หากคุณมีงบประมาณราว 1.2 ล้านบาทและต้องการเลือกรถคอมแพ็กต์ตัวท็อปที่มีชื่อชั้นแบรนด์แข็งแกร่งสักรุ่น แน่นอนว่า Honda Civic คือตัวเลือกอันดับต้น ๆ
เมื่อคุณเลือกแบรนด์ในดวงใจอย่าง Honda ได้เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งทางเลือกที่ต้องตัดสินใจก็คือจะเลือกรุ่นซีดาน 4 ประตูหรือรุ่นแฮทช์แบ็ก 5 ประตูจึงจะเหมาะกับการใช้งานมากที่สุด โดย Civic ทั้ง 2 ตัวถังมีราคาจำหน่ายแตกต่างกัน 10,000 บาท ดังนี้
รุ่นซีดาน 1.5 Turbo RS ราคา 1,219,000 บาท
รุ่นแฮทช์แบ็ก 1.5 Turbo RS ราคา 1,229,000 บาท
หากดูจากการตกแต่งและอ็อปชั่นที่มีให้จากโรงงาน ทั้งโฉมซีดานและแฮทช์แบ็กมีเหมือนกันทุกประการ โดยภายนอกมาพร้อมไฟหน้า LED ไฟเดย์ไลท์ LED ไฟท้าย LED มีระบบเปิด-ปิดไฟฟน้าอัตโนมัติและระบบปิดไฟหน้าอัตโนมัติเมื่อดับเครื่องยนต์ ไฟตัดหมอกคู่หน้า LED มือจับเปิดประตูด้านนอกแบบโครเมียมรมดำ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัวมีฟังก์ชั่นปรับและพับไฟฟ้า ท่อไอเสียแบบคู่ กันชนหน้าและกระจังหน้าสไตล์สปอร์ตแบบ RS สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED เสาอากาศครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว
ขณะที่ภายในตกแต่งด้วยสีดำ วัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังแท้และหนังสังเคราะห์ เดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดง พวงมาลัยหุ้มหนัง วัสดุตกแต่งคอนโซลแบบเปียโนแบล็ก
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ถือว่าครบครันเช่นกัน มีระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ถุงลมด้านข้างคู่หน้าและม่านถุงลมด้านข้าง ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรก (ABS & EBD) ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) และที่สำคัญคือเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda Sensing ทั้งระบบเตือนการชนรถและคนเดินถนนพร้อมระบบช่วยเบรก ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ รวมถึงระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ
ส่วนอุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายเพียบพร้อมระบบสตาร์ทเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมท ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบปรับอุณหภูมิ แยกอิสระซ้าย/ขวา เบาะนั่งด้านคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้า 4 ทิศทาง ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับแอปเปิลคาร์เพลย์ พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ และรองรับระบบสั่งการด้วยเสียง Siri
ถ้าพิจารณาเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก แน่นอนว่ารุ่นซีดานย่อมถูกใจคนที่ต้องการความภูมิฐาน สง่างาม และเป็นการเป็นงานมากกว่า ส่วนรุ่นแฮทช์แบ็กดูสปอร์ตและอ่อนเยาว์กว่าชัดเจน
และถ้าเจาะลึกลงรายละเอียดของอ็อปชั่นจะพบว่ารุ่นซีดานและแฮทช์แบ็กมีความแตกต่างกัน 2 จุด คือ
1. รุ่นแฮทช์แบ็กไม่มีระบบนำทางเนวิเกเตอร์แต่รุ่นซีดานมีมาให้
2. รุ่นแฮทช์แบ็กมีระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT แต่รุ่นซีดานไม่มี
สำหรับระบบ Honda CONNECT คือเทคโนโลยีที่ช่วยเชื่อมต่อผู้ขับขี่และและรถยนต์เข้าไว้ด้วยกัน ผ่านการทำงานของแอปพลิเคชันบนมือถือสมาร์ตโฟน และ TCU (Telematics Control Unit) ที่ติดตั้งในรถยนต์ ผู้ขับขี่จึงสามารถตรวจสอบสถานะความพร้อมของรถยนต์ ตำแหน่งรถยนต์ รวมถึงแสดงข้อมูลลักษณะการขับขี่ได้แบบเรียลไทม์ และยังเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในกรณีเหตุฉุกเฉินต่างๆ
สรุปได้ว่าเงิน 10,000 บาทที่เพิ่มเติมเข้ามาของรุ่นแฮทช์แบ็ก ผู้ขับขี่จะได้ใช้รถที่มีรูปลักษณ์โฉบเฉี่ยวมากกว่า ประตูท้ายเปิดได้เพื่อจัดเก็บสัมภาระ และมีระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT ให้ได้ใช้งานกัน ส่วนจะคุ้มค่าหรือไม่ คนที่ชื่นชอบรถท้ายตัดย่อมบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าของมันแน่นอนอยู่แล้ว