การเปิดตัว 2021 MG5 (เอ็มจี5) ในประเทศไทยในรุ่นท็อปด้วยค่าตัว 6.89 แสนบาทนั้น ถือเป็นการเรียกเสียงฮือฮาให้กับแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์อยู่อย่างเอาเรื่อง เพราะว่าถือเป็นหมัดเด็ดของ MG (เอ็มจี) ที่จะเปิดตัวรถรุ่นนี้เป็นรุ่นสุดท้ายในประเทศไทยในปีนี้
แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ต้องคาดหวังกับรถคันนี้เอาเรื่อง โดยผู้บริหารระบุว่ารถคันนี้มีศักยภาพที่จะทำยอดจำหน่ายได้ถึงเดือนละ 2,000 คัน ด้วยรูปลักษณ์ที่มีความโดดเด่น เฉียบคม อุปกรณ์ด้านการขับขี่และความปลอดภัยรอบคัน และที่สำคัญคือราคาที่คบหาได้สบาย
ด้านความสวยงามโดดเด่นนั้นไม่เป็นรองใครเป็นท้องถนน แต่หลาย ๆ คนอาจจะตั้งคำถามถึงเรื่องของการขับขี่ ที่เอ็มจียังเลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตรรุ่นเดิมที่ใช้กับรถที่ทำตลาดอยู่แล้วมาประจำการ แม้จะมีการปรับปรุงหลายอย่าง แต่ก็ยังอาจจะไม่สบายใจกัน
เอ็มจีได้จัดการทดลองขับแบบสั้น ๆ ขึ้นมาที่ MG Driving Experience Center ระยะทางไม่ไกลมาก แต่มีการวางไลน์ให้ได้ทดสอบสมรรถนะของรถกัน ในส่วนของช่วงล่าง พวงมาลัย และการควบคุมรถ ที่พวกเขาถือว่าเป็นจุดขายที่โดดเด่นพอ ๆ กันอุปกรณ์ต่าง ๆ
แน่นอนว่าการขับใน MGD อาจจะไม่ได้อะไรมากนัก แต่ก็พอจะสัมผัสถึงความรู้สึกของการใช้งานรถคันนี้มาเล่าสู่กันฟังได้ ใครอยากตามอ่านสเปกหรืออุปกรณ์ในภาพรวมเชิญได้ที่บทความเดิม ๆ ของพวกเรา เพราะวันนี้เราจะเล่ากันถึงความรู้สึกในการใช้รถเพียว ๆ
ไว้เป็นเหตุผลในการตัดสินใจว่า Buy หรือ Bye ละกันนะ...
หน้าตาสวยจริงด้วยดีไซน์แบบสปอร์ต
ถ้าให้คนทั่วไปเดินมาเห็นรถ 10 คน ผมมองว่าจะต้องบอกว่ารถคันนี้สวยไปแล้ว 7-8 คน เพราะเส้นสายการออกแบบของรถคัน ต้องบอกว่าได้รับแรงบันดาลใจอย่างดีมาจากรถสปอร์ตและรถหรู ที่เน้นการใช้เส้นสายที่โฉบเฉี่ยว บนสัดส่วนของรถที่ด้านหน้ายื่นยาว
ตัวรถมีความสูงค่อนข้างต่ำ ทำให้สามารถบีบเส้นสายของการดีไซน์จากกระโปรงหน้าไปถึงฝากระโปรงหลังได้แบบไม่ขาดตอน ประตูบานใหญ่เปิดได้กว้างเข้า-ออกสบาย แต่ถ้าไม่ระวังอาจจะหัวชนได้ที่ด้านหลัง ขณะที่ชิ้นส่วนต่าง ๆ รอบตัวรถตั้งใจออกแบบให้ดุ
ไฟหน้าและไฟท้านมีลักษณะการเล่นเส้นสายที่โฉบเฉี่ยว โดยรวม ๆ เป็นรถเล็กที่มีการออกแบบที่ดี และหากต้องการ ยังสามารถเลือกซื้อชุดแต่งมาติดตั้งเพิ่มได้อีกต่างหาก พวกสปอยเลอร์หลัง เป็นต้น อันนี้อาจจะต้องสอบถามทางตัวแทนจำหน่ายดูว่าราคาแพงไหม
ภายในนั่งกระชับตัว รองรับแรงเหวี่ยงดี
เบาะที่นั่งด้านหน้าที่หลายคนบ่นว่าดีไซน์แปลก ๆ ดูบวม ๆ อวบ ๆ นั้น เป็นอีกจุดที่ถือว่าดีสำหรับรถคันนี้ โดยเฉพาะที่เบาะผู้ขับขี่ ถือว่าโอบกระชับและรองรับน้ำหนักค่อนข้างดีเลย สามารถล็อกตัวเอาไว้ให้อยู่กับเบาะได้อย่างแน่นหนา ลดอาการเหวี่ยงจากรถได้ด้วย
ส่วนเบาะผู้โดยสารตอนหลังนั้นอาจจะดูแบน ๆ ไม่รับน้ำหนักเท่าไร ไม่มีที่เท้าแขนมาให้ แต่พับลงมาเก็บสัมภาระได้ พอดียังไม่ได้ทดสอบห้องโดยสารตอนหลัง เลยไม่รู้จริง ๆ ว่ามันนั่งสบายหรือเปล่า แต่ประเมินจากสายตาก็ไม่น่าจะเทียบกับเบาะคู่หน้าได้หรอกน่า
เอาจริง ๆ ผมรู้สึกว่าทีมออกแบบภายในใช้พละกำลังไปกับการออกแบบแผงคอนโซลหน้า เบาะคู่หน้า พวงมาลัย หน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ และอื่น ๆ อีกมากมาย จนพอถึงตำแหน่งเบาะหลังก็ติดตั้งเบาะให้ครบ ซึ่งจริง ๆ ถ้าจะทำให้สวยกว่านั้นก็น่าจะทำได้อยู่นะ
แต่ในขณะเดียวกัน ห้องโดยสารตอนหน้านั้นเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์และการเลือกใช้วัสดุที่เยี่ยมยอด ถ้าคุณซื้อรถคันนี้ไว้ขับคนเดียวหรือมีแค่ผู้โดยสารตอนหน้าคุณจะชอบมันมาก เพราะการออกแบบของแผงคอนโซลหน้าดูดีกว่ารถที่แพงกว่านี้บางรุ่นซะอีก
ไหนจะหน้าจอขนาด 10 นิ้ว ที่ใช้งานได้อย่างหลากหลาย แต่หลาย ๆ ฟังชั่นส์ก็แอบหายาก เพราะเกือบทั้งหมดมาซ่อนไว้แล้ว เว้นแต่ฟังชั่นส์ที่ใช้ประจำก็ยังเป็นปุ่ม ๆ อยู่ ตอนทดสอบกว่าผมจะหาปุ่มปรับน้ำหนักพวงมาลัยเจอยังกดหน้าจออยู่นานจนต้องขอคนช่วยเลย
เครื่องยนต์อืดตามคาด แต่ช่วงล่างดีกว่าที่คิด
เมื่อเอาเครื่องยนต์เบนซินรุ่นเดิมแบบยกทุกอย่างมาจาก MG ZS (เอ็มจี แซดเอส) ก็คงจะไปคาดหวังว่าตัวเครื่องจะตอบสนองแบบปรู๊ดปร๊าดก็คงไม่ได้อยู่แล้ว ความรู้สึกของการขับขี่ก็เหมือนกับจขี่แซดเอสในรูปทรงรถยนต์นั่งนั่นล่ะครับ เมื่ออืดก็ต้องว่ากันไปตามอืด
0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงไม่ได้จับ เพราะสนามเซตเอาไว้ให้ทำความเร็วได้ไม่มากขนาดนั้น แต่เดา ๆ น่าจะเกิน 10 วินาทีไปเล็กน้อย การเปลี่ยนเกียร์สมูทดีในแบบของซีวีที ที่บางทีก็ทำให้ความสนุกสนานหายไปบ้าง แต่ผู้ขับขี่ที่ไม่สนใจฟีลลิ่งก็คงไม่ค่อยรู้สึกอะไร
ช่วงล่างแบบยูโรจูนนิ่งน่าจะเป็นอีกจุดขายที่ดีของรถ เพราะการควบคุมรถนั้นทำได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะพวงมาลัยแบบปรับน้ำหนักได้ 3 ระดับ ที่เบาก็เบาจนเด็กหมุนเล่นได้ แต่พอโหมดสปอร์ตก็แน่นแข็งจนเกินความต้องการไปเสียหน่อย โหมดธรรมดาคือดีสุด
การตอบสนองของช่วงล่างนั้นไม่ได้นุ่มจนรู้สึกไม่สบาย และไม่แข็งจนออกอาการตึงตังมากจนเกินงาม ยิ่งคิดว่าเป็นรถสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก ได้บรรยากาศของความนุ่มนวลมากกว่า แต่ก็ยังมั่นใจได้ว่ารถเอาอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องควบคุมรถที่ยากขึ้น
ผมลองวิ่งที่ความเร็วประมาณ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ผ่านทั้งการเปลี่ยนเลนกระทันหันแบบต่อเนื่อง สลาลอม 3 ที รวมถึงเข้าโค้งใหญ่ที่ลองเอาตัวรถด้านซ้ายไปปีนพื้นลูกคลื่นต่อเนื่องมา ก็ไม่ได้มีอาการอะไรหวาดเสียว แต่ถ้าความเร็วกว่านี้ไว้ขอยืมมาลองอีกทีละกัน
ออพชั่นเพียบ เด่นสุดคือดิจิตอล คีย์
แม้จะมีระบบติดตั้งมามากมาย แต่ที่โดดเด่นเกินใครจริง ๆ คงหนีไม่พ้นระบบดิจิตอลคีย์ ที่สามารถแชร์กุญแจให้กันได้ผ่านแอพพลิเคชั่น ซึ่งเจ้าของรถสามารถส่งกุญแจให้กับเพื่อน ๆ ได้ผ่านระบบ และกำหนดการใช้งานได้ว่าจะให้ใช้งานยาวนานกันขนาดไหนเพียงใด
ในการทดสอบวันนี้ ทางเอ็มจีได้ลองระบบกันอย่างเต็มที่ ด้วยการไม่ให้กุญแจเข้ารถกับผมเลย แต่ใช้วิธีส่งดิจิตอลคีย์มาให้ ซึ่งพอผมรับมาก็แค่เปิดบลูทูธเดินเข้าไปที่ตัวรถ รถก็จะเปิดออก ขึ้นรถสตาร์ทขับออกไปง่าย ๆ ใช้รถเสร็จก็ดับเครื่อง เดินออกมารถก็ล็อกเอง
อาจจะเป็นเหมือนฟังชั่นส์ที่เป็นกิมมิกเล็ก ๆ น้อย ๆ ในการใช้งาน แต่ก็ถือเป็นฟังชั่นส์ที่ล้ำสมัยต่อยอดมาจาก i-Smart เพราะว่าในของคู่แข่งที่มีระบบนี้ ยังจำเป็นต้องพกคีย์การ์ดกันอยู่ จะบอกว่าพวกเขาเป็นผู้นำในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่มาพร้อมระบบนี้ก็ไม่ผิด
แต่เนื่องจากเป็นการทดสอบสั้น ๆ ขอบอกว่าเรายังไม่ได้ลองระบบอื่น ๆ ที่ติดตั้งมาให้มากนัก ซึ่งดู ๆ แล้ว ระบบที่ให้มาก็แทบจะเป็นระบบมาตรฐานที่ใช้มาในรถรุ่นอื่น ๆ ของแบรนด์อยู่แล้ว จะมีก็แค่การเปลี่ยนหน้าจอเป็นแนวยาว 10 นิ้วที่ดูแปลกตาไปนิดหน่อย
ของเล่นที่มีมาให้ครบครันแบบไม่ต้องไปหาที่อื่นเพิ่ม ทำให้รถคันนี้ดูมีความคุ้มค่า และทำให้เพียงพอต่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน อุปกรณ์ช่วยเหลือด้านการขับขี่และความปลอดภัยมีมาให้อย่างเพียงพอและไม่เป็นรองใครในเซกเมนต์ ถ้าคิดว่าโดนใจก็ไปลองกันได้
สรุปแล้วเหมาะกับใคร แล้วเทอร์โบจะมาไหม
เอาจริง ๆ ผมก็มีความเชื่อลึก ๆ ว่าเอ็มจีน่าจะเอาเครื่องยนต์เทอร์โบเข้ามาทำตลาดในอนาคตนั่นล่ะ แต่แน่นอนว่าราคาจะไม่ใช่เท่านี้แล้วนะ อาจจะเห็นขึ้นไปถึงระดับ 7 แสนกลางถึงปลาย ซึ่งสมรรถนะที่ได้มาก็ถือว่าคุ้มค่าหากคุณคิดว่าจ่ายไหวกับค่าตัวที่เพิ่มขึ้นมา
แต่หากว่าคุณเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ไม่ได้ต้องกดคันเร่ง 0-100 ภายใน 7 วินาที แต่การใช้งานเน้นแบบไปเรื่อย ๆ ออกเฉื่อย ๆ ชิลล์ชิลล์ รับได้กับการตอบสนองที่ช้าไปหน่อย แต่แลกมากับของเล่นมากมายที่คู่แข่งในระดับราคาเดียวกันให้ไม่ได้ รถคันนี้ก็อาจจะเป็นตัวเลือก
ก็ไม่แปลกใจที่เอ็มจีบอกว่ารุ่นท็อปที่สุดเป็นตัวขายหลักของรุ่น และซื้อรถตอนนี้อาจจะต้องรอแบ็คออเดอร์กัน 1 เดือน เอาไว้มีโอกาจะยืมรถออกมายาว ๆ พาทัวร์กันอย่างจริงจังอีกสักรอบ ว่าถ้าเอามาใช้งานนาน ๆ อาจจะเจอจุดดีหรือจุดแย่เพิ่มมากขึ้นจากวันนี้ไปอีก
รอโควิดซา ๆ นิดนึงแล้วค่อยมาเจอกันใหม่ละกัน...