Nissan Leaf

THB 1,590,000 - 1,990,000
C-Segment เกรด
Hatchback ตัวถัง
AT รูปแบบเกียร์
-L ปริมาตรกระบอกสูบ
เช็คสเปค

รุ่นย่อยและราคา Nissan Leaf

2024 - 2025 Nissan Leaf มีให้เลือกถึง 2 รุ่นย่อยพร้อมราคาเริ่มต้นอยู่ที่ THB 1,590,000 ถึง THB 1,990,000 รุ่นเริ่มต้นของ leaf คือ Nissan Leaf Minorchange 2023 ที่ราคา THB 1,590,000 ส่วนรุ่นท็อปสุด Nissan Leaf มาพร้อมราคา THB 1,990,000.

พร้อมจัดการซื้อ-ขายรถได้ภายใน 24 ชั่วโมง

ผู้ใช้ แลกรถในฝันแล้ว
เพิ่มรถของคุณ

แลก

Nissan Leaf Minorchange 2023

วีดีโอสั้นที่เกี่ยวข้อง

Nissan Leaf 2024 มีรูปภาพและรูปถ่ายทั้งหมด 150 รูป รวมรูปภาพ & รูปถ่ายภายใน 80 รูป รูปภาพ & รูปถ่ายภายนอก 55 รูป รูปเครื่องยนต์และทอื่นๆ 15 รูป ชมมุมมองด้านหน้า มุมมองด้านหลัง ด้านข้างและมุมมองด้านบนของ Nissan Leaf 2024 รุ่นใหม่ได้ที่นี่.

รีวิว Nissan Leaf

ภาพรวม

รถไฟฟ้า 2020 Nissan Leaf ค่าตัว 1.99 ล้านบาท ถูกที่ ถูกใจ แต่ยังไม่ใช่เวลา

2019 Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) รถยนต์ไฟฟ้าราคา 1.99 ล้านบาทจากค่าย Nissan(นิสสัน) ที่แอบทำส่วนลดครึ่งล้านมาแปปนึงในช่วงที่ผ่านมา และซื้อตอนนี้ก็ยังได้ราคาดีอยู่ เวอร์ชั่นที่จำหน่ายในประเทศไทยเป็นเจนเนอเรชั่นใหม่ ที่มาพร้อมหน้าตาสดใส แต่ภายในที่ยังไม่ทันสมัยไปตามภายนอก
จริง ๆ แล้ว เรื่องของสมรรถนะใน Nissan Leaf ไม่ใช่สาระสำคัญเท่ากับความเหมาะสมในการใช้งานของรถบนท้องถนนประเทศไทย และความพร้อมในการใช้งานรถยนต์ประเภทเหล่านี้มากกว่า ซึ่งตลอดเวลาของการใช้งาน 5 วันนั้น เรียกว่ามีเรื่องที่ต้องฉุกคิดมากมายหากต้องการใช้งานรถประเภทนี้
AutoFun นั้นมองว่ารถยนต์ไฟฟ้าทุกคันมีสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม มีการปรับเพิ่มระยะการใช้งานที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน ที่ที่บ้านของเจ้าของนั้นต้องมีที่ชาร์จไฟแขวนอยู่หน้าบ้าน แบบไม่ควรจะต้องพึ่งพอปลั๊กไฟบ้านแบบธรรมดา หรือไม่ก็ควรจะเป็นรถคันที่ 2 ของครอบครัว

ราคาจำหน่าย 2019 Nissan Leaf

2019 Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) มีจำหน่ายรุ่นเดียวในประเทศไทย ด้วยสนนราคา 1.99 ล้านบาท ยังไม่รวมโปรโมชั่นจากตัวแทนจำหน่าย และมาพร้อมการรับประกันคุณภาพตัวรถ 3 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 1.6 แสนกิโลเมตร และรับประกันระบบไฟฟ้า 5 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร

ภาพภายนอก

ตัวถังไซส์กำลังดี Nissan Leaf เน้นออกแบบเพื่อลดแรงต้านลม

แม้จะดูจากรูปร่างภายนอก Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) ดูเหมือนจะเป็นรถที่ออกแบบด้วยรูปทรงแบบรถในยุคเก่า ๆ ไม่ได้ลักษณะลู่เพรียวลมสักเท่าใด แต่เอาจริง ๆ แล้ว รถคันนี้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำเพียง 0.28 เป็นผลมาจากความชำนาญของทีมออกแบบนิสสัน ที่มีประสบการณ์อยู่แล้วกับการออกแบบรถยนต์ไฟฟ้าหลากหลายรูปแบบ
ขนาดตัวถังนั้นถือว่าน่าใช้งาน ด้วยการมีตัวถังเทียบเท่าซีดานขนาดกลาง มาพร้อมความกว้าง 1,790 มิลลิเมตร ยาว 4,480 มิลลิเมตร สูง 1,560 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อยาว 2,700 มิลลิเมตร ตัวรถที่ออกแบบมาด้วยรูปทรงแฮชท์แบ็ค 5 ประตู ส่งผลให้มีที่เก็บสัมภาระด้านท้ายรถขนาดใหญ่ 435 ลิตร ใส่สิ่งของมากมายได้สบาย
ที่ชาร์จไฟนั้นติดตั้งอยู่ที่ด้านหน้าของตัวรถภายเหนือกระจังหน้าตรงตำแหน่งของโลโก้พอดี กระจังหน้าแบบปิดออกแบบมาในแนวสามมิติเพิ่มความสวยงาม รูปทรงนั้นมีความพยายามใช้เส้นสายและเหลี่ยมสันของรถให้เกิดประโยชน์ในการสร้างมุมนำสายตาหลายจุด ซึ่งดูรวม ๆ ก็ต้องถือว่ามีความโฉบเฉี่ยวอยู่เอาเรื่อง
การตกแต่งภายนอกนั้นไม่ได้เน้นความหวือหวาอะไรมาก ตัวรถ Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 17 นิ้ว พร้อมยางขนาด 215/50 R17 บนลวดลายล้ออัลลอยที่มีความสวยงามขึ้นจากรุ่นก่อน ดิสก์เบรกถูกติดตั้งมาให้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มีการตกแต่งโครเมียมที่มือจับประตู เพื่อเพิ่มความหรูหราให้กับรถได้นิดหน่อย
โคมไฟหน้ามาพร้อมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ แอลอีดี พร้อมด้วยไฟส่องสว่างเวลาเวลากลางวัน ติดตั้งไฟตัดหมอกคู่หน้า พร้อมไฟหน้าแบบปรับระดับสูง-ต่ำอัตโนมัติ กระจกมองข้างพับและปรับได้ด้วยไฟฟ้า ซึ่งต้องบอกว่าเป็นรถที่ไม่ได้มีความหวือหวาในเรื่องของอุปกรณ์ตกแต่งอะไรเสียเท่าไรนัก

การออกแบบภายใน

ห้องโดยสารภายในแนวเรโทร Nissan Leaf ไม่เน้นของเล่น

การออกแบบห้องโดยสารภายในของ Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) นั้น เหมือนกับว่าทีมออกแบบนั้นโดนตัดงบ แล้วเอาไปให้ทีมพัฒนาเครื่องยนต์ ระบบขับเคลื่อน ระบบส่งกำลังทั้งหมด เอาเป็นว่าถ้าไม่เห็นแป้นเกียร์ไฟฟ้าและแผงหน้าปัดที่ดูทันสมัยที่สุดในรถ ก็อาจจะนึกว่านิสสันนั้นไปขอหยิบยืมแผงคอนโซลหน้ามาจากรถเก่า ๆ สักรุ่น
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการออกแบบห้องโดยสารแนวสีดำทึม ๆ พร้อมเดินด้ายสีฟ้าที่เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้มีความโดดเด่นสวยงาม พวงมาลัยนั้นหุ้มหนังมาให้ พร้อมมือจับประตูด้านในก็เป็นโครเมียมเรียบร้อย กระจกหน้าต่างไฟฟ้าฝั่งคนขับติดตั้งระบบเปิด-ปิดด้วยการกดปุ่มครั้งเดียว และระบบป้องกันการหนีบมาให้บานเดียวเท่านั้น
ระบบปรับเบาะทั้งหมดเป็นระบบปรับด้วยมือ โดยเบาะนั่งคนขับสามารถปรับด้วยมือได้ 6 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยมือ 4 ทิศทาง ส่วนเบาะนั่งด้านหลังจะมาพร้อมพนักพิงศีรษะ 3 ตำแหน่ง ที่สามารถพับลงมาเพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระ หรือการขนส่งข้าวของชิ้นใหญ่ ๆ ก็ทำได้โดยง่าย
ระบบเครื่องเสียงในรถยนต์ราคาเฉียด 2 ล้าน มาพร้อมหน้าจอแบบสีขนาด 5 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อผ่าน AUX และ USB รวมถึงการเชื่อมต่อแบบไร้สายผ่านบลูทูธ ติดตั้งลำโพงเสียงให้ 4 ตำแหน่ง ส่วนระบบอื่น ๆ ที่มีมาให้ ก็เช่น ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบคีย์เลส พร้อมกุญแจอิมโมบิไลเซอร์ โชคดีที่มีระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
หน้าจอแสดงผลการขับขี่เป็นอีกสิ่งที่ดูทันสมัยขึ้นมาหน่อยรองจากแป้นเกียร์ทรงกลม มาพร้อมการแสดงข้อมูลมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแสดงระยะทางและพลังงานไฟฟ้าที่เหลืออยู่ อุณหภูมิแบตเตอรี่ การจัดการพลังงาน และเวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งก็ไม่ได้ทำให้ภาพรวมของการออกแบบภายในดูเนี๊ยบขึ้นมาสักเท่าไร

ระบบพลังงาน

Nissan Leaf เครื่องยนต์ที่วิ่งได้ 250 กิโลเมตรต่อการชาร์จ

จริงอยู่ที่นิสสันนั้นเคลมระยะทางการใช้งานต่อการชาร์จไฟของ Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) เอาไว้ที่ 311 กิโลเมตร แต่จากการใช้งานของผมที่นำรถไปชาร์จไฟจนเต็มที่ EGAT เกือบตลอด ระยะทางในการวิ่งที่ทำได้ตามหน้าปัดจะอยู่ที่ประมาณ 250-265 กิโลเมตร ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่าเป็นไปตามพฤติกรรมการขับขี่ของผู้ขับขี่ด้วย
หัวใจในการขับเคลื่อนของรถคันนี้ก็คือมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous รหัส EM57 ที่รีดกำลังได้สูงสุด 150 แรงม้า ที่ 3,283 – 9,795 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,283 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ มาพร้อมแบตเตอรี่ขนาด 40 กิโลวัตต์ชั่วโมง ไม่มีการปล่อยไอเสียจากรถคันนี้
การชาร์จไฟปกตินั้น หากใช้เครื่องชาร์จที่ปล่อยไฟได้ 3.6 กิโลวัตต์จะใช้เวลาประมาณ 12 ชั่วโมง ถ้าใช้ไฟ 6.6 กิโลวัตต์ จะใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง ถ้าชาร์จด้วยเครื่องชาร์จแรงสูงผ่านหัวชาร์จ Chademo แบบที่ผมไปลองที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตมา ก็จะรวดเร็วว่องไวมากขึ้น แต่ก็อาจจะต้องรอคิวกันหน่อยสำหรับเครื่องประเภทนี้

ประสบการณ์การขับขี่

Nissan Leaf การใช้งานจริงที่ดีอยู่ แต่เพิ่มความยากลำบากนิดหน่อย

ความยากลำบากเดียวในการใช้งาน Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) ในประเทศไทย ก็คือการหาแหล่งเติมพลังงานไฟฟ้าให้กับตัวรถนั่นล่ะ เพราะด้วยข้อจำกัดในการเป็นรถยนต์ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว ก็หมายความว่าหากคุณแบตหมดกลางทาง คุณก็ไม่มีทางจะไปไหนต่อได้ และการชาร์จเพื่อให้ได้ไฟมากพอที่จะวิ่งกลับบ้านก็ใช้เวลานานอยู่
จริงอยู่ที่ว่าสถานีชาร์จไฟความไวสูงอาจจะเติมพลังให้คุณได้ 80% ภายใน 30 นาทีตามที่มีการโฆษณากันไว้ แต่สถานีแบบนั้นก็ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ แถมยังกั๊กปล่อยไฟกันไม่ค่อยเต็มที่อีกต่างหาก เพราะฉะนั้น การจะใช้งานรถกลุ่มนี้ก็อาจจะต้องวางแผนกันมากหน่อย เพื่อไม่ให้มีปัญหาตามมาในการใช้งานในชีวิตประจำวัน
ในมุมของการเป็นรถยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สิ่งที่ดีงามมากสำหรับลีฟก็คือเรื่องของการที่รถนั้นไม่ปล่อยไอเสีย หากเราต้องการสตาร์ทรถเปิดแอร์นอนในที่จอดรถก็ทำได้แบบไม่ต้องเกรงใจใคร ถ้าพี่ยามเดินมาเคาะกระจกบอกให้ดับเครื่อง ก็อธิบายไปเท่านั้น ว่านี่รถไฟฟ้าไม่มีไอเสีย
นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบควบคุมเสถียรภาพขณะเข้าโค้ง ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน ติดตั้งระบบอันลือชื่อของแบรนด์อย่างกล้องมองภาพรอบทิศทาง ระบบตรวจจับวัตถุและแจ้งด้วยการส่งสัญญาณเตือน ระบบเตือนเมื่อผู้ขับขี่เกิดอาการเหนื่อยล้า และระบบเบรกมือไฟฟ้า
ซึ่งหากไม่นับเรื่องรูปลักษณ์ที่บางทีก็ดูหาวเรอไปบ้าง Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) ก็เป็นรถที่มีอุปกรณ์และระบบด้านการขับขี่ที่รองรับความต้องการของผู้บริโภคได้มากพอสมควร เพียงเสียแต่ว่า เมื่อรถยนต์เข้ามาที่ประเทศไทยและมีราคาจำหน่ายระดับเกือบ 2 ล้านบาท ผู้บริโภคก็อาจจะต้องการของเล่นในรถที่มากกว่านี้อีกนิดนึง

เรื่องของการขับขี่ Nissan Leaf นั้นเป็นอย่างไรบ้าง

ตัดเรื่อง e-Pedal ซึ่งผมไม่ชอบการตอบสนองของมันออกไป ทำให้ต้องปิดระบบเกือบตลอดการใช้งาน และเลือกใช้บริการคันเร่งและแป้นเบรกปกติไป ต้องบอกว่า Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) เป็นรถไฟฟ้าที่ให้การตอบสนองที่ดีในภาพรวม ไม่ได้เน้นไปที่ความสปอร์ตหรือความประหยัดมากเกินไป เรียกว่าถ้ามีที่ชาร์จก็ใช้งานได้อย่างคล่องแคล่ว
เครื่องยนต์นั้นตอบสนองจี๊ดจ๊าด ลากตัวรถให้พุ่งทะยานกันอย่างสนุกสนาน เรียกว่ารถคันไหนที่คิดว่าจะฉีกหนีง่าย ๆ อาจจะต้องคิดหนักสักหน่อย การทำเร็วตั้งแต่ 0-100 ไปจนประมาณ 120-140 นั้นไหลลื่นอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้น แม้จะแผ่ว ๆ ลงมา แต่ก็ยังไหลไปเรื่อย ๆ แบบไม่เหนื่อยไม่เค้น แต่ก็แอบได้ยินเสียงมอเตอร์นิดหน่อย
ช่วงล่างนั้นแทบไม่ได้แตกต่างจากการขับรถยนต์ซีดานขนาดกลางทั่ว ๆ ไป แถมมีแอบหนึบกว่าเล็กน้อย ด้วยน้ำหนักกดของแบตเตอรี่ที่ติดตั้งไว้ที่พื้นรถ พร้อมด้วยระบบช่วยควบคุมด้านการขับขี่มากมาย ห้องโดยสารกว้างขวางอยู่ นั่งได้สบายทั้งตำแหน่งด้านหน้าและด้านหลัง พร้อมด้วยห้องเก็บของขนาดใหญ่โตเหลือเฟือ

สรุป

Nissan Leaf ถูกที่ ถูกใจ แต่ยังไม่ถูกเวลา

เอาล่ะ แม้ผมจะบ่นเรื่องความไม่คุ้มค่าต่าง ๆ นานาของรถไปมากมาย แต่ถามว่าจริง ๆ แล้วชอบไหม ผมก็ชอบรถคันนี้อยู่นะ ถ้าไม่ติดความหวาดผวาในการใช้งานรถบางครั้ง ที่พอรถติดก็จะเหลือบดูเปอร์เซนต์ไฟฟ้าที่เหลือบ่อย ๆ หรือพอมีเวลาว่างไม่ได้ ก็ต้องรีบบึ่งไปอีแกทกันเพื่อชาร์จไฟให้เต็ม เพื่อความปลอดภัยไว้ก่อน
มีคนบอกว่า นิสสันประเทศไทยนั้น ไม่ได้ตั้งใจในการทำตลาดนิสสันลีฟ แต่เป็นการนำเข้ารถมาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของบริษัทให้เป็นไปตามทิศทางเดียวกันทั่วโลก ซึ่งก็คงจะใช่ส่วนหนึ่ง เพราะหากดูจากแผนงานของพวกเขาแล้ว ในอนาคตเราก็อาจจะได้เห็นสินค้าอย่าง Nissan Ariya (นิสสัน อาริยะ) เข้ามาทำตลาดเพิ่ม
แนวคิดของการเป็นรถยนต์ที่ไม่ปล่อยไอเสียก็โดนใจ ผมสามารถจอดรถนอนในที่จอดรถออฟฟิศได้โดยไม่รบกวนใคร การตอบสนองของรถนั้นก็ถือว่ายอดเยี่ยมในเมืองหลวง และต้องบอกว่าตลอดเวลาที่ผมเอามาลองขับนั้น มีคนเข้ามาถามไถ่แลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องรถไฟฟ้ากันเยอะมาก เพราะพวกเขาก็สนใจเหมือนกัน

รถแนะนำสำหรับคุณ

รุ่นรถ Nissan5 อันดับรถแฮทช์แบ็คอัพเดท
จะมาเร็วๆนี้
Nissan

Nissan Z Proto

THB 1,907,640

ชมรุ่นรถ
Kia

EV9

THB 3,899,000

ชมรุ่นรถ
XPeng

G6

THB 1,060,000 - 1,410,000

ชมรุ่นรถ
ฮิต
Deepal

L07

THB 1,329,000

ชมรุ่นรถ
GAC

GAC Aion Y Plus

THB 1,069,900 - 1,299,900

ชมรุ่นรถ

ช่องจ่ายไฟสำรองของNissan Leafมีอะไรบ้าง

มีช่องจ่ายไฟสำรองและรุ่นย่อยของNissan Leaf ได้แก่

รุ่นย่อย2020 Nissan Leaf Electric
ช่องจ่ายไฟสำรองใช่

ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย BluetoothของNissan Leafมีอะไรบ้าง

มีระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetoothและรุ่นย่อยของNissan Leaf ได้แก่

รุ่นย่อย2020 Nissan Leaf Electric
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetoothใช่

ที่พักแขนคอนโซลกลางของNissan Leafมีอะไรบ้าง

มีที่พักแขนคอนโซลกลางและรุ่นย่อยของNissan Leaf ได้แก่

รุ่นย่อย2020 Nissan Leaf Electric
ที่พักแขนคอนโซลกลางใช่