Mini Cooper-Se

2021 Mini Cooper SE รถมินิหัวใจไฟฟ้ารุ่นแรกของค่ายแบบปรับโฉม

มินิคูเปอร์ คือรถยุโรปคันเล็กที่วัยรุ่นผู้ชอบการขับรถมักจะให้ความสนใจ ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ กำลังเครื่องที่แรงสมตัว และช่วงล่างที่แข็งสปอร์ตสะใจวัยซิ่ง การขับรถมินิเหมือนขับรถโกคาร์ทยังไงยังงั้น แต่สิ่งที่เหนือความเล็กของมันคือราคาที่มักไม่เล็กตาม และคนส่วนใหญ่ก็ต้องการตัว Cooper S ที่สปอร์ตลงตัวมากกว่าตัวธรรมดา ซึ่งราคาของมันก็ทำให้อีกหลายคนหันไปเล่น 3-Series ไม่ก็ C-Class ที่แรงพอกันแต่นั่งสบายกว่า กว้างกว่า แต่เมื่อยุครถไฟฟ้ามาถึงทางมินิเองก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ขยับตัวไว และเริ่มทำรถไฟฟ้าออกมาโดยใช้พื้นฐานจาก Cooper S ตัวแฮชแบค 3 ประตูรุ่นยอดนิยม ซึ่งเปิดตัวในตลาดโลกปี 2019 โดยเป็นมินิเกรด S ที่ราคาถูกที่สุดเท่าที่เคยมีวางจำหน่าย อาจจะเพราะกำแพงภาษีในไทยที่รถไฟฟ้าถูกกว่ารถเครื่องสันดาป โดยเปิดตัวผ่านทางเว็บไซต์ mini.co.th ในวันวาเลนไทน์ 14 กุมภาพันธ์ 2020 ในเวลา 14:14 น. โดยสามารถจองผ่านเว็บไซต์ได้เลยตั้งแต่เปิดตัว โดยมีโควต้าล็อตแรก 25 คัน ซึ่งใช้เวลาภายในวันเดียวก็จองหมดเป็นที่เรียบร้อยและยังไม่มีจำหน่ายเพิ่ม แต่แล้วทางมินิบริษัทแม่ก็ได้เปิดตัวรุ่นปรับโฉมได้ช่วงปลายปี 2020 ซึ่งถือว่าปรับโฉมไวมากและที่สำคัญในไทยเองก็ได้มีการเปิดจำหน่ายรุ่นปรับโฉมอย่างรวดเร็วในเดือนกุมภา 2021 หรือ 1 ปีพอดีหลังเปิดตัวรุ่นแรกในไทยในราคาเท่าเดิมเป๊ะ และมีรุ่นสีดำพิเศษมาให้เลือกเพิ่มโดยเพิ่มเงินอีก 30,000 บาท ซึ่งสเปคมอเตอร์และแบตเตอร์รี่ยังเหมือนเดิม เปลี่ยนแค่หน้าตาภายนอกเพียงนิดเดียว ซึ่งคนซื้อรุ่นก่อนหน้าไปก็ไม่ต้องน้อยใจเพราะกลายเป็นรุ่นลิมิเต็ดในไทยไปเรียบร้อยแล้ว

ราคา Mini Cooper SE

Mini Cooper SE ราคา 2,290,000 บาท
Mini Cooper SE Enigmatic Black ราคา 2,320,000 บาท

การออกแบบภายนอก

Mini Cooper SE ตัวปรับโฉมมีความเปลี่ยนแปลงสำคัญแค่เพียงบริเวณหน้ารถ สำหรับส่วนอื่นของรถจะเหมือนกันทั้งหมด โดยส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงคือบริเวณกระจังหน้าทึบสีเทาทรงหกเหลี่ยมมนๆตัดด้วยกรอบโครเมี่ยม และมีแถบสีเหลืองไฟฟ้า Energenic Yellow และสัญลักษณ์ Electric วงกลมสีเหลืองในรุ่นเก่าได้หายไปกลายเป็นกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถมีแถบสีดำคาดบนล่างแทน สัญลักษณ์ Electric กลายเป็นตัว S สีเหลืองไฟฟ้าแทนออกแบบให้เหมือนรุ่น Hatch Cooper S มากขึ้นแต่มีกิมมิคที่เป็นไฟฟ้าซ่อนไว้ในรายละเอียดแทน ไฟตัดหมอกหน้าในรุ่นเก่าที่อยู่ข้างกระจังหน้าหายไป กลายเป็นช่องรับลมด้านข้างทรงสามเหลี่ยมแนวตั้ง
แทน ด้านข้างมาพร้อมล้อลาย Electric Spoke ที่เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า 2 อันไขว้กันขนาด 17 นิ้วเช่นเดิม กระจกข้างสีเหลืองไฟฟ้า ซุ้มล้อพลาสติกสีดำด้าน ด้านหลังมาพร้อมไฟท้ายทรงธง Union Jack เช่นเดิม สเกิร์ตล่างรอบคันเป็นพลาสติกด้านสีดำ ตัวถังมาแบบทูโทนสีขาวตัดกับหลังคาดำ แต่พิเศษที่รุ่นปรับโฉมมีสีดำเหลือบน้ำเงินเข้มมาให้เลือกด้วยโดยเพิ่มเงินอีก 30,000 บาท ด้านหน้าดูทันสมัยขึ้นนิดหน่อย นอกนั้นเหมือนเดิม ไฟตัดหมอกคู่หน้าหายไป

มิติตัวรถ

การออกแบบภายใน

ภายในเลย์เอาท์ยังคงเหมือนเดิมแต่มีการปรับรูปทรงช่องแอร์กลางใหม่เป็นทรงเหมือนขนมปังมนๆแทนแบบเดิมที่รับกับจอกลางแต่ดีไซน์แข็งไป รวมถึงแอร์กลมด้านข้างที่เปลี่ยนทรงตะแกรงแอร์ใหม่ให้เหมือนใบพัดเครื่องบิน ลวดลายการตกแต่งบริเวณคอนโซลกลางก็เปลี่ยนไปจากที่เป็นวัสดุดำเงาปั้มลายสามเหลี่ยมเล็กๆเต็มพื้นที่ โดยมีส่วนที่เป็นสีเหลือง Energenic Yellow พาดเป็นเส้นด้วย มาเป็นวัสดุดำด้านตัดกับเส้นเหมือนเป็นสายฝนสีดำเงากับเหลืองไฟฟ้าสลับกันแทน นอกนั้นเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็นมาตรวัดที่เป็นจอดิจิตอลลอยออกมาขนาด 5.5 นิ้ว พวงมาลัยหุ้มหนังมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้านพร้อมโลโก้ Union Jack บริเวณด้านล่างก้านพวงมาลัย คอนโซลกลางที่ออกแบบเป็นวงกลมพร้อมไฟ LED แบบวงแหวน จอกลางพาดอยู่ในวงกลม ปุ่มปรับแอร์แบบทรงกลมพร้อมจอแสดงอุณภูมิแบบดิจิตอล ปุ่มสตาร์ทรถแบบก้านบริเวณใต้ช่องแอร์สีเหลือง ดันขึ้นเพื่อสตาร์ทรถ บริเวณอุโมงค์เกียร์มีช่องวางแก้วน้ำ 2 ช่อง หัวเกียร์ทรงสี่เหลี่ยมดำเงา พร้อมปุ่มควบคุมหน้าจออยู่ข้างๆกัน มีที่เท้าแขนเล็กๆให้พร้อมเป็นช่องเก็บของในตัว เบาะนั่งเป็นเบาะหนัง Nappa สีดำตัดกับผ้าสีดำปรับด้วยมือทั้งคนขับและคนนั่ง มือจับเปิดประตูด้านข้างเป็นทรงกลมเหมือนสัญลักษณ์ Electric ท้ายรถ เบาะด้านหลังเป็นแบบ 2 ที่นั่ง มีช่องวางแก้วให้ทั้งด้านข้างและตรงกลาง แต่พื้นที่แคบมากน่าจะเหมาะสำหรับเด็กเล็กมากกว่า มีพรมพื้นรถพร้อมโลโก้ Electric กลมๆสีเหลืองมาให้ด้วย พิเศษเฉพาะรุ่นนี้ โดยรวมคือแทบไม่ต่างกับรุ่นเดิม ตำแหน่งปุ่มเหมือนเดิมทั้งหมด ถ้าขับรุ่นก่อนปรับโฉมแล้วมาใช้ตัวนี้คือใช้งานได้เลยไม่ต้องปรับตัว

เทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวก

Mini Cooper SE มาพร้อมของเล่นให้สมกับเป็นรถไฟฟ้าล้ำอนาคตโดยมาพร้อมกับไฟหน้าแบบ LED ที่เปิดปิดและปรับสูงต่ำอัตโนมัติ ระบบ Comfort Access ไฟส่องสว่างเป็นรูปโลโก้มินิตอนเราเปิดประตู เสียงสตาร์ทรถแบบยานอวกาศในหนัง แป้นคันเร่งแบบ One-Pedal ที่เมือถอนคันเร่งแล้วรถจะทำการชลอความเร็ว ซึ่งความรู้สึกจะไม่เหมือนรถน้ำมันทั่วไปที่รถจะไหลกว่า ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ 2 โซน หน้าจอกลางแบบสัมผัส ที่ชาร์จมือถือแบบไร้สาย มีหน้าจอแสดงข้อมูลรถแบบ HUD รองรับ Apple CarPlay แบบไร้สาย มีระบบแผนที่นำทางในตัว ระบบเครื่องเสียงจาก Harman Kardon

ระบบความปลอดภัยเชิงปกป้อง (Passive safety)

• ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค (ABS)
  
• ระบบเสริมแรงเบรค (BA)
  
• ระบบกระจายแรงเบรค (EBD)
  
• ระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง (CBC)
  
• ระบบควบคุมการทรงตัว (DSC) 
  
• ระบบป้องกันการลื่นไถล (ASC + T)
  
• ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist)
  
• ถุงลมคู่หน้า / ด้านข้าง / ม่านนิรภัย / ถุงลมป้องกันศีรษะ
  

ระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน (Active safety)

• เซนเซอร์กะระยะช่วยจอดด้านหลัง (PDC)
  
• กล้องมองภาพด้านหลังขณะถอยจอด
  

ขุมพลังและสมรรถนะ

ขุมพลังสำหรับเจ้า Mini Cooper ไฟฟ้าคันนี้มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยวแบบอะซิงโครนัสมอเตอร์ โดยสามารถสร้างกำลังได้สูงสุด 184 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 270 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหน้า มาพร้อมแบตเตอร์รี่ขนาดความจุ 32.6 กิโลวัตต์ชั่วโมง สามารถทำอัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งถึง 100 กม./ชม. ได้ภายใน 7.3 วินาที สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 150 กม./ชม. ระยะทางวิ่งสูงสุดที่ทำได้ตามมาตรฐาน NEDC อยู่ที่ 217 กม. และอัตราการสิ้นเปลืองพลังงานเฉลี่ยอยู่ที่ 5.88 กม./กิโลวัตต์ชม. ซึ่งตัวเลขระยะทางวิ่งจริงๆจะได้ต่ำกว่าที่โรงงานเคลมไว้ด้วยเงื่อนไขการทดสอบที่ไม่ค่อยตรงกับการใช้งานจริง สำหรับการชาร์จไฟ Mini รองรับการชาร์จทั้งแบบกระแสสลับ AC และกระแสตรง DC โดยสำหรับการชาร์จจากปลั้กไฟบ้านทั่วไป AC 1เฟส type 2 กำลัง 2.3 กิโลวัตต์สามารถชาร์จไฟจาก 0 % จนเต็มภายใน 12 ชั่วโมง สำหรับบ้านที่ใช้ไฟ AC 3เฟส ที่ใช้กับตู้ชาร์จกำลัง 11 กิโลวัตต์ จะสามารถชาร์จไฟจากหมดเกลี้ยงจนเต็มได้ภายใน 3 ชม. 12 นาที และสำหรับการนำไปชาร์จกับตู้ Quick Charge ที่ใช้ไฟ DC นอกสถานที่ตามสถานีชาร์จ ถ้าตู้กำลัง 50 กิโลวัตต์จะสามารถชารจ์ไฟจาก 10 - 80% ได้ภายใน 36นาที และถ้าตู้ชาร์จมีกำลัง 150 กิโลวัตต์จะสามารถชารจ์ไฟจาก 10 - 80% ได้ภายใน 28นาที

ประสบการณ์การขับขี่

เสียงสตาร์ทรถเท่มากให้ความรู้สึกล้ำอนาคต การขับขี่ให้ความปรู้ดปร้าดเหมือนมินิทั่วไปแต่มาพร้อมกับความเงียบ อาจจะต้องมีการปรับตัวให้ชินกับ One Pedal ที่ใส่เกียร์ D แล้วรถไม่ไหลและการถอนคันเร่งที่ต้องค่อยๆปล่อย ไม่งั้นรถจะหน่วงค่อนข้างแรง เสียดายที่ตอนเร่งรถน่าจะมีเสียงแบบสปอร์ตเหมือนแบบที่ Taycan มีหน่อยน่าจะล้ำกว่านี้ แต่รถคันนี้โชว์ระยะทางที่วิ่งจริงได้ค่อนข้างต่ำกว่าที่เคลมไว้พอสมควรแม้ว่าจะใช้โหมด Green+ ก็ยังโชว์ระยะได้ประมาณ 160 กม. ซึ่งต่างจากที่เคลมไว้ 210 กม. อยู่ดี เหมาะกับการใช้งานทำธุระในเมืองและถ้าที่ๆไปมีที่ชาร์จรถก็จะสร้างความอุ่นใจได้มากขึ้น

ความสะดวกสบายในการโดยสาร

เบาะหนังตัดผ้านั่งสบายใช้ได้ตามสไตล์มินิทั่วไป กระชับๆหน่อย การเก็บเสียงทำได้ดีระดับหนึ่งแต่เสียงยางบนถนนเข้ามาชัดไปหน่อย ระบบเครื่องเสียงใช้งานได้ดีแต่ถ้าเปิดดังมากอาจจะลดระยะทางวิ่งลงไปได้ เบาะหลังให้เด็กนั่งดีที่สุด

Mini Cooper SE คือรถมินิที่ยังคงให้บุคลิกความสนุก ปรู้ดปร้าด แบบรถโกคาร์ทได้อย่างครบถ้วน แต่มากับซุ้มเสียงที่เงียบเชียบและไม่ปล่อยมลภาวะออกสู่อากาศ หน้าตารูปทรงสวยตัดกับสีเหลือง Energenic Yellow ยิ่งสวย อุปกรณ์ภายในครบครัน แต่ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของมินิคันนี้คือระยะทางวิ่ง แม้จะเคลมว่าสามารถวิ่งได้ถึง 210 กม. ต่อการชารจ์ 1 ครั้ง แต่จากการใช้งานจริงที่ระยะทางหายไปอย่างน้อย 30% ทำให้การเดินทางไกลแต่ละครั้งต้องวางแผนให้ดี การใช้งานในเมืองก็ควรจะต้องชาร์จทุกวันเพื่อความอุ่นใจ การใช้งานอุปกรณ์ในรถทุกอย่างมีผลต่อระยะทางวิ่งทั้งหมด ขับสนุกแบบเดิมแต่ลุ้นๆเรื่องระยะทางวิ่งนิดนึง ก็ต้องช่างใจกันดูว่าคุณรับได้มากน้อยแค่ไหน