Yamaha (ยามาฮ่า) ผู้นำตลาดอันดับ 2 กลุ่มรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย เล็งไตรมาส 4 ตลาดฟื้นตัว หลังโควิดซา-วัคซีนแพร่หลาย ดันเศรษฐกิจภาพรวม-ท่องเที่ยว-ส่งออกฟื้นตัว เตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่ม 2 รุ่น พร้อมคุยไฟแนนซ์เจาะลูกค้าเฉพาะกลุ่ม หวังโต 5% ตามเป้าหมาย
พงศธร เอื้อมงคลชัย รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า แนวโน้มภาพรวมของตลาดรถจักรยานยนต์น่าจะเติบโตได้ 1% หรือมียอดจำหน่าย 1.53 ล้านคันในปีนี้ โดยคาดว่าจะเห็นการเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
เป็นผลมาจากการที่ภาพรวมของเศรษฐกิจขยายตัว การแพร่กระจายของโควิด-19 ลดลงและมีการฉีดวัคซีนอย่างแพร่หลายเพียงพอ ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาวะเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยวและการส่งออก ที่หากไม่มีการแพร่ระบาดเพิ่มเติมก็น่าจะถือว่าผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว
"แม้เราจะยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด แต่ยามาฮ่ามองว่าประเทศไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจมาแล้ว นอกจากนี้ เราก็ได้เรียนรู้จากปีที่ผ่านมาว่า รถจักรยานยนต์นั้นเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับตลาดประเทศไทย ที่ได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจไม่มากนัก"
สำหรับยามาฮ่า ตั้งเป้าหมายการจำหน่ายที่ 2.53 แสนคันในปีนี้ หรือมีอัตราการเติบโต 5% โดยมีแผนงานหลักได้แก่การเปิดตัวสินค้าใหม่ 5 รุ่นในปีนี้ พร้อมทั้งการเดินหน้าเจรจาผู้ให้บริการด้านการเงิน เพื่อทำแพคเกจที่เอื้อต่อการปล่อยสินเชื่อสำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มมากขึ้น
พงศธรกล่าวว่า การทำตลาดในปีนี้ จะเน้นไปที่การสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ เพื่อเป็นการเน้นย้ำแนวคิด Revs Your Heart ที่ใช้มานาน 8 ปีให้ชัดเจนและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยการออกภาพยนตร์โฆษณาที่เกี่ยวข้องถึง 7 ชุด เพื่อตอกย้ำความชัดเจนของกลุ่มสินค้าที่หลากหลาย
นอกจากนี้ ก็จะมีการเพิ่มสินค้าเข้ามาทำตลาดมากขึ้นในอนาคต โดยในปีนี้ มีการเปิดตัวแล้ว 3 รุ่น ประกอบไปด้วย Yamaha Aerox (ยามาฮ่า แอร์ร็อกซ์) Yamaha NMax Connected (ยามาฮ่า เอ็นแมกซ์ คอนเนคเต็ด) และ Yamaha MT-07 (ยามาฮ่า เอ็มที-07) ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา
"สำหรับในปีนี้ เรามีแผนงานที่จะเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 2 รุ่น โดยยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะเป็นรุ่นใดและเปิดตัวเมื่อใด นอกจากนี้ เราต้องคุยกับทางผู้ประการการไฟแนนซ์ เพื่อให้สามารถปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าที่มีความหลากหลายของเรา เพื่อสร้างยอดจำหน่ายอย่างต่อเนื่องในปีนี้"
ทั้งนี้ กลุ่มลูกค้าผู้ซื้อรถจักรยานยนต์ในประเทศไทย มีการใช้บริการไฟแนนซ์มากกว่า 95% ในภาพรวมและมากกว่า 80% ในกลุ่มผู้ซื้อรถจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ ขณะที่ผู้ประกอบการไฟแนนซ์เองก็มีความตึงเครียดมากขึ้นในการปล่อยสินเชื่อในช่วงที่่ผ่านมาจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว
ยามาฮ่าได้พูดคุยกับผู้ประกอบการไฟแนนซ์ที่มีความเชี่ยวชาญในการปล่อยสินเชื่อสำหรับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม อาทิ กลุ่มลูกค้าพนักงานกินเงินเดือน หรือกลุ่มอาชีพอิสระ เพื่อที่จะจัดแคมเปญที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าที่แตกต่างกันออกไป ทำให้สามารถจำหน่ายรถได้ตามแผนการที่วางไว้
"สิ่งที่สำคัญมากสำหรับเราในปีนี้ก็คือการปรับตัว เราทำการลดสต็อกสินค้าที่ดีลเลอร์เหลือ 2 เดือน ทำให้ต้องศึกษาตลาดอย่างละเอียดและปรับตัวตามอย่างรวดเร็ว หากตลาดไหนมีแนวโน้มเติบโต เช่น ราคาพืชผลทางเศรษฐกิจดี เราก็ต้องเตรียมพร้อมที่จะเดินหน้าอย่างรวดเร็ว"
นอกจากนี้ ยังต้องมองหากลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น อาทิ การเติบโตของตลาดเดลิเวอรี่ในปีที่ผ่านมา ก็ทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์เติบโต หรือกลุ่มลูกค้าที่เป็นนักศึกษาก็มีการนำรถออกไปหารายได้พิเศษเพิ่มเติม ซึ่งส่งผลดีทำให้ศูนย์บริการมีผู้นำรถมาใช้บริการมากขึ้น
หากดูภาพรวมของตลาดในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ จะพบว่ามีการหดตัวเนื่องจากในปีที่ผ่านมา สถานการณ์ในเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ยังเป็นปกติอยู่ และตลาดในปีนี้ทำยอดขายไป 2.66 แสนคัน หรือหดตัว 6.5% โดยที่ยามาฮ่ามียอดขาย 3.97 หมื่นคัน หดตัว 6% และมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเล็กน้อยที่ 15%
แผนงานในภาพรวมของปีนี้ จะเน้นการทำตลาดแยกรายกลุ่มอย่างชัดเจน โดยตลาดที่มีการเติบโต ยังเป็นตลาดออโตเมติกและพรีเมียม ออโตเมติก ที่ขยายตัวสวนทางกับความต้องการที่ลดลงของตลาดสปอร์ต ขณะที่ตลาดรถครอบครัวนั้น ยังมียอดจำหน่ายที่ทรงตัวมาจนถึงในปัจจุบัน
ทั้งนี้ กลุ่มเซกเมนต์ที่มีการขยายตัวมากอีกกลุ่มได้แก่กลุ่มแมกซ์ ซีรี่ส์ ที่รถจักรยานยนต์อย่าง Yamaha XMax (ยามาฮ่า เอ็กซ์-แมกซ์) มียอดจำหน่ายในประเทศไทยที่ดีที่สุดในโลกกว่า 2.7 หมื่นคัน ขณะที่กลุ่มออโตเมติกก็ขยายตัวเยอะในรอบปีที่ผ่านมา จากการปรับตัวสินค้าของบริษัท
พงศธรกล่าวว่า ในปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทเดินหน้าตอกย้ำแคมเปญที่ยามาฮ่าใช้มายาวนานกว่า 8 ปี อย่าง Revs Your Heart ภายใต้แนวคิดใหม่ "เพราะความสุข เร่งชีวิตให้เร้าใจ" ผ่านการนำเสนอของภาพยนตร์โฆษณา 7 ชุด ที่จะเริ่มออกอากาศกันในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้
"เราจะนำเสนอแนวคิดใหม่ของเราผ่านโฆษณาที่จะลงไปถึงกลุ่มลูกค้าทุกรุ่นของเรา เพื่อถ่ายทอดความหมายของการส่งมอบความสุขผ่านการใช้งานรถจักรยานยนต์ยามาฮ่า ทั้งเพื่อตัวเอง ครอบครัวและสังคม ซึ่งเราเชื่อว่าภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่ง จะส่งผลดีต่อบริษัทในระยะยาว"
นอกเหนือจากการปรับแผนงานด้านแบรนด์ดิ้ง การเปิดตัวสินค้าใหม่ในปีนี้ ยามาฮ่ายังได้ปรับในเรื่องของการให้บริการที่ตัวแทนจำหน่าย โดยมีการนำระบบออนไลน์เข้ามาช่วยในการทำการตลาดมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีแผนจัดกิจกรรมออนกราวด์มากกว่า 5,500 ครั้งตลอดทั้งปีนี้