ผลสำรวจฉบับล่าสุดระบุผู้ขับขี่รถยนต์ชาวไทยจะตัดสินใจเปลี่ยนจากรถเครื่องยนต์สันดาปไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า หากโครงสร้างพื้นฐานได้รับการปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้นกว่านี้
บริษัทวิจัยตลาด ABeam Consulting Thailand ทำการสำรวจความคิดเห็นผู้ใช้รถยนต์ชาวไทย พบว่าเกือบ 3 ใน 4 ไม่มีความมั่นใจในโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยมองว่าจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าสาธารณะนั้นยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้งาน
การขาดแคลนจุดชาร์จไฟยังเป็นปัจจัยที่ทำให้ผู้ใช้รถยนต์ชาวไทยลังเลที่จะเปลี่ยนไปใช้รถอีวี ถึงแม้จะมีความต้องการซื้อเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องก็ตาม
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
คนไทยอยากซื้อแต่ไม่กล้าใช้
การสำรวจของ ABeam Consulting Thailand ที่จัดทำขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 2021 พบว่าผู้บริโภคชาวไทยมองรถยนต์ไฟฟ้าในด้านบวกและเล็งเห็นถึงประโยชน์หลายด้านในการเป็นเจ้าของรถพลังงานทางเลือก โดยมากกว่าครึ่งหรือ 55% เชื่อว่าการใช้รถยนต์ไฟฟ้าทำให้มีค่าใช้จ่ายคุ้มค่ากว่ารถเครื่องยนต์สันดาปในระยะยาว
เกือบครึ่งของผลสำรวจหรือ 48% เชื่อว่ารถยนต์ไฟฟ้ามอบความมั่นใจในการใช้งาน และ 2 ใน 5 หรือ 41% ชี้ว่าพวกเขาสนุกที่ได้ขับขี่รถอีวี
7 ใน 10 ของผู้ขับขี่รถยนต์ชาวไทยเชื่อมั่นว่าการซื้อรถไฟฟ้าจะช่วยลดผลกระทบจากสิ่งแวดล้อม และ 43% เห็นด้วยว่ารัฐบาลดำเนินนโยบายสนับสนุนรถอีวีเพียงพอแล้ว
ทั้งนี้ ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยเติบโตสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่มีผู้ใช้รถยนต์ชาวไทยเพียง 3% เท่านั้นที่วางแผนซื้อรถยนต์ไฟฟ้าเป็นรถคันต่อไปภายในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งอัตราส่วนดังกล่าวถือว่าน้อยมาก
อุปสรรคที่ทำให้คนไทยไม่ใช้รถยนต์ไฟฟ้าคือโครงสร้างพื้นฐาน โดย 3 ใน 4 หรือ 72% ชี้ว่าจุดชาร์จไฟสาธารณะยังมีน้อยเกินไป และ 67% มีความกังวลว่าพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่จะหมดลงก่อนที่พวกเขาจะเดินทางถึงจุดหมายปลายทาง
50% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีความกังวลว่าการชาร์จไฟใช้เวลานานเกินไป และ 66% ต้องการการชาร์จไฟเต็มภายในเวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมง
ผู้ใช้รถยนต์อย่างน้อย 50% เผยว่าจุดชาร์จไฟฟ้าควรจะมีอย่างน้อย 80% ของปั๊มน้ำมันในปัจจุบันเพื่อรองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันจุดชาร์จไฟสาธารณะมีเพียง 1,000 แห่งเท่านั้น ขณะที่ปั๊มน้ำมันมีถึง 30,000 แห่ง หรือคิดเป็นสัดส่วน 3% เท่านั้น
โจนาธาน วาร์กัส รูอิส หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ยานยนต์อาเซียนของ ABeam Consulting Thailand กล่าวว่า ความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้นจุดชาร์จไฟฟ้าจะต้องขยายตัวตามไปด้วยเพราะผู้ใช้จำเป็นต้องชาร์จไฟฟ้าเป็นประจำ
“ถึงแม้จุดชาร์จไฟจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปี 2020 แต่ก็ยังมีงานต้องทำอีกมากเพื่อที่จะยกระดับโครงสร้างพื้นฐานในประเทศไทย เรามีเทคโนโลยีที่สามารถจำลองรูปแบบการจราจร เพื่อที่จะระบุโลเคชั่นที่ดีที่สุดในการก่อสร้างจุดชาร์จไฟในประเทศไทย แต่การดำเนินการเหล่านี้ต้องทำอย่างรวดเร็ว มิเช่นนั้น เราอาจเสียโอกาสได้” วาร์กัส รูอิส กล่าวเพิ่มเติม
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });