Mercedes-Benz B-Class

Mercedes-Benz B-Class รถอเนกประสงค์พรีเมียม คล่องตัวทุกการขับขี่

Mercedes-Benz ค่ายรถหรูจากยุโรปที่มาพร้อมความหรูพรีเมียม และคราวนี้ก็ส่ง Mercedes-Benz B-Class รถอเนกประสงค์ 5 ที่นั่ง ซึ่งในปัจจุบันมีให้เลือกได้แก่ Mercedes-Benz B-Class B 180 Sport ราคา 2.29 ล้านบาท และ Mercedes-Benz B-Class 200 Urban ราคา 2.44 ล้านบาท
Mercedes-Benz B-Class เป็นรถในกลุ่มอเนกประสงค์สไตล์ Hatchback ที่รูปทรงเป็นเอกลักษณ์เฉพาะสไตล์เบนซ์ การดีไซน์ไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่โดดเด่นในด้านการใช้งาน ทั้งเรื่องบรรทุกผู้โดยสารและพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขวาง Mercedes-Benz B-Class มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร โดย Mercedes-Benz B-Class B 180 Sport ให้พละกำลัง 122 แรงม้า ขณะที่ Mercedes-Benz B-Class 200 Urban ให้กำลัง 156 แรงม้า

ตารางผ่อนดาวน์ 

มิติตัวถัง 

ดีไซน์เรียบง่าย แต่หรูหรา

Mercedes-Benz B-Class ถูกออกแบบให้เรียบง่าย เน้นการใช้งานในชีวิตประจำวัน ตัวรถไม่ได้ดูแข็งแกร่งมากนัก ดังนั้นจะไม่ได้เห็นลายเส้นหรือความดุดันจาก Mercedes-Benz B-Class นี้ ส่วนชุดโคมไฟหน้าเป็นแบบ LED พร้อมไฟ Daytime Running Light กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวที่ออกแบบเข้ากับตัวรถ กระจังหน้าใหญ่ พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz แผงกันชนหน้ามีช่องดักอากาศขนาดใหญ่ ไฟท้ายทรงยาว สปอยเลอร์สีดำ ที่ช่วยเสริมด้านท้ายให้รถดูกว้างและสปอร์ตขึ้น ขณะที่ช่วงล่างของ Mercedes-Benz B-Class เป็นท่อไอเสียคู่ พร้อมล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว 

ภายในกว้างขวาง นั่งสบาย

ห้องโดยสาร Mercedes-Benz B-Class ออกแบบใช้งานเพื่อการเดินทางโดยเฉพาะ เบาะนั่งมีความกว้างขวาง รองรับสรีระได้เป็นอย่างดี มีการปรับตำแหน่งการนั่งที่สบาย และมีระยะในการปรับที่มากขี้น เบาะทุกที่นั่งสามารถรองรับการเดินทางไกลได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีระบบควบคุมอุณหภูมิ พร้อมฟังก์ชั่นนวดต่างๆ เบาะหน้าสามารถปรับและพับไฟฟ้าได้ ส่วนเบาะหลังสามารถพับได้ 60:40 เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย ซึ่งสามารถขยายได้สูงสุดถึง 1,547 ลิตรเลยทีเดียว
ขณะที่อุปกรณ์ภายใน Mercedes-Benz B-Class ประกอบด้วยแผงหน้าปัดที่แสดงข้อมูลชัดเจน พร้อมช่องแอร์ทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ คอนโซลกลางสีดำช่วยเพิ่มความเรียบหรู ส่วนการแสดงข้อมูลทั้งสำหรับผู้ขับและ Infotainment ใช้จอแสดงข้อมูลดิจิตอลแบบคู่ สามารถควบคุมเครื่องเสียงได้ด้วยปุ่มบนพวงมาลัย สามารถเล่นวิทยุ สามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้ด้วยระบบ Bluetooth นอกจากนี้ยังใช้ระบบมัลติมีเดียวแบบ MBUX ที่ทำให้ใช้งานได้ง่ายขี้น

ระบบความปลอดภัย

• ถุงลมนิรภัยสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  
• ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
  
• ถุงลมนิรภัยศีรษะสำหรับผู้โดยสารตอนหน้าและหลัง
  
• ม่านถุงลมนิรภัย
  
• ระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก (ABS)
  
• ระบบช่วยเสริมแรงเบรกอัตโนมัติ (Brake Assist)
  
• ระบบป้องกันการลื่นไถลของรถ (TRC)
  
• ระบบช่วยนำรถเข้าจอดโดยอัตโนมัติ Parktronic
  
• เซ็นเซอร์ตรวจจับการชน
  
• สัญญาณกะระยะถอยหลัง
  
• ระบบควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ (ESP)
  
• ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (ASR)
  

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก

• พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
  
• สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
  
• ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control)
  
• ระบบช่วยการขับขี่ (Driving Assistant)
  
• ระบบปลดล็อกประตูอัจฉริยะ
  
• ไฟ Ambient light 
  
• ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  

ระบบพลังงาน

Mercedes-Benz B-Class B 180 Sport มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน เรียง 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 122 แรงม้า ที่ 5,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตันเมตร ที่ 1,250-4,000 รอบ/นาที สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 10.2 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 190 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดย Mercedes-Benz B-Class B 180 Sport ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมระบบเกียร์ที่พวงมาลัย ผ่านระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
ขณะที่ Mercedes-Benz B-Class 200 Urban มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน เรียง 4 สูบ 16 วาล์ว ขนาด 1.6 ลิตร ให้กำลังสูงสุดที่ 156 แรงม้า ที่ 5,300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,250 – 4,000 รอบต่อนาที สามารถเร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายใน 7.9 วินาที และสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 220 กิโลเมตร/ชั่วโมง โดย Mercedes-Benz B-Class 200 Urban ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT พร้อมระบบเกียร์ที่พวงมาลัยเช่นเดียวกัน

ขับได้เรื่อยๆ ราบรื่นทุกเส้นทาง

เนื่องจาก Mercedes-Benz B-Class เป็นเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร เรียกได้ว่าค่อนข้างเล็ก จึงไม่ใช่รถที่ออกแบบมาเพื่อให้ขับขี่สนุกเร้าใจ แต่เหมาะกับการใช้งานในชีวิตประจำวันมากกว่า เครื่องยนต์ไม่ได้ตอบสนองได้ยอดเยี่ยมมากนัก การกดคันเร่งเพื่อให้รถออกตัวอาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่เมื่อกดถึงคันเร่งถึงจุดหนึ่ง รถก็จะพุ่งตัวได้อย่างเร็ว สำหรับ Mercedes-Benz B-Class ถือว่าทำความเร็วได้ดีอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นรถที่ขับได้เรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ และระบบข่วยขับขี่ต่างๆ ทำให้สะดวกในการใช้งาน

อัตราการประหยัดน้ำมัน

Mercedes-Benz B-Class B 180 Sport ให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 5.8 ลิตร/100 กิโลเมตร (ประมาณ 17 กิโลเมตร/ลิตร)
Mercedes-Benz B-Class 200 Urban ให้อัตราสิ้นเปลืองเฉลี่ย 5.5 ลิตร/100 กิโลเมตร (ประมาณ 18.2 กิโลเมตร/ลิตร)

หากใครกำลังมองหารถสำหรับครอบครัวสไตล์ยุโรปที่ขนาดกำลังพอดีไม่ใหญ่ไม่เล็กจนเกินไป Mercedes-Benz B-Class ก็ถือว่าเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจ แม้ดีไซน์จะไม่ได้โดดเด่นมากนัก แต่การใช้งานถือว่าดีระดับหนึ่ง ช่วงล่างที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่หลากหลาย ภายในก็กว้างขวาง ทั้งยังมีพื้นที่เก็บสัมภาระได้มาก ทำให้เหมาะกับครอบครัวหรือเดินทางไกล อีกทั้งราคาประมาณสองล้านกว่าๆ ซึ่งเมื่อเทียบกับความคุ้มค่าแล้ว Mercedes-Benz B-Class ถือว่าควรค่าแก่การเป็นรถอเนกประสงค์เพื่อครอบครัวจริงๆ