ลองขี่ Dayi E-Odin ครั้งแรกในเมืองไทยกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าน้องใหม่ที่เตรียมเปิดตัวสิ้นเดือนนี้!
Dayi Motor (ดายี่ มอเตอร์) หรือชื่อที่จะทำตลาดในประเทศไทยคือ เดอี ที่แปลว่าเทพในภาษาลาติน อาจจะไม่คุ้นหูไบค์เกอร์ในประเทศไทยอย่างแน่นอน แต่ก่อนหน้านี้ทาง AutoFun Thailand เคยนำเสนอบทความเกี่ยวกับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของผู้ผลิตจากประเทศจีนรายนี้กันไปแล้ว ว่าพวกเขาเตรียมที่จะบุกตลาดมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในยุโรป แต่ล่าสุดดูเหมือนว่าแบรนด์อย่าง Dayi Motor จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเร็วกว่าที่คิดไว้ ซึ่งเราอยากจะบอกว่าทาง AutoFun Thailand ได้รับเกียรติให้เป็นสื่อเจ้าแรกในประเทศไทยที่ได้ไปทดลองขับขี่รถอย่าง Dayi E-Odin มาแล้ว ซึ่งรถรุ่นนี้จะเป็นอย่างไรนั้นเราไปชมกันเลยดีกว่า
ดีไซน์ภายนอกไม่ซ้ำใคร
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งได้ไกล 210 กม.
ระบบกันสะเทือน และระบบเบรก
ลองขี่แล้วมาเล่า
สรุป Dayi E-Odin
Dayi E-Odin
ดีไซน์ภายนอกไม่ซ้ำใคร
ต้องบอกว่าสำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในตลาดเมืองไทย เรามักจะคุ้นเคยกับรูปลักษณ์ของรถสไตล์สกู๊ตเตอร์ทั่ว ๆ ไป แต่กลับกัน Dayi E-Odin คันนี้กับมาพร้อมรูปลักษณ์ของความเป็นรถเน็คเก็ตไบค์สไตล์ดุดัน ตัวรถโดดเด่นมาด้วยชุดไฟ LED ด้านหน้าแบบคู่แยกซ้ายขวาที่มาพร้อมกับไฟ Day Time Running Lift
ชุดไฟ LED ด้านหน้า
และไฟเลี้ยวแบบ LED ตามสไตล์ยอดนิยม ในส่วนของชุดไฟเบรกด้านหลังนั้นตัวรถมาพร้อมกับไฟ LED ดีไซน์สไตล์สปอร์ตโฉบเฉี่ยวตามแบบของรถสปอร์ตไบค์ขนาดใหญ่
ชุดไฟ LED ด้านท้าย
ส่วนต่อมาในตัวของหน้าจอเรือนไมล์ตัวรถมาพร้อมเรือนไมล์แบบดิจิตอล LCD เต็มรูปแบบ ตัวรถมาพร้อมแฮนด์บาร์ทรงกว้างสไตล์รถเน็คเก็ตไบค์ที่เน้นการขับขี่ที่คล่องตัว เบาะนั่งตัวรถมาพร้อมเบาะแบบตอนเดียวไล่ระดับสไตล์สปอร์ต ในส่วนของบริเวณที่เป็นตัวถังน้ำมันมาพร้อมช่องเก็บสัมภาระขนาดย่อมที่สามารถใช้เก็บสิ่งของได้เล็กน้อย เช่น โทรศัพท์มือถือ , กระเป๋าเงิน หรือของใช้ส่วนตัวอื่น ๆ เพราะช่องเก็บสัมภาระในส่วนนี้มาพร้อมกุญแจที่สามารถล็อคได้นั่นเอง
หน้าจอเรอืนไมล์ดิจิตอล LCD
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ชาร์จ 1 ครั้งวิ่งได้ไกล 210 กม.
Dayi E-Odin คันนี้จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่ที่ทางค่ายเครมเอาไว้ว่าการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 1 ครั้งตัวรถสามารถวิ่งได้ไกลถึง 210 กม. พร้อมตัวมอเตอร์ขับเคลื่อนขนาด 6,000 W ที่สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 100 กม./ชม. ตัวรถมาพร้อม 3 โหมดการขับขี่ให้เลือกใช้งาน พร้อมเกียร์ถอยหลัง โดยตัวรถใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่ 10 ชม. ในแบบธรรมดา และหากเป็นการชาร์จเร็วตัวรถจะใช้เวลา 5 ชั่วโมง
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนขนาดใหญ่
ระบบกันสะเทือน และระบบเบรก
Dayi E-Odin มาพร้อมโช้คอัพด้านหน้าแบบ Up Side Down ส่วนด้านหลังมาพร้อม Mono Shock ตามสไตล์ของรถสปอร์ตที่ทำงานร่วมกับชุดสวิงอาร์มด้านหลัง ในส่วนของระบบเบรกนั้น Dayi E-Odin มาพร้อมจานดิสก์เบรกด้านหน้าแบบคู่ที่ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกแบบ 2 สูบ
จานดิสก์เบรกคู่ในด้านหน้า
ส่วนด้านหลังมาพร้อมจานดิสก์เบรกเดี่ยวที่ทำงานร่วมกับคาลิปเปอร์เบรกแบบ 1 สูบ พร้อมระบบกระจายแรงเบรก CBS นอกจากนี้ตัวรถ Dayi E-Odin ยังมาพร้อมกับชุดล้อแม็กสวยงามรัดมาด้วยยางด้านหลังขนาดใหญ่ 180/55-17 ส่วนด้านหน้ามายางขนาด 110/70-17 ซึ่งเรียกได้ว่าให้ยางไซส์เดียวกับรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ขนาดใหญ่เลยทีเดียว
จานดิสก์เบรกเดี่ยวในชุดล้อด้านหลัง
ลองขี่แล้วมาเล่า
สำหรับรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าอย่าง Dayi E-Odin นั้นต้องบอกเลยว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่สำหรับเรามาก ๆ เช่นเดียวกัน เพราะปกติเราจะได้ทดลองขับขี่รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในรูปแบบของรถสกู๊ตเตอร์ทั่วไป แต่มาครั้งนี้ Dayi E-Odin นั้นมาในรูปลักษณ์ของรถเน็คเก็ตไบค์ที่มีรูปทรงใกล้เคียงกับรถบิ๊กไบค์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับชุดยางที่ให้มาเป็นด้านหลังที่ 180/55-17 และด้านหน้า 110/70-17 นั้นเรียกว่าเป็นไซส์ยางของรถบิ๊กไบค์ขนาด 1,000 ซี.ซี. กันเลยทีเดียว ซึ่งท่าทางการขับขี่ของตัวรถเมื่อเราได้สัมผัสนั้นมันให้ท่าทางการขับขี่ที่นั่งสบาย กระชับ เพราะส่วนเข่าของเราจะโอบรัดไปกับตัวถังน้ำมันที่เป็นช่องเก็บสัมภาระได้แบบพอดี พร้อมท่าทางการนั่งในรูปแบบหลังตรงซึ่งช่วยให้การขับขี่รถคันนี้ตลอด 1 วันไม่เมื่อยล้าเลย
ท่านั่งขับขี่ที่กระชับรับกับตัวถังแบบพอดี
ส่วนมิติของตัวรถที่มาพร้อมความ กว้าง x ยาว xสูง ที่ 1,940x1,340x870 มม. นั้นถือว่าตัวรถไม่ได้มีขนาดใหญ่จนเกินไปสามารถมุดลัดเลาะภายในเมืองได้เป็นอย่างดี บวกกับความสูงของตัวเบาะนั่งที่ 880 มม. ทำให้เราสามารถเหยียบเท้าถึงพื้นได้อย่างมั่นใจ แต่อาจจะด้วยความที่ตัวแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนถูกวางไว้ตรงกลางตัวรถเยื้องไปด้านหน้า และบวกกับน้ำหนักของแบตเตอรี่ที่หนักพอตัวนั่นจึงทำให้ตัวรถเลี้ยวค่อนข้างยากสักหน่อย ซึ่งเรารู้สึกได้ แต่เมื่อปรับตัวเข้ากับมันได้แล้วก็จะทำให้เรารู้ว่าควรจะเลี้ยวรถคันนี้แบบไหน แต่ก็นั่นแหละต้องปรับตัวเข้าหามันก่อนไม่อย่างนั้นคุณจะรู้สึกฝืน ๆ ในการเลี้ยวทันที
ต้องอาศัยความคุ้นชิน
ส่วนต่อมาที่ขุมพลังไฟฟ้าที่ให้มอเตอร์ขับมาถึง 6,000 W นั้นตัวรถสามารถทำความเร็ว และคันเร่งมีการตอบสนองเป็นอย่างดีซึ่งจุดนี้เราให้ผ่าน เพราะการทำงานในแต่ละโหมดการขับขี่ที่เราเลือกใช้นั้นมีการทำงานที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยในโหมด
มอเตอร์ขับ 6,000 W
-โหมด 1 ตัวรถจะมีการหน่วงของคันเร่งอย่างเห็นได้ชัด และกำลังของมอเตอร์ที่จะค่อย ๆ ปล่อยความเร็วออกมาอย่างนิ่มนวล และสมูท ซึ่งก็เหมาะกับการขับขี่ในตรอกซอกซอยหมู่บ้าน หรือในช่วงเวลาที่มีการจราจรติดขัดเป็นอย่างมาก
-โหมด 2 ใช้ขับขี่ทั่วไปได้แบบสบาย ๆ เพราะรอบของคันเร่งนั้นจะมีหน่วงไว้เล็กน้อยทำให้ไม่แรงเท่าโหมด 3
-โหมด 3 สำหรับโหมดนี้ไม่ต้องพูดถึงมันให้ความรู้สึกในการขับขี่ที่ใกล้เคียงรถน้ำมันที่สุดแล้ว เพราะเปิดเป็นมา ควบคุมคันเร่งได้ตามใจสั่ง บวกกับรอบความเร็วเครื่องยนต์ที่มาเร็วตั้งแต่รอบต้นไปจนถึงปลาย ทำให้โหมดนี้เป็นโหมดที่เราชอบที่สุดแล้วสำหรับการใช้งาน เพราะเรารู้สึกว่าเรามั่นใจกับโหมดนี้ไม่ต่างจากการขับขี่รถเครื่องยนต์สันดาปเลย
โหมดการขับขี่ที่ให้มาทำให้ขี่สนุกยิ่งขึ้น
ต่อมาในส่วนของระยะทางที่ทางค่ายได้เครมเอาไว้ที่ 210 กม. นั้นเราคิดว่าหากคุณเปิดโหมด 3 และขับขี่ด้วยรอบความเร็วที่สูงอยู่ตลอดเวลาระยะทางอาจจะลดลงมาเหลือแค่ 150 กม./ การชาร์จไฟ 1 ครั้งก็เป็นได้ ซึ่งอย่างไรสำหรับข้อสงสัยตรงนี้เราคงจะต้องทำการทดสอบกันในครั้งต่อไป โดยการนำเจ้า Dayi E-Odin คันนี้ออกไปขับขี่ท่องเที่ยวในต่างจังหวัดกันว่าสุดท้ายแล้วมันจะเวิร์คหรือเปล่า และตัวรถจะทำสมรรถนะออกมาได้ดีเพียงใด
ตัวชาร์จที่ให้มากับรถใช้เวลา 10 ชม.
และสุดท้ายในส่วนของระบบกันสะเทือน และระบบเบรกเราคิดว่า Dayi E-Odin คันนี้ยังทำออกมาได้ไม่ดีเท่าที่ควรเพราะเมื่อเราขับขี่ด้วยความเร็วสูงที่เกิน 85 กม./ชม. ขึ้นไปเบรกของตัวรถนั้นไม่เพียงพอเพราะเมื่อเบรกแล้วตัวรถยังมีอาการไหลต่อไปด้านหน้าอีกเล็กน้อย ไม่หยุดในทันทีซึ่งนั่นทำให้เราต้องเผื่อระยะเบรกในการหยุดรถเพิ่มเติม ส่วนของช่วงล่างนั้นยังไม่นุ่มนวลเท่าที่ควร ค่อนข้างแข็งไปด้วยซ้ำเมื่อต้องรูดผ่านหลุมบ่อ หรืออุปสรรคต่าง ๆ และอีกหนึ่งจุดเลยก็คือขาตั้งคู่ที่ให้มาเมื่อเราขับขี่ในพื้นผิวที่ไม่ราบเรียบตัวขาตั้งจะเกิดเสียงดังตลอดเวลาเพราะไปกระทบกับตัวสวิงอาร์มนั่นเอง ซึ่งฟังดูแล้วกวนใจสุด ๆ
จดทะเบียนได้ถูกต้องตามกฎหมาย
สรุป Dayi E-Odin
สรุปแล้ว Dayi E-Odin คันนี้มาพร้อมรูปลักษณ์ที่แปลกตาไม่ซ้ำใคร ขี่ไปไหนใครก็ต้องหันมองอย่างแน่นอน ส่วนกำลังของมอเตอร์ไฟฟ้านั้นก็หายห่วงสามารถขับขี่ใช้งานในชีวิตประจำวันได้แบบสบาย ๆ ส่วนการเดินทางไกลนั้นคงต้องไปลองกันอีกครั้งหนึ่ง ส่วนตัวชาร์จไฟบ้านที่ให้มาที่ 10 ชม. นั้นเรายังมองว่ามันช้าเกินไปแถมตัวแบตเตอรี่ยังถอดออกจากตัวรถไม่ได้ ซึ่งนั่นอาจทำให้คนที่อยู่คอนโด หรือหอพักมีปัญหาได้
ทรงสวย ขี่ไปไหนใครก็มอง
และสุดท้ายระบบเบรก และช่วงล่างยังไงก็ต้องเปลี่ยนหากอยากได้สมรรถนะของตัวรถที่เพิ่มขึ้น ซึ่งสุดท้ายแล้วนี่ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่สนใจ และกำลังมองหารถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในปัจจุบันกันอยู่ ซึ่ง Dayi E-Odin นั้นก็เปิดให้สั่งจองกันได้แล้วตั้งแต่วันนี้ผ่านทางตัวแทนในเครือฮีโร่ มอเตอร์ และ แพนด้า มอเตอร์ มากกว่า 20 สาขาในกรุงเทพฯ โดยสามารถเข้าไปทดลองขับขี่กันก่อนได้ด้วยเช่นกันก่อนตัดสินใจ ส่วนราคาอย่างเป็นทางการของเจ้า Dayi E-Odin นั้นต้องอดใจรอกันอีกนิดเพราะสิ้นเดือนนี้ได้รู้ราคาวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการแน่นอน เพราะนี่คือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าค่ายล่าสุดที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยต่อจากฝั่งยุโรปที่ Dayi E-Odin ได้เปิดตลาดไปแล้วก่อนหน้านี้
อ่านเพิ่มเติม : Dayi E-Odin Pro ผู้ผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าจากจีน
อ่านเพิ่มเติม : Triumph TE-1 เน็คเก็ตไบค์ไฟฟ้าเสร็จสมบูรณ์
อ่านเพิ่มเติม : Yamaha E01 ขี่แล้วดีจริง ดีจนลืมรถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าค่ายอื่นไปเลย