window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_breadcrumb_above_pc', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1685705363990-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705363990-0'); });

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้!

Archa · Jun 19, 2021 08:04 AM

window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_fourthp_under_pc', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1685705349363-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705349363-0'); });

แน่นอนว่าเมื่อเราเอ่ยถึงรถอย่าง CBR ทุกคนล้วนรู้จักกันเป็นอย่างดีว่านี่คือรถในตระกูลสปอร์ตจากค่ายปีกนก Honda แต่หากให้พูดถึงความเป็นที่สุดของตระกูล CBR แล้วจะต้องมีคำว่า Fireblade ต่อพ่วงเข้ามาด้วย ว่าแล้ววันนี้ทาง AutoFun Thailand จึงอยากจะขอพาทุกท่านไปย้อนตำนานถึงดาบแห่งเปลวเพลิงเล่มที่คมที่สุดของทาง Honda เล่มนี้กัน ว่าทำไมมันถึงได้กลายมาเป็นรถซูเปอร์สปอร์ตไบค์แห่งยุคในปัจจุบันได้

ตำนานเริ่มต้นขึ้นในปี 1992

ตำนานความแรงถือกำเนิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1992 ภายใต้รหัสชื่อรุ่น Honda CBR900RR Fireblade โดยหลังการเปิดตัวได้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ต่อวงการรถจักรยานยนต์ระดับโลก เพราะนี่คือรถสปอร์ตรุ่นแรกที่ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ที่สุดในยุคนั้นซึ่ง Honda ได้กำหนดคำนิยามใหม่ให้กับคำว่า “ซูเปอร์สปอร์ต” ทั้งในด้านรูปลักษณ์ที่ดุดัน เทคโนโลยีที่ล้ำสมัย และมาพร้อมสมรรถนะที่ทรงพลังที่สุด จนก้าวกระโดดขึ้นเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มเดียวกันทันที

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 01

1992 Honda CBR900RR Fireblade 

วิวัฒนาการที่ไม่เคยสิ้นสุด

ปี 1998 Honda เปิดตัว Honda CBR900RR Fireblade โฉมใหม่ มาพร้อมเฟรมใหม่ เครื่องยนต์ใหม่ พร้อมกับการลดน้ำหนักตัวรถเหลือเพียง 180 กิโลกรัม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่เรียกเสียงฮือฮาได้อย่างมากในยุคนั้น

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 02

1998 Honda CBR900RR Fireblade 

ต่อมาในปี 2000 เข้าสู่ยุคใหม่ของ Honda CBR900RR Fireblade ที่ใช้ระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดเป็นครั้งแรก พร้อมการเพิ่มขนาดความจุเครื่องยนต์ 929 ซี.ซี. ควบคู่การรีดน้ำหนักตัวรถเหลือเพียง 170 กิโลกรัม

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 03

2000 Honda CBR900RR Fireblade

เท่านั้นยังไม่พอเพราะในปี 2002 Honda ได้เพิ่มความแข็งแกร่งด้วยการขยายความจุเครื่องยนต์ใหม่เป็น 954 ซี.ซี. แต่ยังคงชื่อรุ่น Honda CBR900RR Fireblade นี่คือรุ่นสุดท้ายที่ใช้รหัส 900RR เพราะต่อมาในปี 2004 ฮอนด้าได้เปิดตัว Honda CBR1000RR Fireblade รถสปอร์ตในพิกัด 1 ลิตร อย่างเป็นทางการ พร้อมเป้าหมายการเข้าร่วมศึกดวลความเร็ว ซูเปอร์ไบค์ เวิลด์ แชมเปียนชิพ

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 04

2002 Honda CBR1000RR Fireblade

นำเทคโนโลยีจากสนามแข่งมาใช้กับรถถนน

Honda CBR1000RR Fireblade สร้างชื่อกระหึ่มวงการในปี 2008 โดยการนำเทคโนโลยีจากรถแข่งแชมป์โลก MotoGP อย่าง Honda RC212V อย่างการควบคุมแรงบิด และระบบสลิปเปอร์คลัตช์มาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่ของรถรุ่นนี้ และด้วยรูปโฉมที่โดดเด่น และแตกต่าง แฟริ่งด้านหน้ามีความโฉบเฉี่ยว ดุดัน และโค้งมนเพื่อรีดลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ หลายคนจึงให้ฉายาโฉมนี้ว่า “นกแก้ว”

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 05

2008 Honda CBR1000RR Fireblade (โฉมนกแก้ว)

ส่วนโฉมกระต่ายที่นักบิดไทยรู้จักกันเป็นอย่างดี สำหรับ Honda CBR1000RR Fireblade รุ่นปี 2012 ซึ่งทาง Honda Bigwing ได้นำเข้ามาจัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการครั้งแรกในประเทศไทย ถือเป็นการฉลองครบรอบ 20 ปีของ CBR Fireblade ที่มีการพัฒนาระบบช่วงล่างใหม่ทั้งคัน พร้อมการปรับจูนเครื่องยนต์ให้สามารถตอบสนองต่อการขับขี่ที่มีความสมูทนุ่มนวลยิ่งขึ้น

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 06

2012 Honda CBR1000RR Fireblade (โฉมกระต่าย)

ต่อมาในปี 2017 ฮอนด้าเปิดตัว All New Honda CBR1000RR Fireblade ซึ่งยังคงยึดแนวทางการพัฒนาให้เป็นรถสปอร์ตที่มีสมรรถนะสูงที่สุดและควบคุมได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด เรียกได้ว่าเป็นรถที่แรงแต่ขี่ง่าย ควบคุมและรีดสมรรถนะได้ไม่ยาก

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 07

2017 All New Honda CBR1000RR Fireblade 

CBR Fireblade กลับมาพร้อมความยิ่งใหญ่ในปี 2021 ภายใต้รหัสใหม่ RR-R

และล่าสุดก็มาถึงเจเนอเรชั่นที่ 14 ของ CBR Fireblade แต่ครั้งนี้ Honda ได้เลือกเปิดตัวโดยใช้รหัสที่แปลกไปกว่าเดิมคือ All New CBR1000RR-R Fireblade โดย RR-R ย่อมาจาก Racing Replica – Race ซึ่งถือเป็นครั้งแรก และรุ่นแรกที่ใช้รหัสอาร์สามตัว 

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 08

2021 All New CBR1000RR-R Fireblade 

โดยได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีจากตัวแข่งระดับแชมป์โลก MotoGP อย่าง Honda RC213V มากที่สุด ตัวรถมีดีไซน์ที่ดุดันกว่าทุกโฉมที่ผ่านมา โดดเด่น และดูล้ำสมัยในทุกมุมมอง มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง DOHC ขนาด 999 ซี.ซี. หัวฉีด PGM-DSFI ระบายความร้อนด้วยน้ำ

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 09

สวย ทรงพลัง ดุดัน และเต็มไปด้วยเทคโนโลยี คือ Fireblade ในปี 2021

พร้อมเซนเซอร์ IMU 6 แกน ช่วยควบคุมแรงบิด และการทรงตัว โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี Winglet แบบ 3 ชั้น เพิ่มประสิทธิภาพขณะขับขี่ในช่วงความเร็วสูงหรือในระหว่างเพิ่มอัตราเร่ง ท่อไอเสียไทเทเนียมจาก Akrapovic ตอบสนองทุกย่านความเร็ว ช่วยรีดสมรรถนะได้อย่างเหนือระดับ

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 10

มันคือรถแข่งที่วิ่งถนนได้ดี ๆ นี่เอง

เทคโนโลยีสมัยใหม่ใน All New CBR1000RR-R Fireblade

ด้านการควบคุมติดตั้งระบบคันเร่งไฟฟ้า Throttle by Wire ให้ความแม่นยำ และปลอดภัยในทุกสภาพการขับขี่ ด้วยระบบ HSTC (Honda Selectable Torque Control) ควบคุมการหมุนของล้อให้มีความสัมพันธ์กัน ระบบไฟเบรกฉุกเฉิน ESS (Emergency Stop Signal) ระบบ HESD (Honda Electronics Steering Damper) โช้คอัพกันสะบัดแบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อการควบคุมที่เหนือชั้น เสมือนกำลังขับขี่รถแข่งในสนามแข่ง พร้อมระบบ Wheelie Control ป้องกันล้อหน้าลอยขณะเร่งกำลังเครื่องยนต์

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 11

ถ่ายทอดเทคโนโลยีมาจากรถแข่ง MotoGP

ทุกอย่างล้วนเป็นที่สุดใน All New CBR1000RR-R Fireblade

All New CBR1000RR-R Fireblade รุ่นมาตรฐานมาพร้อมระบบช่วงล่าง โช้คอัพหน้าหัวกลับ SHOWA BPF ขนาด 43 มม. และโช้คอัพหลัง SHOWA BFRC-lite ระบบเบรก ABS ดิสก์เบรกหน้าคู่แบบเรเดียลเมาท์ Nissin คาลิปเปอร์ 4 สูบ 

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 12

All New CBR1000RR-R Fireblade รุ่นมาตรฐาน

ส่วนในรุ่นพิเศษรหัส SP มาพร้อมระบบช่วงล่างไฟฟ้า Ohlins Electronic Control โช้คอัพหน้าหัวกลับรุ่น NPX ขนาด 43 มม. และโช้คอัพหลัง TTX36 Smart-EC ดิสก์เบรก Brembo Stylema คาลิปเปอร์ 4 สูบ เหมือนที่ใช้ในรถแข่ง RC213V-S และนอกจากนี้ยังติดตั้ง Quick Shifter (UP/DOWN) ปรับได้ 3 แบบตามสไตล์การขับขี่ที่แตกต่าง

Honda CBR Fireblade ตำนานแห่งดาบเปลวเพลิงที่ยังมีลมหายใจมาจวบจนวันนี้! 13

ในรหัส SP ยัดของมาแบบจัดเต็ม

และทั้งหมดนี้คือการเดินทางของตำนานแห่งดาบไฟที่คมกริบนามว่า Fireblade เล่มนี้ ซึ่งหากเพื่อนๆ สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับรถ 2021 All New CBR1000RR-R Fireblade คันนี้สามารถคลิ๊กลิ้งค์นี้ได้เลย

>>>2021 All New Honda CBR1000RR-R & All New Honda CBR1000RR-R Fireblade SP

 

 

 

 

 

 

 

Archa

นักเขียนอาวุโส

นักเขียน/นักทดสอบรถจักรยานยนต์ประสบการณ์กว่า 7 ปีในแวดวง 2 ล้อ ใช้รถมอเตอร์ไซค์เดินทางไปไหนมาไหนตั้งแต่อายุ 10 ปี ได้เรียนรู้รูปแบบการขับขี่กับสถาบันต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Honda , Yamaha , Kawasaki , BMW Motorrad , Ducati และ Aprilia ตั้งแต่หลักสูตรขั้นพื้นฐาน จนไปถึงระดับเรสซิ่ง โเชื่อว่าทุกคนสามารถขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้ แต่ขี่ได้กับขี่เป็นนั้นมันแตกต่างกัน แวะเข้ามาพูดคุยกันได้ทางหน้า Facebook : Pongnara Archarit หรือทาง Instagram : Pongnara Archarit

window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_motor_article_relatedmodel_above_pc', [ 728, 90 ], 'div-gpt-ad-1685705336887-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685705336887-0'); });
window._taboola = window._taboola || []; _taboola.push({ mode: 'thumbnails-a-2x2-stream', container: 'taboola-below-article-thumbnails', placement: 'Below Article Thumbnails', target_type: 'mix' });