ขี่ก่อนใครกับ LYVA แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าน้องใหม่ที่เปิดขายในประเทศไทย!

Archa
Archa · 2023-03-22 16:53:01

ขี่ก่อนใครกับ LYVA แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าน้องใหม่ที่เปิดขายในประเทศไทย!

หลังจากที่แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าน้องใหม่อย่าง LYVA(ไลวา) ได้เข้ามาทำตลาดที่ประเทศไทยก็นับได้ว่าเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อย เพราะต้องบอกเลยว่าครั้งแรกที่เราได้เห็นตัวรถจากทางค่ายอย่าง LYVA นั้นมันดูดีมากทีเดียวในแง่ของการออกแบบ แต่ในด้านของสมรรถนะนั้นจะเป็นอย่างไร AutoFun Thailand ได้ไปทดสอบมาให้คุณแล้วเป็นที่เรียบร้อย

  • ทำความรู้จักน้องเล็ก MB5 และพี่ใหญ่ S30 Plus
  • สิ่งที่รถทั้ง 2 มีเหมือนกัน
  • ลองขี่ของจริงจาก ราชพฤกษ์-อยุธยา
  • ความประหยัดของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า
  • สไตล์ตัวรถที่แตกต่าง เหมาะกับแต่ละคน
  • เปิดราคา พร้อมวางจำหน่ายในมอเตอร์โชว์เรียบร้อย
LYVA S30 Plus & LYVA MB5

ทำความรู้จักน้องเล็ก MB5 และพี่ใหญ่ S30 Plus

มาเริ่มทำความรู้จักกับเจ้ารถทั้ง 2 รุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศไทยตอนนี้กันก่อน มาเริ่มกันด้วยน้องเล็กอย่าง LYVA MB5 ที่มาพร้อมรูปร่างที่ดูเล็กกะทัดรัด ด้วยน้ำหนักตัวรถเพียง 78 กก. เท่านั้น แต่เห็นตัวรถคันเล็กแบบนี้บอกเลยว่ามันถูกทำมาให้สามารถรองรับน้ำหนักบรรทุกได้ถึง 150 กก. เลยทีเดียว ซึ่งน้องเล็กคันนี้ได้มาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 60V 40AH ที่สามารถถอดออกมาชาร์จภายนอกตัวรถหรือสลับแบตเตอรี่ได้ทันที กับมอเตอร์ขนาด 1,200 วัตต์พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ และโหมดการขับขี่ที่ตอบสนองต่อความเร็วได้ 2 ระดับ

น้องเล็ก LYVA MB5

ส่วนในพี่ใหญ่อย่าง LYVA S30 Plus ตัวรถได้มาพร้อมกับมิติที่ใหญ่โตกว่า LYVA MB5 กับงานดีไซน์ตัวรถที่เน้นความโค้งมนสวยงาม กับน้ำหนักตัวรถที่ 92 กก. และตัวรถยังได้มาพร้อมขุมพลังจากแบตเตอรี่ลิเธียมขนาด 72V30AH ที่ไม่สามารถถอดแบตเตอรี่ออกมาชาร์จนอกตัวรถได้ พร้อมด้วยมอเตอร์ขนาด2,000 วัตต์ แถมเพิ่มความพิเศษมาด้วยหน้าจอเรือนไมล์แบบ LCD SOC Control Core ขนาดใหญ่ พร้อมด้วยโหมดการขับขี่ที่สามารถตอบสนองต่อความเร็วของตัวรถได้ถึง 3 ระดับ

พี่ใหญ่ LYVA S30 Plus

สิ่งที่รถทั้ง 2 มีเหมือนกัน

สำหรับที่ตัวรถทั้ง 2 คันมีเหมือนกันก็คงจะเป็นในเรื่องของระบบไฟ LED แบบรอบคัน พร้อมด้วยเบาะนั่งแบบตอนเดียว ในส่วนของระบบเบรกนั้นทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมจานดิสก์เบรกแบบเดี่ยวในชุดล้อด้านหน้า และชุดดรัมเบรกในล้อด้านหลัง พร้อมด้วยระบบช่วงล่างที่ด้านหน้ามาพร้อมโช้คอัพแบบเทเลสโคปิค ส่วนด้านหลังมาพร้อมโช้คอัพแบบสปริงแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์มด้านหลัง ส่วนระยะเวลาการชาร์จแบตเตอรี่จาก 0-100% ในตัวรถทั้ง 2 รุ่นนั้นก็มีระยะเวลาอยู่ที่ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น

ช่วงล่างระบบเบรกเหมือนกัน

ลองขี่ของจริงจาก ราชพฤกษ์-อยุธยา

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ของเราเป็นการขับขี่จากตัวถนนราชพฤกษ์ ไปท่องเที่ยวกันยังเมืองเก่าอย่างอยุธยา ซึ่งรถที่เราใช้ในการเดินทางในครั้งนี้แน่นอนว่าจะต้องเป็น LYVA MB5 และ LYVA S30 Plus ซึ่งตัวรถทั้ง 2 รุ่นก็มีความแตกต่างในการใช้งานที่ชัดเจน และสามารถตอบโจทย์ต่อการใช้งานได้ไม่เหมือนกัน มาเริ่มกันที่น้องเล็กอย่าง LYVA MB5 นั้นสิ่งที่โดดเด่นบนตัวรถคงจะเป็นในเรื่องของน้ำหนักตัวรถที่เบา และมีขนาดที่เล็กกะทัดรัดทำให้มันเหมาะมาก ๆ สำหรับการขับขี่ใช้งานภายในเมือง หรือตามตรอกซอกซอยต่าง ๆ ตามเมืองใหญ่

ตัวรถสวยงามลงตัว

และด้วยความเร็วสูงสุดของตัวรถที่ถูกจำกัดไว้เพียง 50 กม./ชม. เท่านั้นในโหมด Sport จึงทำให้มันไม่เหมาะสำหรับการเดินทางไกลเพราะเนื่องจากตัวมันมีความเร็วที่ต่ำเกินไปต่อการเร่งแซง หรือการสับเปลี่ยนเลนส์ถนนขณะขับขี่ แต่หากเป็นการใช้งานภายในเขตเมืองเราถือว่าความเร็วที่ 50 กม./ชม. นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการจราจรที่ติดขัดภายในเมืองใหญ่ เพราะตัวรถมีข้อดีตรงที่น้ำหนักเบาเพียง 78 กก. เท่านั้นทำให้มันมีความคล่องตัวที่สูงมาก แถมยังบังคับเลี้ยวได้อย่างง่ายดาย และจากการที่เราได้ลองขับขี่ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของช่วงล่าง หรือระบบเบรกถือว่าตัวรถทำออกมาได้เพียงพอต่อการใช้งานแล้วกับความเร็วของตัวรถเพียงเท่านี้

LYVA MB5 น้ำหนักเบาคล่องตัว

มาต่อกันที่พี่ใหญ่อย่าง LYVA S30 Plus นั้นถือว่าตอบโจทย์การใช้งานได้ดีมาก เพราะตัวรถให้อารมณ์ และการขับขี่ที่ใกล้เคียงกับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปมาก ๆ เนื่องจากตัวรถมาพร้อมกับกำลังที่มากกว่าโดย Top Speed ที่เราสามารถทำได้บนตัวรถอย่าง LYVA S30 Plus นั้นมากถึง 93 กม./ชม. เลยทีเดียวแถมอัตราเร่งก็เปิดปุ๊บมาปั๊บตามสไตล์ของรถไฟฟ้าไม่มีอืด แต่ในโหมด 1 และ 2 ความเร็วก็จะลดหลั่นลงมาตามลำดับ โดยที่ในโหมด 1 ตัวรถจะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 50 กม./ชม. และในโหมดที่ 2 ตัวรถจะสามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 70 กม./ชม. ซึ่งทั้ง 3 โหมดการขับขี่ที่มีมาให้เราเลือกใช้งานนั้นก็สามารถปรับใช้ได้ตามความต้องการตลอดเวลาเพียงปลายนิ้ว ซึ่งโหมดต่าง ๆ ก็จะถูกแสดงขึ้นบนหน้าจอเรือนไมล์ขนาดใหญ่ที่มองง่ายมาก ๆ ว่าเรากำลังใช้งานโหมดไหนในการขับขี่

LYVA S30 Plus เดินทางไกลสบาย อารมณ์รถสันดาป

ส่วนท่าทางการขับขี่นั้นคงต้องบอกว่าอาจจะเมื่อยไปบ้างเพราะด้วยตำแหน่งว่างเท้าถึงแม้จะมีพื้นที่ที่กว้างสบาย แต่ใต้เท้าของเรานั้นคือพื้นที่เก็บแบตเตอรี่ของเจ้า LYVA S30 Plus คันนี้นั่นจึงทำให้เราต้องนั่งในลักษณะที่งอเข่าแบบ 90 องศา แต่ความเมื่อยที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ได้มากมายอะไรเพราะอย่างไรแล้วตัวรถก็สามารถวิ่งได้ในระยะทางที่ประมาณ 100 กม. เท่านั้นเพราะด้วยขนาดของแบตเตอรี่ที่ให้มา นั่นทำกับว่าเราก็ต้องจอดพักเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ และพักคนนั่นเอง ดังนั้นจึงทำให้ตัดปัญหาเรื่องการขับขี่ในระยะทางไกล ๆ ออกไปได้เลย แถมเมื่อตัวแบตเตอรี่ถูกย้ายมาวางไว้ใต้เท้าของเรานั้นทำให้เราได้พื้นที่สำหรับเก็บสัมภาระใต้เบาะเพิ่มขึ้นมาซึ่งมันสามารถเก็บหมวกกันน็อคแบบเต็มใบได้ 1 ใบเลยทีเดียว แต่ก็ต้องมาด้วยการที่แบตเตอรี่ไม่สามารถถอดออกไปชาร์จนอกตัวรถได้นั่นเอง

LYVA S30 Plus ออฟชั่นแน่นอารมณ์รถน้ำมัน

ความประหยัดของมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า

หากให้พูดถึงความประหยัดนั้นแน่นอนว่ามอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ามีความโดดเด่นอยู่แล้ว ซึ่งหากถามหาความประหยัดนั้นในเจ้าน้องเล็กอย่าง LYVA MB5 มาพร้อมค่าไฟในการชาร์จครั้งละ 9 บาท (คิดจากค่าไฟหน่วยละ 4 บาท) โดยที่การชาร์จ 1 ครั้งตัวรถสามารถวิ่งได้ไกล 100-120 กม. ในโหมด Eco ส่วนพี่ใหญ่อย่าง LYVA S30 Plus มาพร้อมค่าไฟในการชาร์จครั้งละ 12 บาท (คิดจากค่าไฟหน่วยละ 4 บาท) ซึ่งตัวรถสามารถวิ่งได้ไกล 80-100 กม. ตามความเร็วในแต่ละโหมดการขับขี่

ทั้ง 2 รุ่นประหยัดพอกัน

สไตล์ตัวรถที่แตกต่าง เหมาะกับแต่ละคน

หากถามเราเราเองคิดว่า LYVA MB5 นั้นถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์สำหรับการเดินทางที่ไม่ไกลมากนัก หรือเป็นการวิ่งใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่นการไปกลับที่ทำงานภายในเมือง เพราะด้วยตัวรถอย่างที่เราได้บอกไปว่ามันมีขนาดที่เล็กกะทัดรัด จึงทำให้ตัวรถมาพร้อมกับความคล่องตัวในการขับขี่ที่สูง แต่สำหรับพี่ใหญ่อย่าง LYVA S30 Plus นอกจากคุณสามารถใช้ขับขี่เดินทางในชีวิตประจำวันได้แล้ว คุณยังสามารถใช้มันในการเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างสะดวกสบายอีกด้วย เพราะด้วยมิติตัวรถที่ใหญ่กว่า และความเร็วที่สูงกว่าในรุ่น LYVA MB5 นั่นจึงทำให้มันสามารถเดินทางข้ามระหว่างเมือง หรือออกต่างจังหวัดได้เท่าที่แบตเตอรี่ของตัวรถจะไปถึง

เหมาะสำหรับการใช้งานที่แตกต่างกัน

เปิดราคา พร้อมวางจำหน่ายในมอเตอร์โชว์เรียบร้อย

และสำหรับรถทั้ง 2 รุ่นไม่ว่าจะเป็น LYVA MB5 หรือ LYVA S30 Plus นั้นล่าสุดตัวรถได้ถูกเปิดตัวพร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแล้วภายในงาน Motor Show 2023 ที่กำลังจัดขึ้นอยู่ ณ เวลานี้ตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม – 2 เมษายน นี้ โดย LYVA MB5 นั้นมีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 77,000 บาทแต่ภายในงาน Motor Show จะวางจำหน่ายด้วยราคาเพียง 49,000 บาทเท่านั้น ส่วน LYVA S30 Plus มีราคาวางจำหน่ายอยู่ที่ 81,000 บาท แต่สำหรับภายในงาน Motor Show จะวางจำหน่ายด้วยราคาเพียง 53,000 บาทเท่านั้น ซึ่งสำหรับใครที่สนใจก็เข้าไปชมตัวจริงกันได้ภายในงาน Motor Show 

อ่านเพิ่มเติม : LYVA แบรนด์มอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าน้องใหม่เตรียมเปิดขายในไทย

อ่านเพิ่มเติม : 2023 Honda U-GO GT สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าวิ่งไกล 150 กม. ราคาต่ำแสน

อ่านเพิ่มเติม : Bicose Real 5T รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าสัญชาติจีนเทคโนโลยีเพียบ

 

 

 

Archa

Archa นักเขียนอาวุโส

นักเขียน/นักทดสอบรถจักรยานยนต์ประสบการณ์กว่า 7 ปีในแวดวง 2 ล้อ ใช้รถมอเตอร์ไซค์เดินทางไปไหนมาไหนตั้งแต่อายุ 10 ปี ได้เรียนรู้รูปแบบการขับขี่กับสถาบันต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Honda , Yamaha , Kawasaki , BMW Motorrad , Ducati และ Aprilia ตั้งแต่หลักสูตรขั้นพื้นฐาน จนไปถึงระดับเรสซิ่ง โเชื่อว่าทุกคนสามารถขี่รถมอเตอร์ไซค์ได้ แต่ขี่ได้กับขี่เป็นนั้นมันแตกต่างกัน แวะเข้ามาพูดคุยกันได้ทางหน้า Facebook : Pongnara Archarit หรือทาง Instagram : Pongnara Archarit

Honda
Ducati
Yamaha
Kawasaki
GPX
Royal Enfield
Triumph
Suzuki
KTM
Victory
Harley-Davidson
BMW