4.3
D-Segment เกรด | SUV ตัวถัง | AT รูปแบบเกียร์ | 2.0L ปริมาตรกระบอกสูบ |
2024 - 2025 Ford Everest มีให้เลือกถึง 7 รุ่นย่อยพร้อมราคาเริ่มต้นอยู่ที่ THB 1,299,000 ถึง THB 1,899,000 รุ่นเริ่มต้นของ everest คือ 2022 Ford Everest 2.0L Turbo Trend 4x2 10AT ที่ราคา THB 1,299,000 ส่วนรุ่นท็อปสุด Ford Everest มาพร้อมราคา THB 1,899,000.
THB 18,159 /เดือน
105.477 กม. / 5 ปี / Bang Bon
THB 18,159 /เดือน
111.009 กม. / 4,5 ปี / Bang Bon
Ford Everest 2024 มีรูปภาพและรูปถ่ายทั้งหมด 509 รูป รวมรูปภาพ & รูปถ่ายภายใน 260 รูป รูปภาพ & รูปถ่ายภายนอก 219 รูป รูปเครื่องยนต์และทอื่นๆ 30 รูป ชมมุมมองด้านหน้า มุมมองด้านหลัง ด้านข้างและมุมมองด้านบนของ Ford Everest 2024 รุ่นใหม่ได้ที่นี่.
2021 Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอเรสต์) เป็นอีกหนึ่ง PPV ที่ขายดีใน 3 อันดับบนสุดของตลาดประเภทนี้ ทีมงานคิดว่า กลุ่มลูกค้าที่ซื้อรถระดับล้านบาทได้นั้น คงไม่ได้มีชีวิตอยู่ติดป่าเขาแน่นอน แต่เพียงแค่ใช้ขับครอบจักรวาล เน้นความคุ้มค่าที่สุด เราจึงเลือกทดสอบรุ่นย่อยที่อัพเกรดจาก Trend ล่างสุด ขึ้นมาเป็นตัวเริ่มต้นของ Titanium แบบขับเคลื่อน 2 ล้อ ขายราคา 1.439 ล้านบาท ที่มีสีเฉดใหม่คือ สีขาว สโนว์เฟลก ไวท์ เพิร์ล คันนี้นี่เอง
ตารางผ่อนและราคา 2021 Ford Everest | |||
---|---|---|---|
รุ่น | ราคา | เงินดาวน์(20%) | ค่างวด (72เดือน) |
Ford Everest2.0L Turbo Trend 4x2 10AT | 1,299,000 บาท | 259,800 บาท | 17,889 บาท |
Ford Everest2.0L Turbo Titanium 4x2 10AT | 1,399,000 บาท | 279,800 บาท | 19,266 บาท |
Ford Everest2.0L Turbo Titanium 4x2 10AT-Sport | 1,429,000 บาท | 285,800 บาท | 19,679 บาท |
Ford Everest2.0L Turbo Titanium+ 4x2 10AT | 1,599,000 บาท | 319,800 บาท | 22,020 บาท |
Ford Everest2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT | 1,799,000 บาท | 359,800 บาท | 24,774 บาท |
คนส่วนใหญ่ที่ซื้อรถรุ่นขับสองแบบนี้ ไม่ใช่คนที่ชอบเอารถไปลงกรวดหรือเลอะโคลน แค่ใช้ขับในเมืองให้ดูตัวใหญ่กว่าใครท่ามกลางอีโค่คาร์ ดังนั้นรูปทรงไม่จำเป็นต้องหน้าบึ้ง หรือดูถึกทุย พร้อมจะกินรถคันหน้าอยู่ตลอดเวลา Ford Everest จึงใส่กระจังหน้าที่มีลวดลายละเอียดอ่อนขึ้น พร้อมใส่ของแต่งใหม่อย่างรู้ใจคน
Ford Everest ด้วยกระจังหน้าลายใหม่ แบบตะแกรงไขว้ เล่นรูปทรงนูนต่ำ 3 มิติ ทำให้มองมุมตรงกับมุมเฉียง จะเห็นลวดลายต่างกัน อันเป็นเทรนด์ยอดนิยมในรถหรูราคาแพง อีกทั้งยังเพิ่มตัวอักษรบนขอบฝากระโปรงรถ เพื่อเอาใจพวกชอบแต่งรถ ที่มักจะไปซื้อตัวอักษรจากร้านประดับยนต์มาติด แต่ในเอเวอเรสต์รุ่นใหม่นี้ ถูกใส่มาให้จากโรงงาน เป็นเส้นนูนต่ำที่มีขนาดบางและออกแบบแข็งแรง แตกต่างจากของแต่งทั่วไป
แต่นอกจากกระจังหน้ากับอักษรขอบฝากระโปรงแล้ว อย่างอื่น Ford Everest ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงชัดเจน ยังคงรูปร่างเหลียมสัน หนักหักท้ายตั้ง ซึ่งเสียเปรียบคู่แข่งจากญี่ปุ่นที่ปรับปรุงรูปร่างหน้าเทท้ายเฉียง ดูสปอร์ตตามสมัยนิยมมากกว่าฟอร์ด
การตกแต่งภายใน 2021 Ford Everest โทนสีดำ/เงิน ดูเรียบๆ ไม่หรูหราหรือสปอร์ตตามลายกระจังหน้า ออพชั่นให้แอร์ออโต้ จอสัมผัส 8 นิ้วที่รองรับสมาร์ทโฟนทุกระบบเป็นพื้นฐาน เพิ่มเติมจากรุ่นล่างขึ้นมาด้วยฝาท้ายแฮนด์ฟรีเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า กับเบาะปรับไฟฟ้า 6 ทิศทางพร้อมดันหลัง ให้ดูหรูขึ้นเล็กน้อย แต่ต้องทำใจว่ายังไม่มีเบาะแถว 3 พับไฟฟ้า เพราะเป็นรุ่นเกือบล่างสุด
แต่เมื่อ 2021 Ford Everest เทียบกับคู่แข่งอย่าง Isuzu MU-X ในระดับราคาใกล้เคียงกัน ก็ต้องเพิ่มเงิน 35,000 บาท จะได้จอสัมผัส 9 นิ้วรับได้ทุกระบบเหมือนกัน ได้เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะคนนั่งก็ปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง พร้อมการตกแต่งโทนสีน้ำตาล/ดำ หรือเทียบกับ Toyota Fortuner ที่มีดีไซน์ภายในและตกแต่งดูหรูหรากว่าในราคาเท่ากัน นี่คือจุดที่ทำให้ลูกค้าคิดหนัก หากจะซื้อรถค่ายมะกันนี้
ยอมรับมาเถอะว่า สิ่งที่หลายคนกลัวไม่กล้าซื้อ Ford Everest นั่นคือกลัวเรื่องระบบเครื่องยนต์และเกียร์ โดยรุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้ เป็นการปรับแก้ปัญหาหมดแล้ว แถมยังกล้ารับประกันเครื่องยนต์ และระบบส่งกำลังรวม 10 ปี หรือ 150,000 กม. ความมั่นใจนี้มาจากการเชื่อมน็อตทอร์คคอนเวิร์ตเตอร์ใหม่ ทำให้เหล็กนั้นขาดยากกว่าเดิม ซึ่งไม่ใช่แค่การพูดลอยๆ เพราะเราไปลองของมาแล้ว
การขับขี่ Ford Everest ในชีวิตจริง เราลองบดขยี้คันเร่งทั้งแบบกระชาก และแบบคิกดาวน์กะทันหัน ซึ่งคิดว่านี่คือสถาณการณ์เลวร้ายสุดเท่าที่จะเกิดขึ้นกับผู้ขับทั่วไปที่ไม่รู้เรื่องกลไกรถมากนัก โดยการกระชากนั้นถูกระบบป้องกันล้อฟรีทำงานได้ฉับไว การคิกดาวน์ก็ลดลงได้ทันใจไม่ต้องคิดนานเป็นวินาที เรียกแรงออกมาได้อย่างไม่มีท้ายปัด(บนถนนแห้ง) ซึ่งเป็นความแรงแบบที่ ค่ายญี่ปุ่นคู่แข่งในระดับราคา 1.4 ล้านยังให้ความแรงไม่ถึงขนาดนี้
Ford Everest ด้านการทรงตัวซึ่งเป็นสิ่งขึ้นชื่อมาก่อนในกระบะเรนเจอร์ พอถูกแปลงเป็นรถอเนกประสงค์ใส่คอล์ยสปริง ก็เซ็ตสปริงมาให้เต้นน้อย ช่วงหลังยุบได้สั้น และโช้คหนืดกว่ากระบะไปอีก ซึ่งให้ความรู้สึกแบบกระแทกครั้งเดียวหยุด ไม่มีการเต้นขึ้นลง และไม่มีการเลื้อยโงนเงนไปมาหลายครั้ง ส่วนด้านหน้าเซ็ตมานิ่ม เบรคแล้วหน้าทิ่มง่าย แต่ยังสามารถรูดคอสะพานที่ความเร็ว 100 กม./ชม.ได้สบายๆ โดยที่พวงมาลัยแปรผันน้ำหนักยังสามารถจับถนนได้อยู่
2021 Ford Everest รุ่นย่อยรองโหล่นี้ ไร้ระบบช่วยการขับขี่ พวกสารพัดการเตือนทั้งหลาย แต่ก็ไม่โล้นไปหมด เพราะยังได้ระบบช่วยทรงตัว ช่วยออกตัวขึ้นเนิน กล้องมองหลัง กับถุงลม 7 ใบมาให้เป็นพื้นฐาน และยังมีครูซคอนโทรล(ไม่แปรผัน) กับไฟหน้าอัตโนมัติ เพิ่มมาให้จากรุ่นล่างสุด พอให้รู้สึกถึงความคุ้มค่าเล็กน้อย
แต่เมื่อ Ford Everest เทียบคู่แข่งที่สดใหม่กว่าอย่าง Isuzu MU-X รุ่นท็อปของตัว 1.9 ที่เพิ่มเงินจากฟอร์ด เอเวอร์เรส 35,000 บาท จะได้รับระบบเบรคอัตโนมัติ ระบบช่วยลงทางลาด และระบบเตือนจุดอับสายตามาครบเเล้ว หรือเมื่อเทียบกับ Toyota Fortuner เขาก็ให้ถุงลม 7 ใบมาเสมอกัน และมีระบบควบคุมต่างๆ ให้ทัดเทียมกัน ไม่ได้ด้อยไปกว่าฟอร์ดเหมือนในอดีตอีกต่อไป
ยังยืนยันตามบทนำว่า คนไทยชอบใช้รถผิดประเภท ซื้อรถมาเผื่อการใช้งานที่หลากหลายมากเกินไป จนไม่มีรถรุ่นใดเซ็ตค่ามาครอบจักรวาลได้ขนาดนั้น ตั้งแต่การขับคลานในเมือง จนไปถึงขนภาระหนักขึ้นเขา แม้ว่า Ford Everes จะพยายามดีที่สุดแล้วในการเซ็ตค่ารถ แต่ก็ต้องทำใจเมื่อขับคนเดียว เพราะรถเบาแล้วยังมีการดีดตัวเป็นปกติเทียบเท่ากับคู่แข่งค่ายญี่ปุ่น ในรุ่นที่หลายคนติดภาพว่าต้องย้วย ดังนั้นการซื้อรถประเภทนี้แล้วขับคนเดียว ต้องเผื่อใจรับกับความเด้งไว้ส่วนหนึ่งด้วย
2021 Ford Everes รุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้ ยังเป็น PPV ที่น่าสนใจ แต่ความน่าสนใจอาจจะไม่ได้มากเท่าแต่ก่อนตอนออกใหม่ เพราะปัจจุบันค่ายคู่แข่งต่างก็พัฒนาทั้งรูปร่างที่สวยสปอร์ตกว่า มีออพชั่นจัดมาให้ใกล้เคียงกันมากขึ้น พร้อมเครื่องยนต์และเกียร์แบบญี่ปุ่นที่ไม่มีปัญหาหนักให้แก้ไขใดๆ จึงทำให้กว่าฟอร์ดจะปรับปรุงสำเร็จได้แล้วในรุ่นนี้ แต่คู่แข่งก็ตีตื้นมา ในราคาที่ต่างกันไม่มาก
นอกเสียจากว่าคุณชอบความแรงและหนึบหนับหาตัวจับยากแบบนี้ ก็เหมาะกับการเลือก 2021 Ford Everes แต่ถ้าชอบความบุฟเฟ่ต์ครอบจักรวาล ขอแนะนำว่า ลองไปขับรถค่ายญี่ปุ่นรุ่นใหม่ในระดับเดียวกันซะก่อน แล้วจะได้ลบภาพจำเดิมๆ ออกไปก่อนตัดสินใจซื้อ
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ 2024 Ford Everest รุ่นใหม่ในไทยอยู่ที่ 7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรถึง 8.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตรและตามที่ผู้ผลิตทางการระบุไว้ว่า ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ Ford Everest WILDTRAK 2.0 Bi-Turbo WILDTRAK 10AT 4×4 2023 อยู่ที่ 7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร, ตามที่ผู้ผลิตทางการระบุไว้ว่า ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ 2022 Ford Everest 2.0L Turbo Titanium+ 4x2 10AT อยู่ที่ 7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร, ตามที่ผู้ผลิตทางการระบุไว้ว่า ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ Ford Everesturbo Titanium+ 4×4 10AT 2.0 Bi-T 2022 อยู่ที่ 7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร, ตามที่ผู้ผลิตทางการระบุไว้ว่า ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ 2021 Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4 10AT อยู่ที่ 7.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร, ตามที่ผู้ผลิตทางการระบุไว้ว่า ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ Ford Everest 2.0 Turbo Sport 4×2 6AT 2022 อยู่ที่ 8.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร, และตามที่ผู้ผลิตทางการระบุไว้ว่า ตัวเลขอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงของ 2022 Ford Everest 2.0L Turbo Trend 4x2 10AT อยู่ที่ 8.4 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร.
ประเภทเชื้อเพลิง | รูปแบบเกียร์ | อัตราสิ้นเปลือง |
---|---|---|
Diesel(1996cc) | AT | 7 L/100km |
Diesel(1996cc) | AT | 7.6 L/100km |
Diesel(1996cc) | AT | 8.4 L/100km |
มีระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติและรุ่นย่อยของFord Everest ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 2.0 Ford Everest Trend 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium Sport 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium Plus 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium Plus 4x4 |
ระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติ | ไม่มี่ | ไม่มี่ | ไม่มี่ | ไม่มี่ | ไม่มี่ |
มีกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวและรุ่นย่อยของFord Everest ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 2.0 Ford Everest Trend 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium Sport 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium Plus 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium Plus 4x4 |
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว | ใช่ | ใช่ | ใช่ | ใช่ | ใช่ |
มีระบบทำความร้อนสำหรับเบาะหน้าและรุ่นย่อยของFord Everest ได้แก่
รุ่นย่อย | 2020 2.0 Ford Everest Trend 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium Sport 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium Plus 4x2 | 2020 2.0 Ford Everest Titanium Plus 4x4 |
ระบบทำความร้อนสำหรับเบาะหน้า | ไม่มี่ | ไม่มี่ | ไม่มี่ | ไม่มี่ | ไม่มี่ |