อิซาโอะ เซคิกุจิ ประธาน นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) อาจไม่เป็นที่รู้จักกันในตลาดประเทศไทย เมื่อเขาถูกเลือกเข้ามาดำรงตำแหน่งในประเทศไทยท่ามกลางปัญหามากมาย ทั้งตัวสินค้า ตัวแทนจำหน่าย และการลาออกของผู้บริหารเดิมที่ทำตลาดมาสักระยะ

ประสบการณ์ของเขานั้นในตลาดอาเซียนมีมากพอสมควร เพราะเขาเคยยนั่งเป็นผู้บริหารใหญ่ของนิสสันในแดนอิเหนามากว่า 2 ปี และถือว่าทำหน้าที่ได้ดีในระดับหนึ่ง ก่อนที่จะรับเผือกร้อนด้วยการโยกมาดูแลตลาดประเทศไทย ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตในหลาย ๆ ด้าน

นิสสันในประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นอีกค่ายรถหนึ่งที่ทำผลงานได้ต่ำกว่าความคาดหวัง และการตัดสินใจในยุคหลัง ๆ นั้นถือว่าทำผิดพลาดไปมากมาย ไม่งว่าจะเป็นการดัมพ์ราคาจำหน่ายรถยนต์ใหม่ หรือการตัดรถยนต์ที่ทำตลาดออกไปจากประเทศไทยหลายรุ่น

อ่านเพิ่มเติม: Nissan ระบุหยุดทำตลาด 3 รุ่นเหตุขายน้อย เปิดทางผลิต Nissan Kicks เพิ่ม

แม้จะมีการเพิ่มในส่วนของอีโคคาร์อย่าง Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) การปรับโฉมของ Nissan Navara (นิสสัน นาวาร่า) ก็ไม่อาจจะทำให้ยอดขายของพวกเขากระเตื้องขึ้นมาได้ โดยนิสสันมียอดขายที่ลดลง 25% ในช่วงครึ่งปีแรก สวนทางตลาดที่โตมา 13%

และแม้จะมีสินค้ารุ่นใหม่ที่จ่อคิวเปิดตัวอยู่อย่าง Nissan Terra (นิสสัน เทอร์ร่า) ก็ไม่อาจจะยืนยันได้ว่านิสสันจะกลับมาได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งท่านประธานได้ยืนยันหนักแน่นว่านิสสันนั้นมีปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขจริง และพวกเขาไม่ได้ยินดีกับตำแหน่งในปัจจุบัน

อ่านเพิ่มเติม: ส่อง 2021 Nissan Terra ใหม่สวยใสมีอะไรต่างไปจากเดิมบ้าง พร้อมเสริมทัพไทยเดือนหน้า

Q: มองสถานการณ์ของนิสสันอย่างไรบ้าง

A: ผมมองว่าเราอยู่ในช่วงเวลาของการปรับตัวนะ แน่นอนว่าตัวเลขของเราไม่ดี และเราก็ไม่ได้พึงพอใจกับสถานการณ์ในปัจจุบันหรอกนะ ซึ่งเราก็ต้องพยายามปรับปรุงในหลายเรื่อง แต่คงใช้เวลา ยกตัวอย่างเช่นอีเวนต์หลาย ๆ งานก็ไม่สามารถทำได้ในช่วงนี้

อย่างสินค้าที่เปิดตัวไปใหม่ของเรา ก็คงต้องอาศัยเวลาให้ลูกค้าได้มาทำการทดสอบเสียก่อน ซึ่งพอเกิดการแพร่ระบาดของโควิดอีกรอบ ก็ไม่สามารถเดินหน้าจัดกิจกรรมได้ ตรงนี้ก็มีส่วนที่ทำให้ตัวเลขของเราไม่ดีในช่วงที่ผ่านมา แต่เรามีแผนเดินหน้าต่อแน่นอน

งานของผมและทีมงานของผมทุกคน เราจะต้องเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของนิสสัน ซึ่งเรามองไปที่เรื่องของการสร้างแบรนด์ ต้องยอมรับว่า หลายปีที่ผ่านมา นิสสันมุ่งเน้นที่การสร้างยอดขายมากเกินไป แต่ตอนนี้เราจะหันกลับมาสื่อสารเรื่องตราสินค้ามากขึ้น

Q: อะไรคือปัญหาหลักของนิสสันในปัจจุบัน

A: เราจะต้องปรับโฟกัสมาที่การสร้างแบรนด์ของเราก่อน จะเห็นว่าในหลายตลาดทั่วโลกเราทำได้ดีมาก เรามีรถที่หลาย ๆ แบรนด์ไม่มี เช่น Nissan GT-R (นิสสัน จีที-อาร์) หรือ Nissan Leaf (นิสสัน ลีฟ) ซึ่งเป็นภาพลักษณ์ที่ควรจะต้องสื่อสารให้ชัดเจนยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ เราจะต้องกลับไปดูในอดีตก่อนว่าอะไรที่เราทำแล้วดีในช่วงที่ผ่านมา อะไรที่เราทำมาแล้วไม่ดี และจะต้องเดินหน้าแก้ไขอย่างไร แล้วเราจะทำอย่างไรให้ดีขึ้น ซึ่งแม้เราจะไม่พอใจกับสถานะของเราตอนนี้ แต่เชื่อว่ายังมีโอกาสเติบโตในประเทศไทย

ก็คงเป็นเรื่องที่ไม่ง่าย และอาจจะต้องใช้เวลา 1-3 ปีหรือมากกว่านั้นในการแก้ไข อย่าลืมว่านิสสัน ประเทศไทยนั้นมีประวัติศาสตร์มายาวนาน  เรามีโรงงานขนาดใหญ่ และเตรียมจะฉลอง 70 ปีในประเทศไทยในปีนี้ ซึ่งจะต้องเดินหน้าเพื่อไปถึงเป้าหมายในอนาคต

Q: เป้าหมายของนิสสันในอนาคตจะเป็นอย่างไร

แน่นอนว่าเราตั้งเป้าที่จะขึ้นเป็นท็อป 5 ของผู้นำตลาดในประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่เราอยากได้ และมองว่าจะต้องมีส่วนแบ่งตลาดในทุกเซกเมนต์ที่เราทำตลาดอยู่ไม่น้อยกว่า 5% ปัญหาหลัก ๆ ก็คือการหาโฟกัสของสินค้าแต่ละตัวว่าจะต้องเน้นกลุ่มลูกค้าอย่างไร

ยกตัวอย่างเช่น สินค้าอย่าง Nissan Kicks (นิสสัน คิกส์) ก็อาจจะต้องสื่อสารกันใหม่ เพื่อให้เข้าใจถึงคุณสมบัติของเครื่องยนต์อี-พาวเวอร์ หรืออย่างนาวาร่าที่เพิ่งเปิดตัวไป จะทำอย่างไรให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าของแต่ละกลุ่ม เป็นโจทย์ที่เราจะต้องทำการแก้ไขให้ได้

นอกจากนี้ จะต้องมีการวางกลยุทธ์กับทางตัวแทนจำหน่ายให้ชัดเจน ที่ผ่านมาเราอาจจะเคยทำอะไรพลาดไป ด้วยการที่เรามั่นใจในตัวเองเดินไป เลยไม่ได้มุ่งเน้นการสร้างแบรนด์เท่าที่ควร ซึ่งแม้ว่าเราจะเป็นบริษัทที่เล็ก แต่จะต้องมีความสำคัญในตลาดให้จงได้

Q: รถที่เคยหยุดทำตลาดไปจะเอากลับมาหรือไม่

A: จริง ๆ ตอนนี้เราคงยังไม่สามารถบอกถึงแผนงานด้านตัวสินค้าของเราในอนาคตได้ แต่ว่าที่ผ่านมา เราก็หยุดทำตลาดรถไปหลายรุ่น อาทิ Nissan X-Trail (นิสสัน เอ็กซ์-เทรล) หรือรถหลาย ๆ รุ่นที่นำมาผลิตในประเทศไทยก็ได้รับการยอมรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี

สิ่งที่สำคัญกว่าก็คือการมองหาว่าอะไรคือความแข็งแกร่งของพวกเรา ความต้องการของตลาดในประเทศไทยจะเป็นอย่างไร แต่ก็คงจะต้องมีอะไรมากขึ้นในอนาคต ซึ่งผมอยากเห็นนิสสันเป็นแบรนด์ที่รับฟังผู้บริโภค สร้างความแตกต่างให้กับแบรนด์เหนือคนอื่น

อย่างที่ผมบอกไปว่าเราจะเป็นแบรนด์เล็กที่มีความสำคัญในตลาด ซึ่งหลายเรื่องเราต้องสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ พยายามมองหาความแข็งแกร่งของนิสสัน และเก็บรักษาลูกค้าในแต่ละกลุ่มไว้ให้ได้ เราเป็นแบรนด์ที่มีประวัติศาสตร์ที่แตกต่าง และผมเชื่อว่าเราจะทำได้

อ่านเพิ่มเติม: 2022 Nissan X-Trail PHEV รถเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดครบเครื่องแบบนี้ขายไทยเถิด

Q: ดูเหมือนนิสสันจะยอมรับว่าเป็นแบรนด์ขนาดเล็ก

A: จริง ๆ นิสสัน ประเทศไทย เคยมีส่วนแบ่งตลาดมากกว่านี้นะ ถ้าจำกันได้ในช่วงของการเปิดตัวรถอีโคคาร์ในประเทศไทย แต่ถ้าพูดตรง ๆ เราก็มีปัญหาเรื่องการเซตอัพแบรนด์ ซึ่งเราจะต้องพยายามเข้าใจแบรนด์ของเรา เพื่อรักษาตำแหน่งเอาไว้ให้ได้เสียก่อน

เราคงต้องเริ่มจากว่าเรามีอะไรอยู่ก่อน อะไรคือทิศทางที่เราจะต้องสร้างแบรนด์ออกไป เรามาถึงจุดที่เราจะต้องชัดเจนเรื่องกลยุทธ์ จริงอยู่ที่ในตลาดโลกเราใหญ่มาก แต่ในประเทศไทยเรายังเล็กอยู่ แม้เราจะทำรถที่ดีออกมา แต่ก็ยังต้องฟังว่าลูกค้านั้นต้องการอะไร

ผมเคยไม่เข้าใจในตลาดว่าทำไมลูกค้าบางแห่งต้องการซันรูฟ ทั้งที่ประเทศของพวกเขานั้นร้อนมาก ๆ เรารู้ว่าเขามีความคาดหวังและอยากได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะลูกค้านั้นต้องการแค่โชว์รถเท่านั้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เราต้องเดินหน้าปรับปรุงแก้ไขกันต่อไปนะ

อ่านเพิ่มเติม: ขายดีทุกที่เว้นไทย Nissan e-Power ขายเกินครึ่งล้านคันแล้วทั่วโลก

Q: ตลาดรวมในปีนี้ และการกลับขึ้นมาที่ 5 อีกครั้ง

A: ตอนนี้หลาย ๆ คนมองตลาดรวมไปที่ 8 แสนคัน ซึ่งผมเองก็มองว่าน่าจะอยู่ในระดับนั้นได้ แต่หากจะหดตัวลงไปเหลือ 7-7.5 แสนคัน ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เพราะการล็อกดาวน์หรือการปิดสายการผลิตนั้น ส่งผลกับยอดผลิตและยอดจำหน่ายรถอย่างมาก

นิสสันเองจะไม่พูดเรื่องตัวเลขยอดขาย เพราะเรามีความท้าทายของเราในปีนี้ ที่การจัดการเซมิคอนดัคเตอร์ให้พอเพียงในอาเซียน ซึ่งรวมไปถึงอินโดนีเซียและมาเลเซียด้วย ไหนจะเรื่องบริหารซัพพลายเชนของเราให้มีความพร้อมด้านการผลิตอย่างต่อเนื่องทั้งปี

ถามว่าเมื่อไหร่เราจะขึ้นที่ 5 ได้หรอ ผมมองว่าทำได้เร็วที่สุดเท่าไหร่ก็ดีนะ แต่มันคงไม่ง่ายขนาดนั้น ตลาดประเทศไทยนั้นมีแบรนด์รถยนต์ใหม่ ๆ เข้ามามากมาย และพวกเขาก็ทำได้ดี เราก็คงต้องปรับแผนเพื่อให้กลับไปให้ได้ไวที่สุด แต่ยอมรับว่าไม่ใช่เรื่องง่าย

Q: จะเดินหน้ารถยนต์ไฟฟ้าต่อหรือไม่

A: จริง เรื่องนี้เราเคยมีการคุยกันในทีมว่าจะเอาอย่างไรดีกับรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและอาเซียน ซึ่งบอกตรง ๆ ว่าเราอาจจะยังไม่พร้อม ในเรื่องของชาร์จจิ้ง สเตชั่นหรือการอุดหนุนสำหรับผู้ใช้งาน เพราะแม้แต่โตเกียวที่มีอินเซนทีฟมากมายยังไม่ค่อยใช้กันเลย

เพราะว่าพวกเขาไม่มีที่ชาร์จไฟฟ้าที่บ้าน อันนี้ก็เป็นความท้าทายของเราเหมือนกัน แต่อย่างนิสสัน ลีฟ ที่เราเดินหน้ามา 2 ปี ก็จะเดินหน้ากันต่อไป แต่เอาจริง ๆ ผมไม่รู้นะว่าอีวีจะเติบโตได้อย่างรวดเร็วในอาเซียนเมื่อใด เพราะทุกฝ่ายต้องมีความพร้อมกันหมด

ลูกค้าต้องเข้าใจถึงประโยชน์ของการใช้งานรถกลุ่มนี้ บริษัทพร้อมที่จะนำรถเข้ามา อย่าง Nissan Ariya (นิสสัน อารียะ) ถ้าพร้อมเราเดินหน้าได้ทันที แม้แต่รถยนต์นั่งขนาดเล็กแบบไฟฟ้า เราก็จะทำปีหน้า แต่ถ้าลูกค้าไม่ยอมรับ ก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะนำเข้ามาหรอก

อ่านเพิ่มเติม: Nissan ประกาศเดินหน้าพัฒนาครอสโอเวอร์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ เดินหน้าโครงการอีวีเต็มรูปแบบ