เผยโฉม Nissan March (นิสสัน มาร์ช) ไมเนอร์เชนจ์เวอร์ชั่นใหม่ในประเทศเม็กซิโกที่ถูกแปลงโฉมใส่ด้านหน้าตามเอกลักษณ์ V-Motion ดูสปอร์ตโฉบเฉี่ยวกว่าเดิมอย่างชัดเจน

ถึงแม้ March ในตลาดยุโรปจะถูกเปลี่ยนผ่านไปสู่เจนเนอเรชั่นที่ 5 เรียบร้อยแล้ว (ออกทำตลาดในชื่อ Micra) แต่ในบางประเทศ รวมถึงเมืองไทยยังคงได้ใช้เจนเนอเรชั่นที่ 4 ที่ออกทำตลาดมาอย่างยาวนานร่วมทศวรรษ

ล่าสุด Nissan ในประเทศเม็กซิโกทำการปรับโฉมใหม่ชนิดไม่เหลือเค้าเดิม โดยเฉพาะเมื่อดูจากด้านหน้าตรงนี่แทบจะบอกชื่อรุ่นไม่ถูกเลยทีเดียว

หน้าตาได้แรงบันดาลใจ Almera

รายงานข่าวระบุว่าการปรับโฉมครั้งนี้ถือเป็นการบิ๊กไมเนอร์เชนจ์ครั้งที่ 2 ของ March ในแดนจังโก้ ถึงแม้จะทำตลาดมานานแต่รถซิตี้คาร์แฮทช์แบ็กรุ่นนี้มียอดขายที่ค่อนข้างน่าพึงพอใจและติดอันดับ 3 รองจากรถซีดาน Almera (ขายในชื่อ Versa) และรถปิกอัพ Navara (ขายในชื่อ NP300)

สำหรับการปรับโฉมใหญ่จะเห็นได้ว่าได้แรงบันดาลใจจาก Almera รุ่นใหม่ กรอบไฟหน้าเน้นเหลี่ยมคมสะดุดตา เข้ากันดีกับกระจังหน้า V-Motion เอกลักษณ์เฉพาะของ Nissan ล้อมกรอบด้วยวัสดุลวดลายคาร์บอนไฟเบอร์ และมีช่องดักอากาศด้านล่างที่ดุดัน

นอกจากนี้ บั้นท้ายยังได้รับการปรับปรุงด้วยช่องรีดอากาศใหม่ แผงดิฟฟิวเซอร์ และไฟท้าย LED ชุดใหม่ โดยตัวท็อปยังมาพร้อมตัวถังแบบทูโทนหลังคาสีดำ และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารเน้นความสปอร์ตด้วยพวงมาลัยแบบขอบตัดตรง บนคอนโซลมีจอขนาดใหญ่ 6.7 นิ้ว รองรับระบบอินโฟเทนเมนท์ NissanConnect พร้อมการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto

ระบบความปลอดภัยมาตรฐาน ประกอบด้วยถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ระบบเบรก ABS และ EBD แต่ไม่มีรายงานว่ามีระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ส่วนเครื่องยนต์เป็นบล็อก 4 สูบ ขนาด 1.6 ลิตร พละกำลัง 106 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 142 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีดหรือเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด

ย้อนกลับมาดู March ในเมืองไทย

ปัจจุบัน นิสสัน ประเทศไทยจัดจำหน่าย March ทั้งหมด 4 รุ่นย่อย เริ่มต้นที่รุ่น 1.2 S MT ราคา 420,000 บาท รุ่นถัดมาคือ 1.2E MT ราคา 480,000 บาท รุ่นรองท็อป 1.2E CVT ราคา 495,000 บาท และรุ่นสูงสุด 1.2EL CVT ราคา 510,000 บาท

ทุกรุ่นย่อยขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินสเปกอีโคคาร์ บล็อก 3 สูบ ขนาด 1.2 ลิตร พละกำลัง 79 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที Nissan ระบุว่าขุมพลังบล็อกนี้ให้อัตราเร่งดี พร้อมแรงบิดสูงในรอบเครื่องยนต์ต่ำ ประหยัดน้ำมันมากขึ้น และปล่อยมลพิษน้อยกว่า