McLaren 675LT

รถสปอร์ทเมืองผู้ดีมีแค่ 500 คัน รถซุปเปอร์คาร์สัญชาติอังกฤษที่ แมคลาเรน 675 แอลที (McLAREN 675LT) รหัส LT ย่อมาจาก LONG TAIL หรือ แบบเต็มก็คือ LONG TAIL AERODYNAMIC DESIGN ซึ่งหมายถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยีหลักอากาศพลศาสตร์อันล้ำสมัยที่เพิ่มแรงกดท้ายมากขึ้นอีก 40% เมื่อเทียบกับรุ่น 650 S McLAREN 675LT พัฒนาการดีไซน์ต่อยอดมาจาก แมคลาเรน 650S คูเป้ (McLAREN 650S COUPE) และด้านสมรรถนะถือเป็นการสานต่อแรงบันดาลใจจากรถแข่งเอฟ 1 จีทีอาร์ซึ่งเคยโด่งดังเมื่อเกือบสองทศวรรษก่อน ทำให้McLAREN 675LT จะเป็นรถซูเปอร์คาร์ที่เบาที่สุด และทรงพลังที่สุดในตระกูลซูเปอร์ซีรีส์ (Super Series) ด้วยพละกำลังระดับ 675 แรงม้า 

ราคาจำหน่าย

McLAREN 675LT ราคา 39,000,000 บาท

การออกแบบภายนอก McLAREN 675LT

การออกแบบภายนอกอลังกาลมากสำหรับซุปเปอร์คาร์คันนี้ รูปลักษณ์ภายนอกได้รับการเปลี่ยนแปลงใหม่หน้าจรดท้าย
สเกิร์ตรอบคันดีไซน์ใหม่รวมถึงปรับแต่งช่องรับลมเพิ่มเติม สปอยเลอร์หลังคาร์บอนไฟเบอร์แบบใหม่ดูดุดันกว่าเดิม มีช่องรีดอากาศเพิ่มเติมที่ซุ้มล้อ ด้านท้ายเสริมความยาวในแบบ Longtail เพื่อเพิ่มสมรรถนะด้านการควบคุมได้เป็นอย่างดีแถมยังมีน้ำหนักเบากว่าเดิม เพราะทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งชิ้น ระบบระบายไอเสียมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น แต่น้ำหนักเบาเพราะทำจากไททาเนียมติดตั้งอยู่ต่ำกว่าปีกหลังเล็กน้อย ยาง Pirelli P ZERO Corsa หน้า 235/35ZR19 หลัง 305/30ZR20 มิติตัวถังยาว 4.546 ม. กว้าง 2.095 ม. และสูง 1.188 ม. ที่มีน้ำหนักตัวเปล่าแค่ 1,230 กก. มันคือผลลัพธ์จากการแทนที่ชิ้นส่วนเหล็กกล้าด้วยคาร์บอนไฟเบอร์ (CARBON FIBRE) ทั้งในส่วนของตัวถัง อุปกรณ์อากาศพลศาสตร์ และเครื่องยนต์

การออกแบบภายใน McLAREN 675LT

ภายในรถจัดเต็มอุปกรณ์ล้ำสมัย และสวยหรูตกแต่งด้วยหนังอัลคันทาราสีดำตัดด้วยด้ายสีส้มรอบคัน คอนโซลหน้าหุ้มผ้าอัลคันทารารวมไปถึงพวงมาลัยและแผงควบคุมต่างๆ ด้วย มาตรวัดแบบดิจิตอล พร้อมจอแสดงผลอินโฟเทนเม้นท์ เบาะนั่ง Bucket Seat แบบสปอร์ต ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาในขณะที่ห้องเครื่องนั้นใช้ทองคำ 24K มาตกแต่งบริเวณแผงกันความร้อน

ขุมพลัง McLAREN 675LT

การปรับแต่งทั้งหมดนี้ช่วยให้ McLAREN 675LT มีน้ำหนักเบากว่า 650 S ถึง 100 กิโลกรัม แต่เท่านั้นยังไม่พอ เพราะทางแม็คลาเรนยังปรับแต่งเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ขนาด 3,800 ซีซี ให้มีกำลังเพิ่มขึ้นจาก 650 แรงม้า เป็น 675 แรงม้า แรงบิดเพิ่มขึ้นเป็น 700 นิวตันเมตร ส่งให้ซูเปอร์คาร์ที่หนักเพียง 1,230 กิโลกรัมคันนี้ ทะยานจาก 0-100 กม./ชม. ภายในเวลา 2.9 วินาที และมีความเร็วสูงสุดถึง 330 กม./ชม. เลยทีเดียว

ประสบการณ์การขับขี่ McLAREN 675LT

กดปุ่มสวิตช์สตาร์ตเครื่องยนต์แล้วกดคันเร่งเบาๆ ไหลเจ้า 675LT ไปจอดรอที่ทางออกจากพิตเลน กดคันเร่งลงไปเต็มๆ 675LT แรงดึงมหาศาลกดร่างจนจมลงไปในเบาะ แรงกระชากระดับ 700 นิวตันเมตรที่ปล่อยออกมาทำให้คนขับต้องใช้สมาธิในการคุมพวงมาลัยให้ดีๆ เนื่องจากกำลังขนาดนี้อาจทำให้เกิดอาการเป๋ปัดได้ง่ายๆ ส่งคันเร่งไปเกือบจะสุดทางตรง เบรกทำงานทันทีที่ผมกดเท้าลงไปบนแป้น จานคาร์บอนเซรามิกพร้อมคาร์ลิปเปอร์ 6 พอตหน้า 4 พอตหลังบีบจับลงไปบนจานเบรกกำจัดแรงม้าที่มันปลดปล่อยออกมาพร้อมๆ ECU เกียร์สั่งให้ลดอัตราทด มาถึงทางตรงยาวกดคันเร่งจนมิด ใช้เลาเพียงไม่กี่วินาที ความเร็วพุ่งขึ้นไปแตะที่ 225 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยใช้ระยะนิดเดียว ตามด้วยเสียงกระหึ่มของท่อไอเสียและเสียงระเบิดปึงปังเมื่อลากจนสุดแล้วเปลี่ยนเกียร์ มันได้อารมณ์มากครับ 0-100 ใน 2.9 วินาทีของมันพอฟัดพอเหวี่ยงกับ P1 ที่มีราคาเกือบ 200 ล้านบาท แถมมันเร็วกว่า Ferrari 488GTB 0.4 วินาที และเร็วกว่า Lamborghini Huracan LP610/4 อยู่ 0.3 วินาที ช่วงล่างแบบ ProActive Chassis Control การปรับแต่งระบบกันสะเทือนชั้นนำในแบบเดียวกับ P1 และนี่คือรถที่จะทำให้อะดรีนาลีนในตัวคุณพุ่งสูงได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะเมื่อคุณปิดระบบช่วยเหลือการขับขี่ทั้งหมดออกไป แล้วมุ่งสมาธิมาควบคุมมันอย่างเต็มตัว อาการท้ายออกจะมาหยอกเย้ากับคุณได้อย่างเต็มอรรถรส เพราะนี่คือรถซูเปอร์คาร์สุดเอ๊กซ์คลูซีฟที่สุดตั้งแต่ McLaren ผลิตออกมา หนึบ แน่น ระบบช่วงล่างปรับเซ็ทมาได้ยอดเยี่ยมมาก เค้าโค้งด้วยคาเร็วสูงได้อย่างสบายปราศจากอาการโคลงตัวซึ่งทำให้ควบคุมง่ายมาก McLaren 675LT มีระบบการจัดการกับทางโค้งด้วยสารพัดตัวช่วยที่เชื่อมกับแชสซีทำให้ใครก็สามา รถขับได้ราวกับนักแข่งทักษะสูง เพราะระบบมันช่วยทุกอย่างขับได้ง่ายมากทั้งๆ แรงระเบิดมหาศาล มุดเข้าออกโค้งได้ดั่งใจ ช่วงล่างเหนือกว่า 570S และ 650S ไม่ว่าจะขับในสนาม หรือจัดเต็มบนไฮเวย์

อัตราสิ้นเปลือง

McLAREN 675LT มีอัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 8.5 กิโลเมตรต่อลิตร

McLAREN 675LT เป็นรถซุปเปอร์คาร์ที่ครบเครื่องที่สุดทั้งในด้านสรรถนะเครื่องยนต์ ช่วงล่าง ด้านการออกแบบภายนอกที่สปอร์ตโดดเด่นและแตกต่าง ภายในที่สปอร์ตใช้งานง่ายกระชับตัวกับราคาที่ค่าตัวที่เหมาะสมไม่แพงมากจนเกินไป แถมมีเพียง 500 คัน และในประเทศไทยมีเพียงแค่ 3 คันเท่านั้นลิมิเต็ดสุด