BMW M5 Sedan

2018 BMW M5 รถซุปเปอร์ซาลูนบ้าพลังโมเดลใหม่ขวัญใจพ่อบ้านและผู้บริหารสายซิ่ง

ถ้านึกถึงรถซาลูน 4 ประตูคันใหญ่ที่ไล่ฟัดซุปเปอร์คาร์ได้ ชื่อของ BMW M5 จะต้องถูกนึกถึงเป็นชื่อแรกแน่นอน ด้วยการออกแบบภายในที่ไม่ต่างจาก 5-Series ทั่วไปนักแต่ขุมพลังที่ซ่อนอยู่ใต้ฝากระโปรงด้วยหน้าตาเรียบๆ ทำให้มันถือว่าเป็นรถ Sleeping Car ที่หน้านิ่งเชือดเรียบรุ่นหนึ่งของท้องตลาด โดยรุ่นที่ถือว่าเป็นตำนานก็คือ E60 ที่เอาเครื่อง V10 500 แรงม้า จากการแข่งฟอร์มูล่าวันมาแปลงให้ถูกกฏหมายซึ่ง M5 นี่นับวันมีแต่จะแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยรุ่นปัจจุบันก็ได้เดินทางมาถึงเจนเนอเรชั่นที่ 6 แล้วโดยเปิดตัวในปี 2017 มาพร้อมกับเครื่อง V8 เทอร์โบคู่ 600 แรงม้า ซึ่งปกติรถตระกูล M แท้ๆจะเป็นรถขับหลังตลอดแต่ M5 เจนนี้มาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ M xDrive เพื่อให้การเอาม้าทั้ง 600 ตัวลงล้อได้เต็มที่ แต่ M xDrive ของ M5 สามารถปรับกำลังลงล้อหลังอย่างเดียวได้เช่นกันสำหรับคนที่โหยหาความขับหลังก็จัดไป สำหรับประเทศไทยมีการเปิดตัว M5 ในช่วงกุมภาพันธ์ 2018 ในราคา 13.3 ล้านบาท และรุ่นพิเศษ First Edition ในราคา 14.9 ล้านบาท และเมื่อช่วง Motor Show 2020 บีเอ็มได้มีการลดราคา M5 รุ่นปกติในสต็อกลง 4 ล้านบาท เหลือ 9.3 ล้านบาทเฉพาะในงานเท่านั้น

ราคา BMW M5

BMW M5 ราคาเปิดตัว 13,339,000 บาท
BMW M5 First Edition ราคาเปิดตัว 14,939,000 บาท

การออกแบบภายนอก

การออกแบบภายนอกมาพร้อมกระจังหน้าไตคู่ครีบดำกรอบโลหะพร้อมสัญลักษณ์ M5 บนกระจังฝั่งขวา ไฟหน้าทรงเดียวกับ 5-Series แต่ได้เป็น LaserLight ช่องดักลมด้านหน้าขนาดใหญ่ใต้กระจังแบ่งเป็น 3 ช่อง โดยตรงกลางเป็นทรงหกเหลี่ยมที่ขยายออกด้านข้างและมีช่องดักลมซ้ายขวารับกับเบ้า ดุขึ้นกว่าตัวธรรมดาอย่างเห็นได้ชัดขึ้น ด้านข้างแม้รูปทรงจะดูเหมือน 5-Series ทั่วไปแต่เส้นสายบนตัวถังกลับไม่เหมือนกัน โดยมีเส้นพาดตัวถังหลักบริเวณตั้งแต่หลังช่องระบายความร้อนบริเวณหลังซุ้มล้อหน้าลากพาดจากช่องด้านหน้าไปจรดไฟท้ายด้านหลัง ทำให้ตัวรถดูมีมัดกล้ามมากขึ้น ซุ้มล้อหน้าหลังใหญ่ขึ้นอีกนิด กระจกข้างสไตล์ M ที่มีครีบไล่อากาศบริเวณด้านบนโคม ล้อแม็กมาพร้อมกับลาย M Double Spoke ทูโทนปัดเงาขนาด 20 นิ้วทั้งหน้าหลังต่างกันที่ความกว้าง ดิสก์เบรก M สีทอง ตัดกับล้อได้เป็นอย่างดี ด้านท้ายไฟท้ายแบบ LED ทรงเดียวกับรุ่นปกติ มีตราสัญลักษณ์ M5 แปะอยู่เด่นชัดเหนือไฟท้ายด้านขวา บริเวณสเกิร์ตล่างมีการเว้าช่องกันชนขึ้นมาเป็นที่อยู่ของดิฟฟิวเซอร์ขนาดใหญ่ตรงกลาง และด้านข้างจะเป็นที่อยู่ของท่อไอเสียซ้ายขวาฝั่งละ 2 ท่อ แสดงความโหดให้เห็นกันจะๆเวลาที่แซงผ่านไปแล้ว การออกแบบยังคงกลมกล่อมลงตัวเหมือนเดิม สำหรับ M5 จะมีสีตัวถังให้เลือก 11 สี โดยสีที่เปิดตัวเป็นสีน้ำเงิน Marina Bay Blue Metallic ส่วนรุ่น First Edition สำหรับภายนอกทุกอย่างจะเหมือนกันหมดยกเว้นบริเวณช่องต่างๆ กระจังหน้า รวมถึงล้อแม็คจะเป็นสีดำทั้งหมด และตัวถังจะมากับสีพิเศษ Frozen Dark Red Metalic หรือถ้าให้พูดง่ายๆ คือเป็นสีแดงเลือดหมูแบบด้าน

มิติตัวรถ

การออกแบบภายใน

สำหรับภายในมีการวางเลย์เอาท์เหมือน 5-Series รหัสตัวถัง G30 ปกติแต่มีการตกแต่งพวกแพดเดิลชิฟต์ ปุ่มสตาร์ทรถ หัวเกียร์ ให้มีสีแดงแซมเพื่อแสดงถึงความสปอร์ตมากขึ้น วัสดุหนังที่ใช้ในห้องโดยสารก็เป็นหนังคุณภาพสูง Merino ที่ใช้ในรุ่นใหญ่เท่านั้น ทั้งตัวเบาะ บุแผงประตู และบุแผงคอนโซลแซมกับวัสดุลายคาร์บอนตัดกับโครเมี่ยม สำหรับพวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน พร้อมเดินตะเข็มด้ายสี M 3สี ตัดกับหนังสีดำมากับแป้นแพดเดิลชิฟต์และแป้นเปลี่ยนโหมดการขับขี่ M Profile สีแดงสดที่ให้เราเซ็ตติ้งรถสำหรับการขับตามใจเราได้ล่วงหน้า 2 โหมด สามารถกดเปลี่ยนเซ็ตติ้งได้ทันทีขณะขับ มาตรวัดยังไม่ได้แบบ Live Virtual Cockpi โดยมาตรวัดเป็นจอดิจิตอลพร้อมมาตรวัด 2 วงสไตล์อนาล็อค พร้อมสัญลักษณ์ M5 บนมาตรวัดรอบเครื่อง เบาะนั่งเป็นเบาะหนังทูโทนกึ่งบัคเก็ตซีทขนาดใหญ่พร้อมโลโก้ M5 บริเวณพนักรองคอที่เรืองแสงได้ด้วย โดยตัวเบาะจะมีการตัดสีดำบริเวณตั้งแต่ต้นคอลากตามแนวยามเป็นเส้นตรงมาถึงที่รองก้น ให้บรรยากาศสปอร์ตและหรูหรา สำหรับด้านหลังเป็นที่นั่งแบบ 2+1 ที่นั่ง โดยมีการติดตั้งจอความบันเทิงส่วนตัวมาให้ 2 จอ สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง ที่นั่งตรงกลางสามารถดึงมาเป็นที่พักแขนได้ มีช่องแอร์ด้านหลังพร้อมปุ่มปรับอุณภูมิแบบอัตโนมัติ ที่ใส่แผ่น CD ช่องเสียบไฟแบบที่จุดบุหรี่ 12 โวลต์ 2 ช่อง รูเสียบหูฟังแบบ 3.5 มม. 2ช่อง เรียกได้ว่ายังคงไม่ทิ้งความบันเทิงส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารด้านหลัง สำหรับภายในของ M5 จะมีให้เลือกทั้งหมด 6 สีตามวัสดุที่เลือกใช้โดยเป็นหนังแบบ Merino ทั้งหมด ส่วนรุ่น First Edition จะมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันบ้างได้แก่ วัสดุที่เป็นลายคาร์บอนจะถูกเปลี่ยนเป็นสี Piano Black เบาะหนังจะมีให้เลือกสีเดียวคือสีเทาขาวพร้อมเดินด้ายสีแดงเลือดหมูสีเดียวกับตัวถังภายนอก และมีการประทับตา M5 First Edition บริเวณอุโมงค์เกียร์ตรงถัดมาจากหัวปุ่ม iDrive พร้อมบอกเลขของรถว่าเป็นคันที่เท่าไหร่จากจำนวนทั้งหมด 400 คัน ของรุ่น First Edition ด้วย

เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก

M5 แม้จะเป็นรถซาลูนสปอร์ตแต่ก็มาพร้อมของเล่นมากมายตามสไตล์รถซีดานหรูเริ่มตั้งแต่พวงกุญแจแบบ Display Key ที่สามารถแสดงข้อมูลต่างๆของรถได้ ไฟหน้าแบบ LED แบบเปิดปิดอัตโนมัติพร้อมระบบปรับองศาตามทิศทางการหมุนของพวงมาลัย ระบบปรับน้ำฝนแบบอัตโนมัติ ระบบ Comfort Access ระบบประตูดูด ช่วงล่างแบบแปรผันตามโหมดการขับขี่ กระจังหน้ารถเป็นแบบแอคทีฟที่สามารถปรับการเปิดปิดและองศาเพื่อช่วยในเรื่องอากาศพลศาสตร์ได้ ระบบช่วยนำรถเข้าที่จอดแบบอัตโนมัติรุ่น Plus ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบค้างเบรคอัตโนมัติ (Auto Brake Hold) สำหรับภายในก็ให้ของมาเยอะทั้งระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบ 4 โซน ม่านบังแดดหลังไฟฟ้า ระบบอุ่นเบาะนั่งทั้งคู่หน้า หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบฉายขึ้นจอ (HUD) มีที่ชาร์จมือถือแบบไร้สายให้ ระบบเครื่องเสียงรองรับ CD และสามารถเล่นหนังด้วยแผ่น DVD หรือ Blu-ray ได้ด้วยทั้งด้านหน้าและด้านหลัง จอกลางสั่งงานได้ด้วยการแสดงท่างทางของมือ (Gesture Control) รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Harman Kardon 

ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive safety)

• ระบบป้องกันล้อล็อคขณะเบรก (ABS)
  
• ระบบกระจายแรงเบรค (EBD)
  
• ระบบเสริมแรงเบรค (BA)
  
• ระบบควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ (DSC)
  
• ระบบควบคุมการยึดเกาะถนน (DTC)
  
• ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรกขณะเข้าโค้ง (CBC)
  
• ระบบควบคุมการขับขี่ขณะเข้าโค้ง (Performance Control)
  
• ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางลาดชัน (HDC)
  
• ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Dynamic Braking Lights)
  
• ถุงลมนิรภัยคู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านถุงลมนิรภัย / ถุงลมสำหรับศีรษะทั้งตอนหน้าและหลัง

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active safety)

• ระบบเตือนเมื่อรถออกนอกช่องจราจร (Lane Departure Warning)
  
• ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attentiveness Assistance)
  
• ระบบเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตา (Lane Change Warning)
  
• ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องจราจร (Steering and Lane Control Assist with Support in Narrow Place)
  
• ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง (Crossing-traffic Warning Rear)
  
• ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติเมื่อตรวจเจอรถและคนเดินถนนที่ความเร็วต่ำ (City Braking Function)
  
• ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติขณะถอยจอด (Rear Collision Prevention)
  
• ระบบปรับองศาการเลี้ยวอัตโนมัติเมื่อจะเกิดการชน (Evasion Assist)
  
• ระบบเตือนป้ายจราจรและทางแยก (Crossroads Warning with Braking Intervention)
  
• ระบบเตือนสถานะของยาง (Runflat Indicator)
  
• เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้า และ ด้านหลัง
  
• กล้องมองภาพรอบคันแบบ 360 องศา
  

ขุมพลังและสมรรถนะ

ขุมพลังสำหรับเจ้า M5 จะได้เป็นเครื่องยนต์เบนซินแบบ V8 ขนาดความจุ 4.4 ลิตร พร้อมด้วยเทอร์โบคู่ ที่มาในรหัสเครื่อง S63 โดยสามารถรีดแรงม้าได้สูงสุดถึง 600 ตัว ที่ 5600 - 6700 รอบ/นาที ให้แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1800 - 5600 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ จาก ZF ลงล้อทั้ง 4 ล้อ แบบ M xDrive สำหรับสมรรถนะนี่อยากกับรถซุปเปอร์คาร์โดยสามารถเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ได้ภายใน 3.4 วินาที และทำอัตราเร่ง 0 - 200 กม./ชม. ได้ภายใน 11.1 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกล็อคไว้ที่ 250 กม./ชม. เช่นเดิม สำหรับอัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ยสามารถทำได้ที่ 9.5 กม./ลิตร และอัตราการปล่อยไอเสียอยู่ที่ 251 กรัม/กม.

ประสบการณ์การขับขี่

บีเอ็มดับเบิลยูถนัดการสร้างรถบ้านให้ขับสนุก แม้จะเป็นรุ่น M ที่มีพละกำลังสูงมากแต่ในโหมด Comfort การถ่ายทอดกำลังของมันเป็นไปอย่างตามเท้า ถ้าคุณขับปกติมันก็เหมือน 5-Series ทั่วไปบ้านๆคันหนึ่ง ขับง่าย แน่นนุ่ม แต่ถ้าคิกดาวน์มันก็จะกระชากกว่ารุ่นทั่วไปพอสมควร เสียงเครื่องคำรามโหดกว่า พวงมาลัยคมกว่าแต่ไม่ได้หนักกว่าธรรมดาเท่าไหร่ เมื่อคุณกดเป็นโหมด Sport เสียงเครื่องจะดังขึ้นอีกหน่อยเพราะเครื่องจะรอรอบไว้สำหรับการเร่ง กดปุ้ปกระชากปั้ป ช่วงล่างแข็งขึ้น พวงมาลัยหนักขึ้นแต่คมขึ้นอีกเช่นกัน และยิ่งถ้าเป็นโหมด Sport+ คุณจะนึกว่ากำลังขับรถสปอร์ต 2 ประตูอยู่แน่ๆ มันพลิ้วมากๆ ยิ่งเปิดเป็นโหมดขับหลังไว้คุณสามารถดริฟต์รถหนักเกือบ 2 ตันนี่ได้สบายๆ เป็นรถที่สุดยอดมากๆในเรื่องความหลากหลายในการใช้งานที่ทำได้ดีแทบทั้งหมด

ความสะดวกสบายในการโดยสาร

แม้ห้องโดยสารมันจะดูเหมือน 5-Series ธรรมดามากไปหน่อย แต่ตัวเบาะกึ่งบัคเก็ตซีทตัวนี้รวมกับหนัง Merino มันนั่งสบายกว่า 5-Series ทุกรุ่นเลย ผิวสัมผัสดี เบาะกระชับเข้ากับรูปทรงได้หลากหลายเพราะสามารถปรับไฟฟ้าได้หลายทิศทาง แถมมีลูกเล่นที่โลโก้ M5 ตรงคอเรืองแสงได้อีก เบาะคู่หน้าน่าประทับใจมาก เบาะด้านหลังก็นั่งสบายตามมาตรฐาน 5-Series ทั่วไป มีจอความบันเทิงมาให้ก็ดีใช้งานได้โอเค แต่ความบันเทิงของรถที่แท้จริงน่าจะอยู่ที่การนั่งฟังเสียงเครื่องยนต์ V8 คำรามระหว่างที่คนขับเอามันไปซิ่งเสียมากกว่า

BMW M5 คือรถที่ทุกคนสามารถขับได้ไม่ว่าคุณจะขับรถแบบทั่วไปในชีวิตประจำวันมันก็ทำตัวดี หรือจะแอบซิ่งแอบมุดหน่อยมันก็ทำได้ดี หรือจะเอาไปไล่พวกรถซุปเปอร์คาร์มันก็พร้อมจะปลดปล่อย รูปลักษณ์ภายนอกเองก็ดูมีความสุขุมและดุดันด้วยช่องดักลมใหญ่ คาลิปเปอร์ทอง ดิฟฟิวเซอร์ใหญ่ ท่อไอเสีย 4 ท่อ มาดสปอร์ตมาครบ วัสดุภายในงานพรีเมียม ใช้งานได้จริงและสะดวกสบาย ความบันเทิงยังคงมีมาให้สำหรับผู้โดยสารครบถ้วน เป็นรถซุปเปอร์คาร์อเนกประสงค์ที่ทำงานได้ดีในทุกอิริยาบถ เพียงแต่คุณต้องมีเงินจ่ายค่าน้ำมันพอสมควรนะถ้าอยากจะใช้มันทุกๆวัน แม้ว่ารถจะน่าขับทุกวันมากก็ตาม