Mercedes-Benz 190E (เมอเซเดส-เบนซ์ 190อี) รหัสตัวถัง W201 นั้นเป็นรถตราดาวที่ขายดีสุดในประเทศไทยเมื่อยุค 90 เพราะเป็นเบนซ์รุ่นเล็กราคาประหยัด เปิดตัวเมื่อปี 1990 ด้วยราคาเริ่มต้น 1,195,000 ล้านบาท ทำให้คนเอื้อมถึงได้ง่ายกว่าเบนซ์รุ่นอื่น ๆ (โตโยต้า โคโรลล่า ในตอนนั้นราคาประมาณ 500,000 บาท) ได้ฉายาว่าเบบี้เบนซ์เพราะเป็นรถขนาดเล็กครั้งแรกในรอบ 30 กว่าปีของค่ายนี้ และยังเป็นต้นกำเนิดของ Mercedes-Benz C-class ในเวลาต่อมา
หน้าตาเหลี่ยมแนวเรโทร
รูปร่างหน้าตาถูกพัฒนาตั้งแต่ต้นยุค 80 ที่เยอรมันนั้น 190E เปิดตัวปี 1982 ออกขายมาก่อน ‘เบนซ์โลงจำปา’ E-class W124 ด้วยซ้ำไป แต่เมืองไทยกลับมาทีหลังอี-คลาส ทำให้หลายคนเข้าใจว่า รูปทรงเหลี่ยมนี้ ถอดแบบมาจาก W124 แต่จริง ๆ แล้วนั้น 190E คือต้นกำเนิดของทรงรถเบนซ์ยุคใหม่ ที่มีทรงเหลี่ยมผิวเรียบ หน้าลาดเอียง เน้นความลู่ลมเป็นครั้งแรก
อ่านเพิ่มเติม : รถมือสอง Mercedes-Benz E-class W212 น่าซื้อใช้ หรือจะไปถอยรถญี่ปุ่น
มิติตัวถัง ยาว 4,448 มม.กว้าง 1,690 มม.สูง 1,390 มม.และระยะฐานล้อ 2,665 มม. น้ำหนักอยู่ระหว่าง 1,170-1,240 กก. เมื่อเปรียบเทียบกับ E-class W124 แล้วพบว่าเล็กกว่าทุกมิติอย่างชัดเจน ส่วนสเปคยาง 185/65R15 และ PCD ล้อแม็กซ์ขนาด 5/112 สามารถใช้ชิ้นส่วนช่วงล่างร่วมกับอี-คลาสได้ทุกชิ้น
อ่านเพิ่มเติม : มีเงิน 5 แสนแต่อยากดูรวย? รวม 6 รถมือสองน่าสนใจ ขับไปไหนก็ดูป๋า
ภายในโล้นและแคบ
Mercedes-Benz 190E มีข้อเสียตรงภายในที่เล็ก จัดอยู่ในระดับเดียวกับโคโรลล่าหรือซีวิคยุคเดียวกัน โดยมนุษย์สูงเฉลี่ย 175 ซม.ยังนั่งได้แบบ 5 คนพอดีตัว โดยมีออพชั่นเบาบาง รุ่นเริ่มต้นได้เบาะผ้า แทบไม่มีสวิตช์ไฟฟ้าอำนวยความสะดวกใด ๆ ยกเว้นแค่กระจกไฟฟ้ากับระบบไล่ฝ้าเท่านั้น ซึ่งคนที่คิดจะเล่นรถคลาสสิค ต้องเตรียมทำใจไว้ล่วงหน้า ว่ารถเหล่านี้มักไม่มีคำว่าสบายแบบรถสมัยใหม่
อ่านเพิ่มเติม : 2022 Mercedes-Benz C-Class ใหม่ อัดแน่นเทคโนโลยีจนลืม BMW 3-series
รถเล็กอะไหล่ร่วมกับรถใหญ่
พื้นฐานทางเทคนิคมันคืออี-คลาส W124 นำมาย่นย่อขนาด ดังนั้นอะไหล่หลายชิ้นส่วนจึงใช้ร่วมกันได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องยนต์ 2.3 ลิตร 8 วาล์ว ก็ยกอะไหล่ของ 230E มาใส่ได้หลายจุด ส่วนเครื่อง 1.8 ก็ไม่ได้ซ่อมลำบาก เพราะเป็นเครื่องจากรุ่น 200E มาเปลี่ยนข้อเหวี่ยงกับก้านสูบใหม่ให้ชักสั้นลงเท่านั้น อย่างอื่นก็เบิกอะไหล่อย่าง W124 ได้หมด แต่ควรบอกรุ่นว่าเป็น W201 หรือ 190E เพื่อความตรงรุ่นที่สุด
อ่านเพิ่มเติม : 5 รุ่นรถตายยาก ทนทานที่สุดบนท้องถนนเมืองไทย เก่า 30 ปี ก็ยังวิ่งอยู่เพียบ
เครื่องยนต์ทนแต่อืด
เครื่องยนต์ของ Mercedes-Benz 190E เป็นบล็อกเบนซิน 4 สูบ 8 วาล์ว SOHC ทั้งหมด มีความจุเริ่มต้นด้วย 1.8 ลิตร กำลัง 107 แรงม้า 150 นิวตันเมตร ต่อมาเป็นรุ่น 2.0 ลิตร กำลัง 120 แรงม้า 174 นิวตันเมตร และรุ่น 2.3 ลิตร กำลัง 136 แรงม้า 200 นิวตันเมตร
ทุกรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยเกียร์ธรรมดา 5 สปีด หรือเกียร์ออโต้ 4 สปีด ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ภายในเวลาประมาณ 10.6-12.3 วินาทีแล้วแต่ความจุ นับว่าตอนต้นอืดพอกับอีโค่คาร์ในยุคใหม่ แต่ตอนปลายสามารถไหลได้ถึง 190-200 กม./ชม.อย่างสบาย
กินน้ำมันล้วน ไม่ควรติดแก๊ส
Mercedes-Benz 190E มีอัตราการกินน้ำมันเฉลี่ยอยู่ระหว่าง 10-11 กม./ลิตร ถ้าเน้นใช้งานในเมืองเป็นหลัก อาจจะหล่นไปอยู่ 8-9 กม./ลิตร ซึ่งต้องรับสภาพอัตรานี้ให้ได้ และไม่ควรติดแก๊ส เพราะว่ารถรุ่นนี้เป็นระบบหัวฉีดกลไก K-jet ต้องอาศัยอู่เฉพาะทางในการติดตั้งและซ่อมบำรุง ซึ่งปัจจุบันหาได้ยากแล้ว อีกทั้งการติดแก๊สนั้นทำให้ราคาขายต่อร่วงหายไป เพราะรถมีการดัดแปลงเจาะตัวถัง กับเจาะเครื่องมาแล้ว
อ่านเพิ่มเติม : วิจัยเผย รถที่คนมักจะเก็บไว้มากกว่า 15 ปีล้วนเป็นรถญี่ปุ่นทั้งนั้น
ระวังเรื่องความร้อน แก้ไขง่าย ๆ
ข้อควรระวังประจำรุ่นนี้คือ ระบบระบายความร้อนไม่ทัน สังเกตง่าย ๆ เวลารถติดกลางแดด แอร์มักไม่เย็น วิธีแก้ไขคือให้เปลี่ยนพัดลมหม้อน้ำ จากเดิมแบบสายพาน มาเป็นแบบไฟฟ้าหรือฟรีปั๊ม จะช่วยลดความร้อนได้ดี แถมแบ่งเบาภาระเครื่องยนต์ไปได้อีกด้วย หรืออีกวิธีแก้ไขที่หลายคันใช้ก้คือ ต่อคลัตช์ตรงเข้าพัดลมให้ทำงานตลอดเวลา แบบนี้มีข้อเสียในหน้าหนาว จะใช้เวลาอุ่นเครื่องนานกว่าจะพร้อมใช้งาน
ราคาไม่ตก
ราคามือสองตอนนี้ Mercedes-Benz 190E มีการซื้อขายตั้งแต่หลักหมื่น ในสภาพวางเครื่องข้ามพันธ์ุมาแล้ว จนไปถึงราคา 200,000 บาทในสภาพบูรณะเดิม ๆ ซึ่งควรซื้อรถคันที่บูรณะใหม่แล้ว หรือถูกซ่อมบำรุงในสภาพเดิมมากกว่าไปซื้อคันที่ราคาถูกมาซ่อมเอง เพราะต้องใช้งบหลักแสนในการตามเก็บงานต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งานด้วย
อ่านเพิ่มเติม : Mitsubishi Lancer Evolution X คันสุดท้าย เปิดราคา 3.9 ล้านบาท ปั่นมูลค่าสูงกว่าเดิม 50%
Mercedes-Benz 190E นับว่าเป็นรถที่น่าสะสมอีกคันหนึ่ง เพราะสามารถซ่อมไว้ใช้งาน หรือสะสมไว้เพื่อขายต่อก็ไม่ขาดทุนมากนัก หากแต่งดี ๆ อาจจะขายได้กำไรไปอีกด้วยซ้ำ ปัจจุบันนี้มีสภาพสวยเหลือน้อยเต็มที เพราะนักสะสมเริ่มตามหาเก็บเข้าโรงรถตัวเองกันหมดแล้ว หากเจอคันใดสภาพเดิมในงบไม่เกิน 2 แสนบาท ควรรีบตัดสินใจ
อ่านเพิ่มเติม : ปีหน้าควรเปลี่ยนรถรึยัง? สำรวจตัวเองก่อน ว่าใช้รถคุ้มไหม ซื้อคันนึงใช้ได้ถึง 15 ปีนะ