSI Quattro S line |
รูปแบบเกียร์ | AT | AT |