2022 Mercedes-Benz C-Class
All-New 2022 Mercedes-Benz C-Class (2022 เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซี-คลาส) เจนเนอเรชั่นใหม่เผยโฉมอย่างเป็นทางการแล้ว มาพร้อมเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยอัดแน่นล้นคัน
2022 C-Class ตัวถัง W206 รุ่นใหม่ออกมาทำตลาดแทนรุ่นเดิมที่โลดแล่นมานาน 7 ปี มาพร้อมแนวคิดการเป็นรถโมเดิร์นลักชัวรี่ที่มีสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจ ขุมพลังถูกลดขนาดลงเพื่อให้เข้ากับอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคใหม่ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม จึงไม่มีเครื่องยนต์บล็อกวี8 และวี6 อีกต่อไป เหลือไว้เพียงเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงเท่านั้น
ไฮไลท์ไม่ได้อยู่ที่รุ่น C-Class Sedan ตัวถังซีดานเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่ C-Class Wagon ตัวถังวากอนสำหรับลูกค้า Mercedes-Benz ที่มองหาภาพลักษณ์แบบสปอร์ตผสานการใช้งานที่อเนกประสงค์และการขับขี่แบบรถซีดาน
การออกแบบภายนอก “Baby S-Class”
รูปลักษณ์ภายนอกของ 2022 C-Class ใหม่ไม่ได้ถูกปรับเปลี่ยนมากนัก หากยังคงสไตล์เดิมที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีตลอดหลายปีที่ผ่านมา พร้อมกับถูกแต่งเติมรายละเอียดให้มีลุคทันสมัยมากขึ้น หน้าตาโดยรวมมีลักษณะคล้ายกับรุ่นใหญ่อย่าง Mercedes-Benz S-Class (เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส )
การออกแบบไฟหน้ามีความเฉียบคมยิ่งขึ้น ส่วนด้านข้างเห็นได้ชัดว่าถูกลดทอนเส้นสายที่ไม่จำเป็นจึงดูสะอาดตากว่าเดิม ล้ออัลลอยของสเปกอเมริกามีทั้งขนาด 18 นิ้วและ 19 นิ้วให้เลือกสรร ขณะที่ในยุโรปจะมีขนาด 17 นิ้วด้วย
ด้านท้ายรถของ C-Class ใหม่มาพร้อมไฟหลังที่เรียบหรูแต่ดูดีมีฐานะ ขณะที่รุ่นวากอนให้อารมณ์สปอร์ตด้วยแนวหลังคาที่โค้งมนเนียนตาและดุดัน
มิติตัวถังของ C-Class ใหม่ใหญ่ขึ้นในเกือบทุกมิติ ระยะฐานล้อยาวขึ้น ทำให้พื้นที่ช่วงขาของผู้โดยสารตอนหลังเพิ่มขึ้นอีก 2 ซม. พื้นที่เหนือศีรษะตอนหลังสูงขึ้น 1.5 ซม. ส่วนพื้นที่ช่วงไหล่และข้อศอกของผู้โดยสารตอนหน้าก็กว้างขึ้น 2.54 ซม.
ไฟหน้าเป็นแบบฟูล LED และมีอ็อปชั่นตรวจจับผู้ใช้ทางเท้าและหัวมุมถนนที่มีแสงสว่างน้อย โดยสามารถหักเหลำแสงเพื่อให้ผู้ขับขี่มองเห็นได้ชัดเจนมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยแต่ไม่แยงตาเพื่อนร่วมท้องถนน นอกจากนี้ยังสามารถฉายสัญลักษณ์แจ้งเตือนไปบนถนนได้อีกด้วย
ภายในห้องโดยสาร “สร้างคอมฟอร์ตโซน”
“เมื่อเข้ามาในห้องโดยสารแล้วแทบจะไม่อยากออกไปข้างนอก” คือคำโปรยของดีไซเนอร์ในงานแถลงข่าวเปิดตัวผ่านช่องทางออนไลน์
จุดเด่นแรกในห้องโดยสารคือหน้าจอแสดงผลระบบอินโฟเทนเมนท์ MBUX ขนาดใหญ่ 11.9 นิ้ว ส่วนมาตรวัดเป็นแบบฟูลดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว แต่ในยุโรปจะจออินโฟเทนเมนท์ขนาดเล็กกว่าที่ 9.5 นิ้วและมีจอมาตรวัด 10.25 นิ้วเป็นอ็อปชั่นเสริม ช่องแอร์ทรงกลมได้แรงบันดาลใจจากชุดไอพ่นของเครื่องบิน
ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจใน C-Class ใหม่ นอกจากการรองรับการอัพเดทซอฟต์แวร์แบบไร้สายผ่าน Wi-Fi แล้ว ยังมีระบบควบคุมสั่งการที่พักอาศัย ผู้ใช้สามารถเปิด-ปิดแอร์ เปิด-ปิดไฟ และสั่งการทำงานเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้ผ่านระบบในตัวรถ เรียกว่าทำให้ตัวรถเป็นเหมือนศูนย์ควบคุมเคลื่อนที่เลยทีเดียวผ่านการสั่งงาน “Hey Mercedes”
พื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารของ C-Class Sedan อยู่ที่ 455 ลิตร แต่สำหรับรุ่น C-Class Wagon มีอยู่ที่ 490 ลิตร และสามารถเพิ่มขึ้นเป็น 1,510 ลิตรได้เมื่อพับเบาะแถวหลังลง
ระบบขับเคลื่อนเบนซิน ดีเซล และปลั๊กอินไฮบริด
ตามที่ได้เรียนไว้แล้วข้างต้น C-Class ใหม่มีเฉพาะเครื่องยนต์ขนาด 4 สูบ ทั้งเบนซินและดีเซล ติดตั้งระบบไมลด์ไฮบริด 48 โวลต์ที่มีโหมดเพิ่มพละกำลังและสำรองพลังงานด้วย Integrated Starter-Generator (ISG) รีดเรี่ยวแรงอีก 20 แรงม้าและแรงบิด 200 นิวตันเมตรแบบชั่วคราว
ในช่วงเปิดตัว ลูกค้าในสหรัฐอเมริกาจะได้ใช้รุ่นเดียวคือ C300 และ C300 4Matic วางเครื่องยนต์ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ พละกำลัง 255 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
อัตราเร่งของ C300 และ C300 4Matic ออกตัวจาก 0-96 กม.ต่อชม. ภายในเวลา 5.9 วินาที ความเร็วสูงสุดจำกัดไว้ที่ 209 กม.ต่อชม.
ขณะที่ในยุโรปจะมีขุมพลังหลากหลายกว่า C200 และ C200 4Matic ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พละกำลัง 201 แรงม้า แรงบิด 300 นิวตันเมตร อัตราเร่งด้วยโหมด ISG จาก 0-100 กม.ต่อชม. ภายใน 7.1 วินาที
นอกจากนี้ยังจะมีรุ่นเริ่มต้น C180 ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตรเช่นกัน แต่พละกำลังลดลงเหลือ 167 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร เร่งด้วยโหมด ISG จากหยุดนิ่งถึง 100 กม.ต่อชม. ใน 8.6 วินาที
ผู้ที่ต้องการขุมพลังดีเซลก็สามารถเลือกใช้ C200d, C220d, C220d 4MATIC และ C300d มาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร มีพละกำลังตั้งแต่ 161 – 261 แรงม้า แรงบิดตั้งแต่ 380 – 440 นิวตันเมตร
ปิดท้ายด้วยรุ่นปลั๊กอินไฮบริด C300e เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตรทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีพละกำลังรวมอยู่ที่ 308 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร จุดเด่นอยู่ที่การติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 24.4 กิโลวัตต์ชั่วโมง ใหญ่พอที่จะพาตัวรถให้โลดแล่นด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 100 กม. เลยทีเดียว
ระบบเลี้ยวล้อหลัง
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือระบบเลี้ยวล้อหลังที่ช่วยลดรัศมีวงเลี้ยวลง 43 ซม. จนเหลือ 10.64 เมตรเท่านั้น ถึงแม้ฟังก์ชั่นล้อหลังเลี้ยวได้ใน C-Class ใหม่จะมีองศาการเลี้ยวน้อยกว่า 2.5 องศาเมื่อเทียบกับระบบที่ล้ำสมัยกว่าใน S-Class แต่ก็ช่วยเพิ่มความคล่องตัวอีกระดับ
Mercedes-Benz ระบุว่าเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม.ต่อชม. ล้อคู่หลังจะเลี้ยวในทิศทางตรงข้ามกับล้อคู่หน้า แต่เมื่อความเร็วสูงกว่านั้น ล้อคู่หลังจะเลี้ยวไปในทิศทางเดียวกับล้อคู่หน้าเพื่อความมั่นคงในทุกการเข้าโค้ง
กำหนดการจัดจำหน่าย 2022 Mercedes-Benz C-Class จะมีขึ้นตั้งแต่ต้นปีหน้าเป็นต้นไป ลูกค้ากระเป๋าหนักในบ้านเราก็เตรียมพร้อมจับจองกันได้ภายในปีหน้าเช่นกัน