Royal Enfield Tour of Thailand 2022 การเดินทางกว่า 1,600 กม. 11 จังหวัด มากกว่า 10,000 โค้งที่ได้พบเจอ!
Royal Enfield Tour of Thailand 2022 คือทริปการเดินทางสุดยิ่งใหญ่ประจำปีของทาง Royal Enfield ประเทศไทยที่ในปีนี้ได้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 แล้ว โดยงานในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 14-20 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา กับเส้นทาง กรุงเทพฯ-เชียงราย รวมระยะทางกว่า 1,600 กม. ผ่าน 11 จังหวัดกว่า 10,000 โค้ง ซึ่งแน่นอนว่าทาง AutoFun Thailand ก็ไม่พลาดที่จะเข้าร่วมทริปการเดินทางสุดพิเศษในครั้งนี้ และแน่นอนว่าเราไม่อยากเก็บความประทับใจในการเดินทางครั้งนี้เอาไว้คนเดียว
การเดินทางกว่า 1,600 กม. 11 จังหวัด มากกว่า 10,000 โค้ง
โดยการเดินทางในครั้งนี้ขอเพียงคุณเป็นลูกค้าที่ขับขี่รถของทาง Royal Enfield ไม่ว่าจะเป็น Royal Enfield Himalayan , Meteor 350 , Classic 350 , Bullet 500 , Interceptor 650 หรือ Continental GT 650 คุณก็สามารถเข้าร่วมความสนุกในครั้งนี้ได้ทันที ส่วนสำหรับการเดินทางในครั้งนี้ AutoFun Thailand ได้รถคู่ใจเป็นสายซิ่งอย่าง Royal Enfield Continental GT 650 ที่จะร่วมออกผจญภัยไปด้วยกันบนเส้นทางแห่งประวัติศาสตร์ครั้งนี้
บทที่ 1 การเดินทางเริ่มต้นขึ้น
บทที่ 2 ออกโบยบิน
บทที่ 3 งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
บทสั่งลา
Royal Enfield รุ่นอะไรก็ไปด้วยกันได้
บทที่ 1 การเดินทางเริ่มต้นขึ้น
จริง ๆ แล้วการเดินทางในครั้งนี้ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ ณ โรงแรม นิวสยาม ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ ซึ่งเมื่อเราเตรียมเสื้อผ้าชุดขับขี่ในการเดินทางครั้งนี้เรียบร้อยแล้วเราก็ได้ออกเดินทางไปยังสถานที่นัดหมายรวมพลแรกของเราในครั้งนี้ เมื่อมาถึงโรงแรมเราก็ได้พบเจอคนแปลกหน้ามากมายที่ไม่รู้จักกันมาก่อน และแต่ละคนก็ดูเป็นไบค์เกอร์มืออาชีพที่มาพร้อมชุดขับขี่ และถือหมวกกันน็อคคู่ใจกันทุกคน จึงทำให้เรารู้ได้ในทันทีว่าทั้งหมดนี้คือเพื่อนร่วมทริปของเราในครั้งนี้นั่นเอง
บรีฟเส้นทางเตรียมความพร้อม
และก่อนที่ทุกคนจะได้ทำความรู้จักกันในช่วงของมื้อค่ำ ทาง Royal Enfield ก็ได้พูดถึงการเดินทางในครั้งนี้ว่าพวกเราทั้งหมดจะขับขี่กันอย่างไร เส้นทางที่เราจะใช้ขับขี่ตลอดทั้ง 7 วันเป็นแบบไหน และมีอะไรที่เราควรระวัง เพราะแน่นอนว่าการขับขี่เป็นหมู่คณะใหญ่แบบนี้ความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความปลอดภัยต่อตัวเราเอง ความปลอดภัยต่อผู้ร่วมทริป และที่สำคัญที่สุดก็คือผู้ใช้รถใช้ถนนคนอื่นนอกขบวนของเรา ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อพูดถึงความปลอดภัยชุดขับขี่จึงถือเป็นอะไรที่สำคัญอย่างยิ่งต่อตัวผู้ขับขี่ และแน่นอนว่าในทริปนี้ทาง Royal Enfield ก็ได้มีการตรวจชุดขับขี่ของทุกคนที่เข้าร่วมทริปว่ามีครบถ้วน และปลอดภัยหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของหมวกกันน็อคแบบเต็มใบ , เสื้อการ์ด , กางเกงการ์ด และรองเท้าหุ้มข้อสำหรับขับขี่มอเตอร์ไซค์ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนสอบผ่านพร้อมลุย
เตรียมตัวพร้อมลุย
และก่อนที่เราจะเริ่มออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้นสำหรับค่ำคืนนี้เราก็ได้ดื่มด่ำไปกับงานเลี้ยงต้อนรับสุดหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาจากทาง Royal Enfield พร้อมด้วยการพูดคุยแนะนำตัวระหว่างผู้ร่วมเดินทางในครั้งนี้ ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนที่มาในครั้งนี้ไม่รู้จักกันมาก่อน และกำลังจะต้องเดินทางไกลไปด้วยกันอีกถึง 7 วัน เพราะฉะนั้นหลายคนจึงตื่นเต้น และอดใจรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ร่วมผจญภัยไปด้วยกันในเช้าวันรุ่งขึ้น
บรรยากาศยามเย็นริมแม่น้ำเจ้าพระยา
บทที่ 2 ออกโบยบิน
14 กุมภาพันธ์ 2565 / กรุงเทพฯ-เพชรบูรณ์ เดินทางไกลที่สุด 416 กม.
สำหรับเช้าวันแห่งความรัก 14 กุมภาพันธ์ วันที่เราจะออกไปผจญภัยก็มาถึง ซึ่งในครั้งนี้เราได้ตั้งขบวนรถมอเตอร์ไซค์กว่า 24 คันออกเดินทางจากตัวกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่จังหวัดสุพรรณบุรี และจุดหมายปลายทางของเราในวันแรกของการขับขี่ก็คือไร่ผากำนันอดิศักดิ์ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งการเดินทางในวันนี้จะเป็นเส้นทางตรงยาวเป็นส่วนใหญ่กว่า 416 กม. จะมีไปเจอเส้นทางคดเคี้ยวบนตัวเขาค้อเท่านั้น ซึ่งการเดินทางในวันแรกถือว่าเป็นเส้นทางการเดินทางที่ยาวที่สุดแล้วของการเดินทางของเราในทริปนี้ และตลอดเส้นทางเราก็โชคดีแบบสุด ๆ เพราะเราไม่เจอฝนเลย แถมอากาศก็ไม่ร้อนจนเกินไปทำให้เราถึงจุดหมายปลายทางกันได้แบบสบาย ๆ ไม่เหนื่อยล้ามากนัก
ตั้งขบวนออกเดินทางจากกรุงเทพฯ
และเมื่อถึงที่พักอย่าง ไร่ผากำนันอดิศักดิ์ อ.เขาค้อ ทุกคนก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเพราะวิวกังหันลมขนาดยักษ์ที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางหุบเขาอันกว้างสุดลูกหูลูกตา พร้อมด้วยอากาศกลางขุนเขาที่ทั้งบริสุทธิ์ และเย็นสบายกำลังดี ซึ่งแน่นอนว่าทุกคนไม่พลาดที่จะเก็บภาพวิวทิวทัศน์ และรถคู่ใจของตนเอง ก่อนที่เราจะไปจบกันด้วยมื้อค่ำของคืนนี้ด้วยหมูกระทะสไตล์ที่เราชื่นชอบสุด ๆ ก่อนที่อากาศจะเริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ จนปากเริ่มสั่นทุกคนต่างก็แยกย้ายกันไปนอนภายในเต็นท์เพื่อเก็บแรงไว้เดินทางในวันรุ่งขึ้นต่อไป
ไร่ผากำนันอดิศักดิ์ อ.เขาค้อ
15 กุมภาพันธ์ 2565 / เพชรบูรณ์-อุตรดิตถ์ ตื่นเช้าท่ามกลางขุนเขา
สำหรับเช้าในวันที่ 2 ของการเดินทางเราตื่นเช้ามาพร้อมอากาศอันหนาวเย็น และหมอกยามเช้าท่ามกลางขุนเขาภายในไร่ผากำนันอดิศักดิ์ ซึ่งก่อนออกเดินทางในเช้าวันนี้เราก็ได้เติมพลังยามเช้ากันด้วยข้าวต้มร้อน ๆ และกาแฟหอมกรุ่นท่ามกลางวิวขุนเขาซึ่งเป็นอะไรที่ฟินสุด ๆ ซึ่งเช้านี้เราก็ได้ขับรถฝ่าหมอกยามเช้าจากเขาค้อมุ่งหน้าเข้าสู่จังหวัดอุตรดิตถ์กับระยะทางประมาณ 308 กม. ในการเดินวันนี้ ซึ่งด้วยความโชคไม่ดีของเราในวันนี้ก่อนเข้าถึงที่พักใน จ.อุตรดิตถ์ นั้นขบวนของเราได้ชุ่มฉ่ำกับสายฝนไปแบบเต็ม ๆ
ตื่นเช้ามาท่ามกลางทะเลหมอกเขาค้อ
16 กุมภาพันธ์ 2565 / อุตรดิตถ์-น่าน ข้ามแม่น้ำเล่นโค้งบนภูเขา
สำหรับการเดินทางของเราในวันที่ 3 ขบวนของเราจะมุ่งหน้าไปยังท่าเรือแพข้ามฟากปากนาย เพื่อนำรถมอเตอร์ไซค์ของเราทั้งหมดข้ามแพไปยังฝั่ง จ.น่าน โดยที่การเดินทางในวันนี้จะมีระยะทางประมาณ 240 กม. แต่เป็น 200 กว่าโลที่เต็มไปด้วยเส้นทางคดเคี้ยวผ่านตัวหุบเขา ที่ต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมากในการขับขี่ เพราะตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยเศษใบไม้แห้ง หรือฝูงสัตว์ของชาวบ้านคอยขวางอยู่บนถนนเป็นระยะ ๆ
แพข้ามฟาก
แต่ตัวเส้นทางก็แฝงไปด้วยความสนุกซึ่งสำหรับใครที่เป็นสายเทโค้งเราบอกได้เลยว่าสนุกแน่นอน เป็นยาแก้ง่วงนอนได้เป็นอย่างดี และในค่ำคืนนี้เราจะนอนกัน ณ ตัวเมืองของ จ.น่าน และแน่นอนว่าเราไม่พลาดที่จะแวะไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของ จ.น่าน ณ วัดภูมินทร์
จ.น่าน ณ วัดภูมินทร์
17 กุมภาพันธ์ 2565 / น่าน-ปัว เส้นทางบนสันเขาอันสวยงาม
เข้าสู่การเดินทางในวันที่ 4 กับระยะทางที่เริ่มน้อยลงเพราะวันนี้เราจะเดินทางจาก น่าน-ปัว กันด้วยระยะทางเพียง 140 กม. เท่านั้น แต่หลายคนคงจะทราบกันดีว่าการเดินทางจากน่าน ไปอำเภอปัวนั้นล้วนแล้วแต่เป็นเส้นทางคดเคี้ยวลัดเลาะไปตามเส้นทางแนวภูเขาอันสวยงาม
เส้นทางคดเคี้ยวตามแนวสันเขาของ อ.ปัว
ซึ่งแน่นอนว่าไฮไลน์ของเราในวันนี้จะอยู่ที่ถนนหมายเลข 3 อันเลื่องชื่อของ อ.ปัว นั่นเอง ซึ่งการขับขี่ในวันนี้เราสนุกมากเพราะนอกจากวิว 2 ข้างทางจะสวยงามแล้ว เส้นทางยังเต็มไปด้วยโค้ง และเส้นทางคดเคี้ยวที่ช่วยให้เราหายง่วงได้ตลอดเวลา แต่สำหรับผู้ที่ไม่เคยขับขี่ในเส้นทางแบบนี้ หรือไม่ได้เดินทางออกทริปบ่อย ๆ เส้นทางบนอำเภอปัวนั้นถือว่าอันตรายมากทีเดียว โดยเฉพาะถ้าหากถนนลื่น และมีฝนตกลงมา ดังนั้นเราจึงควรขับขี่บนถนนเส้นนี้ด้วยความระมัดระวังอย่าได้เพลิดเพลินกับวิวทิวทัศน์จนเกินไป
ถนนหมายเลข 3 ไฮไลท์ของวันนี้
18 กุมภาพันธ์ 2565 / ปัว-เชียงของ ถนน 1148 ที่ทุกคนใฝ่ฝันจะมาเยือน
ในที่สุดเราก็เข้าสู่การเดินทางในวันที่ 5 ด้วยความรวดเร็ว ในวันนี้เราจะออกเดินทางจากเมืองในหุบเขาอย่างอำเภอปัว มุ่งหน้าสู่อำเภอเชียงของ จ.เชียงราย กับระยะทางสุดชิวประมาณ 240 กม. ในวันนี้ โดยการเดินทางเข้าสู่ตัวเชียงของในวันนี้เราจะขับขี่ผ่านถนนเส้น 1148 ภูลังกา ซึ่งถือเป็นหนึ่งในถนนที่มีความคดเคี้ยว และสวยเป็นอันดับต้น ๆ ของเมืองไทยในเวลานี้เลยทีเดียว และแน่นอนว่าถนนเส้นนี้เป็นที่หมายตาของเหล่าไบค์เกอร์ในเมืองไทยว่าอยากจะมาขี่รถบนถนนเส้นนี้สักครั้งในชีวิต
ถนนเส้น 1148 อันเลื่องชื่อ
และเมื่อเราไปถึงมันก็สวยงามสมคำร่ำลือจริง ๆ ถึงแม้เส้นทางจะมีความคดเคี้ยว และมีโค้งลาดชันในบางช่วงแต่วิวตลอด 2 ข้างทางนั้นสวยสุด ๆ จนทำให้เราลืมความอันตรายของเส้นทางไปเลย และแน่นอนไม่พลาดที่ทุกคนจะจอดเก็บภาพความประทับใจที่มีวิวทิวทัศน์เบื้องหลังเป็นภูลังกา พร้อมรถมอเตอร์ไซค์คู่ใจกันเอาไว้ ก่อนที่ค่ำคืนนี้เราจะเดินทางไปพักกัน ณ อำเภอเชียงของ พร้อมที่พักสุดหรูติดริมแม่น้ำโขงอันสวยงาม กับบรรยากาศยามเย็นริมฝั่งโขงอันสวยงาม
ไม่พลาดแวะเก็บภาพความประทับใจกับถนนเส้น 1148 ภูลังกา
19 กุมภาพันธ์ 2565 / เชียงของ-เชียงราย เส้นทางเลียบริมโขง
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงวันสุดท้ายของการขับขี่ ด้วยการเดินทางจากอำเภอเชียงของ เข้าสู่ตัวจังหวัดเชียงราย กับระยะทางประมาณ 210 กม. ในวันนี้ โดยเส้นทางในวันนี้ถือว่าสบาย ๆ ตื่นเช้ามาท่ามกลางฝนโปรยปรายบาง ๆ บริเวณริมฝั่งโขง เพื่อออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ เพื่อรับประทานอาหารเที่ยง ก่อนจะเดินทางไปจิบชายามบ่าย ณ ไร่ชาฉุยฟงอันเลื่องชื่อ ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการแวะไปเก็บภาพที่สวยงามของวัดร่องขุนก่อนปิดทริปการเดินทางในครั้งนี้
ตื่นเช้ามากับที่พักริมโขงของเรา
บทที่ 3 งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา
และก่อนที่ทุกคนจะเดินทางกลับในเช้าตรู่ของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ด้วยเครื่องบินจากจังหวัดเชียงราย บรรยากาศของงานเลี้ยงในคืนวันสุดท้ายก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่น และเป็นกันเอง เพราะการเดินทางตลอด 6 วันที่ผ่านมานั้นมันได้หล่อหลอมให้คนแปลกหน้ากว่า 24 คนในทริปนี้กลายมาเป็นเพื่อน พี่น้อง ครอบครัว ที่คอยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน พูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ร่วมกัน ซึ่งมันทำให้การขับขี่ในครั้งนี้เป็นมากกว่าการขี่รถท่องเที่ยว แต่มันเป็นการเดินทางที่คุณจะได้ทั้งมิตรภาพใหม่ ๆ เพื่อนใหม่ ซึ่งมันสำคัญกว่าการได้ออกมาขี่รถมอเตอร์ไซค์คู่ใจไปบนเส้นทางที่สวยงาม แต่มันคือการขี่รถไปพร้อมกับเพื่อนที่รู้ใจ ซึ่งนี่คือมิตรภาพที่คุณจะหาจากที่ไหนไม่ได้นอกจากทริป Royal Enfield Tour of Thailand ในครั้งนี้
รอยยิ้ม และมิตรภาพในการเดินทางคือสิ่งที่หาซื้อไม่ได้
บทสั่งลา
สุดท้ายจากการเดินทางตลอด 8 วันในทริป Royal Enfield Tour of Thailand 2022 ในครั้งนี้เราอยากจะบอกว่านอกจากกำลังกาย พลังใจ และรถที่ยอดเยี่ยมที่จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างปลอดภัยแล้วนั้น เพื่อน พี่น้อง ร่วมทางที่ดีเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คุณจะขาดไม่ได้เพื่อที่จะทำให้คุณเดินทางไปยังจุดหมายได้อย่างปลอดภัย ซึ่งเราไม่ขอให้คุณเชื่อ แต่เราอยากให้คุณได้ลองมาสัมผัสกับทริปอย่าง Royal Enfield Tour of Thailand
อยากให้คุณได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง
ที่เราเชื่อว่ามันจะต้องกลายเป็นประสบการณ์ที่คุณจะไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน ซึ่งสำหรับในปีหน้านั้นกิจกรรม Tour of Thailand จะจัดขึ้นที่ไหนวันที่เท่าไหร่รอติดตามข่าวสารจากทางหน้าแฟนเพจ Royal Enfield Thailand กันเอาไว้ให้ดี ๆ เพราะเราอยากให้คุณได้มาสัมผัสเรื่องราวดี ๆ เหล่านี้ด้วยตัวคุณเอง
Royal Enfield Tour of Thailand 2022
อ่านเพิ่มเติม : 2021 Royal Enfield Himalayan ตัวลุยน่าใช้ที่หลายคนมองข้าม
อ่านเพิ่มเติม : 2022 All-New Royal Enfield Classic 350
อ่านเพิ่มเติม : 2021 Royal Enfield Continental GT 650 คาเฟ่เรเซอร์ตัวหล่อ
อ่านเพิ่มเติม : 2021 Royal Enfield Meteor 350 ครุยเซอร์ไบค์ไซค์เล็ก
อ่านเพิ่มเติม : 2020 Royal Enfield Bullet 500 รถระดับตำนาน
อ่านเพิ่มเติม : 2021 Royal Enfield Interceptor 650 คลาสสิคร่วมสมัยกับขุมพลังสูบคู่