Chevrolet Captiva

2020 Chevrolet Captiva รถยกสูง 7 ที่นั่งรุ่นสุดท้ายของเชฟโรเลตที่ขายในไทย

Chevrolet Captiva (เชฟโลเล็ต แคปติวา) เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2007 ในฐานะรถ SUV 7 ที่นั่งสำหรับครอบครัวซึ่งก็ทำยอดขายได้ค่อนข้างดีพอสมควรแต่เมื่อเวลาผ่านไปโมเดลนี้ก็ยังคงไม่มีการเปลี่ยนโฉมเสียที มีแต่การปรับโฉมแบบเล็กน้อยไปเรื่อยๆทำให้ตัวรถขาดความสดใหม่และไม่น่าสนใจเมื่อเทียบกับคู่แข่งที่เปลี่ยนโมเดลเรื่อยๆ เชฟโรเลตจึงตัดสินใจนำโมเดลของรถในเครือข่ายพันธมิตรจากจีนคือ Baojun 530 มาแปะป้ายขายเป็น Chevrolet Captiva ในเมืองไทยแทน โดยมีหน้าตาที่แตกต่างจากรุ่นที่แล้วอย่างสิ้นเชิง โดยให้ลุคที่ดูเปรียวลมและเหลี่ยนสันมากขึ้น โดยเปิดตัวมาในราคารุ่นเริ่มต้น LS ที่เป็นแบบ 5 ที่นั่งในราคา 9.6 แสนบาท และรุ่นที่บนๆขึ้นมาจะเป็นแบบ 7 ที่นั่งทั้งหมด โดยรุ่นท้อป Premier เปิดราคาที่ 1.2 ล้านบาทมีทอน แต่ใครจะไปคาดคิดว่านี่จะเป็นรถใหม่รุ่นสุดท้ายที่ GM ทำตลาดในประเทศไทยโดยมีการประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2020 ทำให้ช่วงสั่งลามีการลดราคาไปเกือบ 50% ในแต่ละรุ่นย่อย จนสามารถขึ้นมามียอดขายอันดับ 1 ได้ในเดือนมีนาคมปี 2020 และทำให้รถที่ค้างสต็อกไว้หมดลงอย่างรวดเร็ว โดยทาง GM จะยังมีการรับประกันตามปกติและมีอะไหล่ไว้ให้บริการต่อจากนี้อีก 10 ปี แม้จะปิดโชว์รูมไปแล้วแต่ศูนย์บริการยังคงเปิดทำการปกติเพื่อเป็นการยืนยันว่าเชฟโรเล็ตประเทศไทยจะไม่ทิ้งลูกค้าที่ซื้อไปแล้วแน่นอน

ตารางราคาและผ่อนดาวน์ Chevrolet Captiva

การออกแบบภายนอก Chevrolet Captiva

Chevrolet Captiva ถือว่าทำการบ้านมาได้ดีในการออกแบบให้รูปลักษณ์ภายนอกของแต่ะละรุ่นย่อยมีความแตกต่างกันน้อยมากจนต้องสังเกตเอา โดยด้านหน้ามีการออกแบบไฟเดย์ไทม์ที่สามารถให้มีลักษณะเรียวยาวบริเวณด้านบนของส่วนหน้ารถ รับกับกระจังหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมูขนาดใหญ่ ตราสัญลักษณ์โบว์ไทด์ของเชฟโรเลตแปะอยู่ตรงกลางกระจัง โดยถ้ารุ่นท้อปจะมีกล้องซ่อนอยู่ด้านใต้โลโก้ ถัดลงมาเป็นที่อยู่ของไฟหน้าโดยรุ่นท้อปจะเป็น LED ส่วนรุ่นอื่นเป็นไฟฮาโลเจน ไฟทรงกลม มีคิ้วสี่เหลี่ยมรับบริเวณไฟหน้ากับกันชนด้านล่าง โดยรุ่นท้อปเป็นคิ้วโครเมียมส่วนรุ่นอื่นเป็นวัสดุสีเงิน บริเวณขอบชายด้านหลังรอบคันเป็นพลาสติกกันกระแทกสีดำ ด้านข้างให้ความรู้สึกรถโย่งๆเล็กน้อยอาจเป็นเพราะตัวรถใหญ่แต่ล้อ 17 นิ้วซึ่งดูเล็กไปหน่อยโดยทุกรุ่นย่อยได้ล้อขนาดเดียวกัน ยางไซส์เดียวกันแต่แตกต่างกันที่ลายล้อแม็ก ซุ้มล้อเป็นพลาสติกกันกระแทกสีดำเช่นเดียวกับชายล่างรถ ประตูขนาดใหญ่ กระจกข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว บริเวณเสา C ไปจนถึงเสา D จะมีช่องกระจกโอเปร่าเพื่อให้ผู้โดยสารแถว 3 ไม่อึดอัดและส่วนอื่นที่ไม่ใช่กระจกจะตกแต่งเป็นสีดำเพื่อทำให้หลังคาดูลอยขึ้น (Floating roof) ซึ่งเป็นลักษณะการออกแบบรถ SUV ตามสมัยนิยม มีราวหลังคาให้ เสาอากาศเป็นแบบครีบฉลาม ด้านท้ายรถกระจกหลังมีที่ปัดน้ำฝนมาให้ ไฟท้ายแยกเป็น 2 ก้อนซ้ายขวา ทรงสวยไม่สวยแล้วแต่คนมอง รุ่นท้อปเป็นไฟท้ายแบบ LED ทับทิมสะท้อนแสงติดเป็นแนวยาวตลอดแนวกันชนหลัง ชายล่างรุ่นท้อปและรุ่น LT จะได้ชายล่างหลังแบบสปอร์ตท่อออกด้านซ้าย ส่วนรุ่น LS ท่อไอเสียจะถูกซ่อน

มิติตัวรถ Chevrolet Captiva

การออกแบบภายใน Chevrolet Captiva

บริเวณด้านใน Chevrolet Captiva คุณจะสะดุดตากับจอกลางรถแนวตั้งขนาดใหญ่ 10.4 นิ้ว โดยทุกรุ่นย่อยได้เหมือนกันหมด วัสดุตกแต่งคอนโซลเป็นแบบพลาสติกยกเว้นรุ่นท้อปจะเป็นแบบบุนุ่มมาให้ มาตรวัดสำหรับรุ่น LS จะเป็นมาตรวัด 2 วงธรรมดา วัดรอบเครื่องกับวัดความเร็ว มีหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ขนาดเล็กอยู่ตรงกลาง ในรุ่น LT ขึ้นไปจะเป็นจอแบบดิจิตอลโดยมีเข็มจริงสำหรับวัดรอบและความเร็ว 2 วงเช่นกัน แต่จอกลางจะมีเอฟเฟคสีสันสวยงาม พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่นแต่ปุ่มจะมีจำนวนไม่เท่ากันตามอุปกรณ์และถ้าไม่ใช่รุ่นท้อปพวงมาลัยจะเป็นหนังเทียมแบบแข็งๆ ช่องแอร์ด้านซ้ายขวามีที่ปรับระดับความกว้างของช่อง ช่องแอร์ตรงกลางอยู่ขนาบกับหน้าจอ มีทริมสีเงินตัดเส้นตกแต่งภายใน สำหรับเบาะนั่งรุ่น LS จะได้เป็นแบบผ้าลายยีนส์และรุ่น LT ขึ้นไปได้เบาะหนัง ลักษณะเบาะคล้ายกันแต่ตัวเบาะหนังจะกระชับกว่า ส่วนเบาะผ้านั่งสบายกว่า สำหรับด้านหลังมีช่องแอร์ให้ตรงกลาง อุโมงค์เกียร์เรียบไปกับพื้นทำให้การนั่ง 3 คน บริเวณแถว 2 ทำได้ถนัด ในรุ่น LS 5 ที่นั่งซึ่งเป็นตัวล่างสุดเบาะไม่สามารถปรับเดินหน้าถอยหลังได้ แต่สามารถพับเบาะเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ รุ่นที่เป็น 7 ที่นั่งเบาะแถว 2 สามารถสไลด์หน้าหลังได้ และพับเบาะได้เช่นกัน ในรุ่น LT ขึ้นไปมีแอร์ให้สำหรับผู้โดยสารแถว 3 ด้วยบริเวณด้านข้างของที่นั่ง ในตัวท้อปเป็นรุ่นเดียวที่มีหลังคากระจกไซส์ใหญ่ยาวไปถึงผู้โดยสารตอนหลังเพิ่มความปลอดโปร่งเวลาขับรถได้แต่ใช้ตอนกลางคืนน่าจะแฮปปี้ที่สุด

เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก

Chevrolet Captiva ในทุกรุ่นมาพร้อมระบบอำนวยความสะดวกดังนี้ ระบบไฟนำทางเข้าบ้านโดยจะทำงานหลังจากดับเครื่องแล้วซึ่งไฟหน้าจะยังติดไปสักพักจนกว่าจะดับโดยสามารถตัั้งเวลาเองได้ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้า ระบบเบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ Auto Brake hold ที่เบรกจะทำงานต่อเองหลังจากย้ำเบรคไว้นานค้างไว้ในช่วงเวลาหนึ่ง หน้าจอเครื่องเสียงแบบสัมผัสพร้อมรองรับบลูทูธ Apple CarPlay และ Android Auto มีกล้องมองภาพขณะถอยจอด และรุ่น LT ขึ้นมามีระบบ Smart Keyless Entry เข้าออกรถโดยไม่ต้องหยิบกุญแจออกมา มีปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ มีลำโพงเพิ่มมาเป็น 9 ตำแหน่งพร้อมซัฟวูฟเฟอร์ และรุ่นท้อปมีระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ กล้องมองภาพรอบคันและเซนเซอร์ช่วยกะระยะหน้าหลัง

ระบบความปลอดภัย Chevrolet Captiva

• ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive safety)
• ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS)
• ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
• ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
• ระบบควบคุมการทรงตัว (ESC)
• ระบบป้องกันการลื่นไถลและล้อหมุนฟรี (TCS)
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (HSA)
• ไฟกระพริบฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกระทันหัน (ESS)
• ถุงลมคู่หน้า (รุ่น LS)
• ถุงลมคู่หน้าและด้านข้าง (รุ่น LT)
• ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active safety)
• เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง (รุ่น LS และ LT)
• เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหน้าและหลัง (รุ่น Premier)
• กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด (รุ่น LS และ LT)
• กล้องมองภาพรอบคัน (รุ่น Premier)
• ระบบตรวจวัดและแจ้งเตือนแรงดันลมยาง TPMS (รุ่น LT และ Premier)

Chevrolet Captiva มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร ให้พละกำลังสูงสุด 143 แรงม้า ที่ 5000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 2400 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ CVT ซึ่งสามารถปรับอัตราทดได้ 8 จังหวะ โดยเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ 12.0 กม./ลิตร อัตราการปล่อยไอเสียอยู่ที่ 198 กรัม/กม.

จากการขับขี่ Chevrolet Captiva ในจังหวะคิกดาวน์มีดีเลย์รอรอบอยู่พักนึงก่อนออกตัว คันเร่งไวแต่ไม่ได้พุ่งขนาดนั้น แต่การทำความเร็วสูงขึ้นต่อเนื่องทำได้โอเคไม่เนือยมาก ช่วงล่างนุ่มนวลเหมาะกับการเป็นรถครอบครัว การเอาไปขับแบบสปอร์ตไม่แนะนำอย่างยิ่ง พวงมาลัยไม่ได้คมมาก ในโหมดสปอร์ตเสียงเครื่องจะดังขึ้นแต่รถก็ไม่ได้พุ่งมากไปกว่าโหมดธรรมดามากนัก การแซงต้องลุ้นถ้าไม่ชัวร์โปรดใช้ความระมัดระวัง ถ้าอยากให้เร็วขึ้นอีกนิดคุณต้องเลือกเกียร์เองได้ในโหมด Manual ซึ่งตอนออกตัวทำได้ดีสุดในบรรดา 3 โหมดที่มีมาให้

Chevrolet Captiva เก็บเสียงค่อนข้างดี ช่วงล่างนุ่ม เหมาะกับการเดินทางไกล เบาะผ้านั่งสบายกว่าที่คิดรองรับสรีระได้ดี นั่งแล้วเมื่อยน้อยกว่าเบาะหนังในรุ่นที่บนกว่า ซึ่งเบาะหนังจะให้ความกระชับกว่าแต่อาจไม่เหมาะกับการนั่งทางไกลเท่าไหร่ จอดแวะพักบ้างก็ดี ระบบเครื่องเสียงก็พอให้ความบันเทิงในระดับหนึ่งแต่อย่าคาดหวังไว้สูงเกินไป

Chevrolet Captiva คือรถ SUV สำหรับครอบครัวที่ให้ความนุ่มนวล สุภาพ เรียบร้อย สามารถนั่งได้ 7 คนในรุ่นรองล่างสุดขึ้นไป เครื่องยนต์บล็อกนี้แม้จะเล็กและมีเทอร์โบแต่พละกำลังกลับไม่หวือหวา การใช้งานทั่วไปทำได้ปกติแต่การเร่งแซงค่อนข้างไม่มั่นใจ และไม่ได้ประหยัดอย่างที่คิด การเปิดราคาที่ 9.6 แสนบาท โดยที่ระบบความปลอดภัยก็ไม่ได้เยอะเลย เป็นอะไรที่สู้ได้ยากถ้าเทียบกับคู่แข่งและผลของมันก็ทำให้เซฟโรเลตต้องเก็บกระเป๋ากลับบ้านไป ซึ่งราคาที่ได้เทกระจาดรอบสุดท้ายเป็นอะไรที่เหมาะสมกับตัวรถ