Mercedes-Benz SLK-Class

2016 Mercedes-Benz SLC รถเปิดประทุนน้องเล็กคนดีคนเดิมที่มาพร้อมกับชื่อใหม่

เมอร์ซีเดส-เบนซ์ ขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในบริษัทรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก ด้วยการทำรถที่สวยงาม หรูหรา และคงทน (ในสมัยก่อน) และก็เป็นบริษัทที่มีรถยนต์หลากหลายเซกเมนต์มากตั้งแต่รถเก๋งยันรถบรรทุก สำหรับรถเปิดประทุนของค่าย ทางเบนซ์สร้างชื่อเสียงจากรุ่น SL มาอย่างยาวนานโดยคำว่า SL หมายถึงคำว่า Sport และ Lightweight รวมกัน ซึ่งเป็นรถจีทีเปิดประทุนแบบ 2+2 ที่นั่ง และเพื่อต้องการตอบโจทย์คนต้องการรถเปิดประทุนที่เล็กกว่านั้นทางเบนซ์จึงเปิดตัว SLK ในปี 1996 ซึ่งตัว K ย่อมาจากคำว่า Kurz ซึ่งแปลว่าสั้นในภาษาเยอรมัน ตรงตามชื่อย่อของมัน โดยปัจจุบันมี SLK แล้วทั้งหมด 3 เจนเนอเรชั่น แต่เมื่อครั้นถึงปี 2015 เบนซ์ได้ทำการจัดระเบียบชื่อรุ่นรถใหม่ทั้งหมดด้วยความที่รุ่นรถเยอะเกินไปจึงใช้วิธีไล่ขนาดรถจากเล็กสุด A ไปถึงรถใหญ่สุด S แทน ทำให้มีรถหลายรุ่นมากที่ต้องเปลี่ยนชื่อรุ่นไป ซึ่ง SLK ไหนๆเจนที่ 3 ก็ถึงคราวต้องทีการอัพเดตโฉมในปีนั้นพอดี จึงได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น SLC แทน แต่คุณลักษณะต่างๆของรถยังคงเป็น SLK เหมือนเดิมที่มีการอัพเดตและเปลี่ยนโฉมหน้าตากับป้ายชื่อเฉยๆ สำหรับประเทศไทยได้ทำตลาด SLC ด้วย 2 รุ่นย่อยคือ SLC 300 และ SLC 43 ตัวแรงประจำรุ่นในปี 2016

ราคา Mercedes-Benz SLC

Mercedes-Benz SLC 300 AMG Dynamic ราคา 3,990,000 บาท
Mercedes-Benz AMG SLC 43 ราคา 4,990,000 บาท

การออกแบบภายนอก

เบนซ์ SLC ยังคงใช้ตัวถังเดิมร่วมกับ SLK ตัวก่อนปรับโฉมในรหัสตัวถัง R172 ซึ่งสัดส่วนตัวถังเท่าเดิม แต่มีการอัพเกรดหน้าตาให้ดูทันสมัยและลดความแข็งของดีไซน์มากขึ้น โดยการอัพเกรดหลักๆได้แก่ ไฟหน้าทรงใหม่ที่เน้นความโค้งมนมากขึ้นและมีไฟเดย์ไลท์ LED แบบเส้นลากยาวตลอดทั้งโคม พร้อมเป็นไฟเลี้ยวในตัว กระจังหน้าแบบใหม่ที่ได้เป็นลาย Diamond Grill ช่องดักลมด้านหน้าที่เป็นแบบเหลี่ยมกลายเป็นแบบโค้งมนมากขึ้น ลดความแข็งของหน้าตาโดยยังคงมีความสปอร์ตอยู่ สำหรับด้านข้างไม่ว่าจะเป็นช่องระบายลมหลังซุ้มล้อหน้า กระจกข้างพร้อมไฟเลี้ยว มือจับประตู ทุกอย่างเป็นทรงเดิมกับรุ่นก่อนปรับโฉม แต่จะได้ล้อลายที่สวยขค้นโดยเป็นล้อ AMG แบบ 14 ก้าน ขนาด 18 นิ้ว สวยงามมาก ได้ดิสก์เบรกสี่ล้อโดยล้อคู่หน้ามาพร้อมดิสก์เบรกเบาะเซาะร่องระบายความร้อน พร้อมคาลิปเปอร์ปั้มชื่อ Mercedes-Benz สีเงิน ด้านท้ายมากับไฟท้ายทรงโคมเหมือนเดิมแต่มีการเปลี่ยนรายละเอียดภายในโคม ย้ายเอาไฟเลี้ยวไปไว้ล่างสุดของโคมแทนรุ่นเก่าที่อยู่บนสุด ไฟหรี่เบรกแบบรูปทรงคล้ายปีก 2 ชั้น พร้อมเป็นไฟเบรกหลักในตัว ไฟเบรกดวงที่สามตรงกลางด้านบนสุดฝากระโปรงเหนือโลโก้ตราดาว ท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมซ้ายขวาที่ออกแบบให้กว้างและแบนกว่ารุ่นเดิมพร้อมแถมโครเมี่ยมลากพาดด้านชายล่างรถ หลังคาเปิดประทุนของรุ่นนี้ยังเป็นหลังคาเหล็กแบบพับได้ โรล์บาร์หลังพนักพิงศีรษะเป็นสีดำในด้านหาคนขับและสีเงินในด้านหลัง น่าจะออกแบบมาเพื่อกันการสะท้อนแสงเข้ากระจกมองหลัง สำหรับรุ่น SLC43 จะมีการเพิ่มรายละเอียดโดยมีการติดตั้งครีบรีดลมเล็กๆบริเวณช่องดักลมด้านหน้า ตัวอักษร BI-TURBO บริเวณใต้ช่องระบายลมด้านข้าง ล้อแม็ก AMG แบบ 10 ก้านปัดเงา ขนาด 18 นิ้วเท่ากัน ด้านหลังมาพร้อมท่อไอเสียทรงสี่เหลี่ยมที่ใหญ่ขึ้นและในช่องถูกแบ่งให้เป็น 2 ช่อง

มิติตัวรถ

การออกแบบภายใน

การออกแบบภายในเลย์เอาท์ยังคงเหมือน SLK รุ่นก่อนปรับโฉมแทบทุกอย่างเริ่มตั้งแต่ช่องแอร์ทรงกลม 4 วง สำหรับคนขับ คนนั่ง และตรงกลาง 2 วง โดยมีจอกลางขั้นระหว่างช่องแอร์ไว้ พวงมาลัยหุ้มหนังแบบมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน ที่ทรงไม่เหมือนตัวเดิมซึ่งตัวนี้ดูดีขึ้นและมาพร้อมแพดเดิลชิฟต์ สำหรับมาตรวัดยังคงเป็นแบบอนาล็อค 2 วง ซ้ายขวาพร้อมจอแสดงข้อมูลรถแบบดิจิตอล MID ตรงกลาง โดยแบคกราวด์ของมาตรวัดจะเป็นธงลายหมากรุกสีเทาตัดดำ ซึ่งทั้งของรุ่นธรรมดา และ SLC43 ถ้าดูเผินๆจะเหมือนกันเลย แต่จะมีคำว่า AMG แปะอยู่ในวงมาตรวัดรอบ ส่วนมาตรวัดความเร็วตัวเลขแสดงความเร็วสูงสุดจะเพิ่มจาก 260 กม./ชม. ไปเป็น 280 กม./ชม. แค่นั้น คอนโซลกลางแบบเบนซ์สมัยก่อน มีนาฬิกาแบบเข็มอยู่ด้านบนของคอนโซลกลาง อารมณ์เหมือน Sport Chrono Package ของปอร์เช่ชอบกล แผงควบคุมความบันเทิงมีช่องใส่ CD ตรงกลาง ปุ่มกดเลขสำหรับโทรศัพท์ด้านขวา ปุ่มปรับโหมดเครื่องเสียงด้านซ้าย ปุ่มปรับอากาศแบบหมุน บริเวณคอนโซลเกียร์มาพร้อมหัวเกียร์หุ้มหนังทรงหัวไม้พัตเตอร์กอล์ฟพร้อมปั้มโลโก้ SLC ลงไป มีช่องว่างแก้วน้ำ 2 ช่อง พร้อมลูกบิดสำหรับปรับเมนูบนจอกลางรถ ปุ่มสำหรับปรับตำแหน่งเบาะและเมมโมรี่อยู่บนแผงประตูของแต่ละฝั่ง สำหรับเบาะจะเป็นเบาะหนังทรงกึ่งบัคเก็ตที่เหมือนมีคนมาคอยโอบท้องด้านข้างคุณอยู่ตลอดเวลาโดยเป็นหนัง Nappa ทั้งตัวธรรมดาและ AMG 43 เป็นทรงเดียวกันแต่ลายเบาะบริเวณที่รองน่องต่างกันเล็กน้อย สำหรับเข็มขัดนิรภัยรุ่นธรรมดาสีดำ รุ่น 43 สีแดง และทั้งคู่มาพร้อมระบบยื่นเข็มขัดนิรภัยให้ซึ่งเป็นกิมมิคของเบนซ์ แผ่นแปะกาบประตูสำหรับรุ่นธรรมดาจะมาพร้อมกับคำว่า Mercedes-Benz สีโครเมี่ยมมันวาว ขณะที่รุ่น AMG 43 จะเป็นแบบโลหะด้านพร้อมคำว่า AMG สำหรับพื้นที่เก็บของด้านหลังจะมาพร้อมถาดบังสัมภาระซึ่งถ้าจะขับแบบเปิดประทุนต้องเอาถาดออกก่อนเพราะบริเวณนั้นจะกลายเป็นที่อยู่ของที่พับหลังคาแทน

เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก

สำหรับอุปกรณ์เริ่มจากไฟหน้าแบบ LED พร้อมระบบเปิดปิดปรับสูงต่ำและปรับทิศทางอัจฉริยะ ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้าพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติฝั่งคนขับ ระบบกุญแจแบบ Keyless GO ระบบสตาร์ทรถแบบกดปุ่ม กระจกมองหลังปรับแสงอัตโนมัติ ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร 3 สี เบาะนั่งแบบปรับไฟฟ้าพร้อมระบบบันทึกตำแหน่งและระบบอุ่นเบาะ ระบบบันทึกตำแหน่งพวงมาลัยและกระจกมองข้าง ระบบเชื่อมต่อมือถือแบบไร้สาย ด้านการขับขี่มาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบธรรมดา และระบบช่วยนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ สำหรับระบบเครื่องเสียงในรุ่นธรรมดาจะมากับ MB Audio 20 ที่ให้เสียงแบบพอฟังได้ แต่สำหรับรุ่น AMG 43 จะได้เครื่องเสียงจาก Harman Kardon Logic 7

ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive safety)

• ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS)
  
• ระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
  
• ระบบเสริมแรงเบรก (BA)
  
• ระบบควบคุมการทรงตัว (ESP) 
  
• ระบบช่วยขึ้นทางลาดชัด (HSA)
  
• ถุงลมคู่หน้า / ด้านข้าง / ถุงลมป้องกันศีรษะกระแทก
  

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active safety)

• ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (Attention Assist)
  
• เซนเซอร์กะระยะช่วยขณะถอยจอด (Parktronic)
  
• กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด
  
• ระบบเตือนแรงดันลมยาง (Tyre Pressure)
  

ขุมพลังและสมรรถนะ

สำหรับขุมพลังของน้องเล็ก SLC 300 มาพร้อมกับเครื่องยนต์รหัส M274 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 4 สูบ ขนาดความจุ 2.0 ลิตร สามารถให้แรงม้าสูงสุด 245 แรงม้า ที่ 5500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ตั้งแต่ 1300 - 4000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหลัง สำหรับตัวเลขสมรรถนะจากโรงงานระบุว่าสามารถทำอัตราเร่งจาก 0 - 100 กม./ชม. ได้ภายใน 5.8 วินาที ทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 250 กม./ชม. อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 17.2 กม./ลิตร อัตราการปล่อยไอเสียเฉลี่ยอยู่ที่ 155 กรัม/กม. สำหรับพี่ใหญ่ของรุ่น SLC 43 จะมาพร้อมขุมพลังที่ใหญ่ขึ้นโดยมาพร้อมเครื่องเบนซิน V6 เทอร์โบคู่ รหัสเครื่อง M276 ความจุ 3.0 ลิตร สามารถรีดแรงม้าออกมาได้สูงสุดทั้งหมด 367 แรงม้า ที่ 5500 - 6000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 520 นิวตันเมตร ที่ 2000 - 4000 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะลูกเดียวกันต่างที่อัตราทดเฟืองท้ายที่จัดขึ้น ขับเคลื่อนล้อหลัง สำหรับสมรรถนะสามารถทำอัตราเร่ง 0 - 100 กม./ชม. ได้ภายใน 4.7 วินาที ส่วนความเร็วสูงสุดถูกล็อคไว้ที่ 250 กม./ชม. อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 12.8 กม./ลิตร และอัตราการปล่อยไอเสียอยู่ที่ 191 กรัม/กม.

ประสบการณ์การขับขี่

สำหรับรุ่น SLC 300 การเร่งออกตัวทำได้ดีพละกำลังเหลือเฟือพอกับขนาดของรถ มันสามารถออกตัวแบบกระชากให้คุณหลังติดเบาะได้ แต่ถ้าคุณขับที่ความเร็วคงที่อยู่ระดับหนึ่งรถจะใส่เกียร์สูงไว้ให้คุณซึ่งก็คือเกียร์ 8 เกียร์ 9 เพื่อความประหยัด แล้วคุณอยากจะคิกดาวน์ขึ้นมา ช่วงเวลาที่มันจะตบเกียร์ลงมาเพื่อแร่งแซงจะมีอาการดีเลย์ประมาณสักวิ 2 วิ ซึ่งถ้าอยากให้การคิกดาวน์เปลี่ยนเกียร์ได้ไวขึ้นการเข้าโหมด Sport จะช่วยลดดีเลย์ได้ประมาณครึ่งวิ ซึ่งการที่ขับโหมด Comfort แล้วอยากจะแซงขึ้นมาต้องเปลี่ยนโหมดก่อนถึงจะไม่ทำให้คุณเซงได้ แต่ถ้าคุณใช้งานขับเที่ยวชิวๆทั่วไป มันตอบสนองได้ดีไม่มีปัญหาไม่มีอาการกระตุก ช่วงล่างแข็งแต่ติดโยนที่ความเร็วสูง การขับไม่เกิน 160 ยังให้ความมั่นใจได้ แต่ถ้าขับเร็วกว่านั้นต้องเกร็งตัวกันพอควรเลย สำหรับพี่ใหญ่ SLC 43 การกระชากที่ SLC 300 ทำได้ดี ทำได้มัน เจ้า 43 ทำได้ซิ่งกว่านั้นมาก และเกียร์ 9 สปีดตัวนี้ถูกจูนมาให้เปลี่ยนเกียร์ไวกว่าเดิม คิกดาวน์ได้ดีไม่ต้องรอนาน พร้อมพุ่งทะยาน เสียงเครื่องยนต์เพราะระดับหนึ่งแต่ถ้าอยากให้ท่อลั่นกว่านี้ เปิดโหมด Sport+ ไว้ไม่ผิดหวังแน่นอน ช่วงล่างแข็งกว่าเดิมและมีอาการดีดเด้งด้วย ถ้าจะเข้าโค้งเร็วๆลองจับอาการรถดูก่อน ไม่งั้นถ้าไม่ชินแล้วเลี้ยวแรงๆอาจจะหลุดโค้งได้ การใช้งานทั่วไปในเมืองก็ทำได้ดีปกติ แต่ช่วงล่างที่แข็งกว่าถ้าเจอฝาท่อในเมืองอาจจะทรมานกว่าได้

ความสะดวกสบายในการโดยสาร

ถ้าคุณคิดจะนั่งฉุยฉายนั่งนุ่มๆสบายๆในรถคันนี้อาจจะคิดผิดไม่ว่าจะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ ด้วยความที่ช่วงล่างแข็ง ยางแก้มเตี้ย และเบาะรถที่โอบรัดมากพอสมควร ตำแหน่งการนั่งที่ต่ำ มันเหมาะกับการเอาไปซิ่งรับลมมากกว่า แผ่นกันลมหลังกันลมวนเข้าห้องโดยสารได้ดีแต่ยังมีเสียงลมเข้ามาบ้าง ระบบเสียงในตัวธรรมดาไม่ค่อยสู้ดี ส่วนตัว 43 ได้ Harman ก็พอช่วยให้คุณภาพเสียงดีขึ้นมาระดับหนึ่งแบบดีพอใช้ได้ การปรับที่วางขาทำได้นิดเดียวเพราะเป็นรถ 2 ที่นั่งที่ด้านหลังตันแล้วเลยขยับได้ไม่เยอะ แต่ที่ก็ไม่ได้แคบขนาด MX-5 ทำให้คนตัวสูงยังนั่งขับขี่ได้

Mercedes-Benz SLC คือ การปรับโฉมและปรับชื่อเสียงเรียงนามใหม่ของ SLK โดยยังคงเอกลักษณ์สปอร์ตโรดสเตอร์ไซส์เล็กไว้อย่างครบถ้วน ปรับหน้าตาให้เป็นมิตรมากขึ้นโดยคงความสปอร์ตไว้ได้อย่างดี ห้องโดยสารดีไซน์สวย แม้อุปกรณ์จะล้าสมัยไปแล้วในบางจุด ช่วงล่างแข็งแต่ไม่ค่อยให้ความมั่นใจเท่าไหร่เพราะกำลังเครื่องแรง ไม่ว่าจะรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ การเร่งออกตัวทำได้ทันใจ แต่เกียร์ตัวธรรมดาไม่ฉลาดเท่าตัว AMG ทำให้การคิกดาวน์ในโหมด Comfort ทำได้ไม่ทันใจ ถ้าต้องใช้เร่งบ่อยๆขับด้วยโหมด Sport รอไว้เลยดีกว่า เน้นขับเปิดประทุนหล่อๆ แรงๆ เป็นรถคันที่ 2 หรือ 3 ของบ้านได้อย่างดี