เราไปชมกันว่ารถทั้ง 2 รุ่นมีสเปกเทียบเคียงกันอย่างไรได้บ้างสำหรับคนที่กำลังมองหารถอเนกประสงค์ซิตี้คาร์สักคัน
มิติตัวถัง
|
Mitsubishi Xpander |
Suzuki Ertiga |
ความยาว |
4,475 มม. |
4,395 มม. |
ความกว้าง |
1,750 มม. |
1,735 มม. |
ความสูง |
1,700 มม. |
1,690 มม. |
ระยะฐานล้อ |
2,775 มม. |
2,740 มม. |
ระยะต่ำสุดจากพื้น |
205 มม. |
180 มม. |
น้ำหนักรถ |
1,200 กก. |
1,130 กก. |
Xpander ใหญ่โตมากกว่าในทุกมิติซึ่งนั่นหมายถึงพื้นที่ในห้องโดยสารที่กว้างขวางโอ่โถงมากกว่าและถือว่าเป็นจุดเด่นของรถเอ็มพีวีรุ่นนี้ของ Mitsubishi ก็ว่าได้ ระยะความสูงจากพื้นมากกว่า Ertiga อยู่ 25 มม. หรือ 2.5 ซม. ยังทำให้ Xpander รองรับการใช้งานแบบสมบุกสมบันได้มากกว่า แต่ถ้าใครต้องการลุย ๆ ยิ่งกว่านี้ก็สามารถไปเลือก Xpander Cross ที่มีความสูงจากพื้นเพิ่มขึ้นเป็น 225 มม.
ระบบขับเคลื่อน
|
Mitsubishi Xpander |
Suzuki Ertiga |
เครื่องยนต์ |
เบนซิน 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว |
เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว |
ความจุ |
1,499 ซีซี 1.5 ลิตร |
1,462 ซีซี ซีซี 1.5 ลิตร |
พละกำลัง |
105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที |
105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที |
แรงบิด |
141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที |
137 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที |
ระบบส่งกำลัง |
เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด |
เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด |
รองรับน้ำมันเชื้อเพลิง |
สูงสุด E20 |
สูงสุด E20 |
อัตราบริโภคน้ำมัน |
14-15 กม.ต่อลิตร |
14-15 กม.ต่อลิตรก |
หัวใจขับเคลื่อนของทั้งรถสองรุ่นใกล้เคียงกันอย่างมาก แรงม้าเท่ากันพอดิบพอดี ส่วนแรงบิดต่างกันเพียงเล็กน้อย และยังส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดที่ผลิตโดยซัพพลายเออร์เจ้าเดียวกันและค่อนข้างล้าสมัยไปสักหน่อยสำหรับรถในยุคปี 2020
ไม่น่าแปลกใจที่การขับขี่ของ Xpander และ Ertiga จะมีบุคลิกคล้ายกันมาก การออกตัวจากหยุดนิ่งมีความคล่องแคล่วและเหมาะสำหรับการใช้งานในเมือง แต่เมื่อถึงการขับขี่ในช่วงความเร็วปานกลางไปจนถึงสูง รถมินิเอ็มพีวีทั้งสองโมเดลมีอัตราเร่งค่อนข้างช้าไปจนถึงอืด แต่การขับขี่แบบทางไกลแช่ความเร็วไปเรื่อย ๆ 100 – 120 กม.ต่อชม. ให้ความสะดวกสบายและเก็บเสียงได้ดีพอสมควร
ช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวทำได้ดีทั้งคู่ Ertiga เซ็ทพวงมาลัยมาแบบเบามือมากกว่า ขณะที่ Xpander ดูจะมีการยึดเกาะถนนเหนือชั้นกว่าเล็กน้อย
รูปลักษณ์และอุปกรณ์อำนวยความสะดวก
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนึ่งในความโดดเด่นของ Xpander คือรูปร่างหน้าตาที่สะดุดตาและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์แบบฮาโลเจน ไฟหรี่แบบคริสตัล LED มีไฟตัดหมอกคู่หน้า ไฟท้ายแบบ LED L-Illumination Tube พร้อมแผ่นสะท้อนแสงบริเวณกันชนท้าย สปอยเลอร์หลัง พร้อมไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED กระจกมองข้างปรับ และพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED มือจับประตูด้านนอกและคิ้วขอบกระจกประตูแบบโครเมียม พร้อมแผงกันกระแทกด้านหน้า-หลัง และคิ้วด้านข้าง สีเงิน ล้ออัลลอย 16 นิ้ว สีทูโทน สวมทับด้วยยางขนาด 205/55 R16
Xpander มีความลงตัวจากหน้าจรดท้าย ผสมผสานความสปอร์ต บึกบึน และแข็งแกร่ง ตัวท็อปเติมแต่งวัสดุโครเมียมทำให้มีภาพลักษณ์หรูหราเพิ่มเข้ามาด้วย เหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบรถอเนกประสงค์ที่ยังคงความหวือหวา ไม่เรียบง่ายน่าเบื่อเหมือนรุ่นอื่น ๆ
ทางด้าน Ertiga ใหม่มาพร้อมแนวคิด Spark it up จุดประกายอีกขั้นของชีวิต เน้นตอบสนองกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่วัยทำงาน มาพร้อมกระจังหน้าโครเมียม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ ไฟตัดหมอกคู่หน้า ไฟท้าย LED แบบ light guide กระจกสีตัดแสง กระจกมองข้างมีไฟเลี้ยวในตัว พร้อมฟังก์ชั่นปรับและพับไฟฟ้า มือจับเปิดประตูด้านนอกโครเมียม ล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว หุ้มด้วยยาง 185/65 R15
รูปร่างหน้าตาของ Ertiga เข้าตำราครึ่ง ๆ กลาง ๆ มีความทันสมัยและโฉบเฉี่ยวพอตัว แต่ก็ไม่ได้โดดเด่นสะดุดตามากนัก ล้ออัลลอยที่ควรจะเป็นขนาด 16 นิ้ว กลับได้มาแค่ 15 นิ้วทำให้ตัวรถสไตล์เอ็มพีวีดูโหย่ง ๆ แต่ฟังก์ชั่นในภาพรวมถือว่าครบครันทั้งคีย์เลส ไฟส่องสว่าง LED และกระจกมองข้างไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม ถ้าเทียบกันแล้ว ดูเหมือน Xpander จะดึงดูดสายตามากกว่าในแง่ของงานดีไซน์
ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกของ Xpander รุ่น 1.5 GT A/T มีดังนี้
- จอแสดงผลข้อมูลอเนกประสงค์ 4.2" TFT Color LCD with 3D Animation
- มาตรวัดการขับขี่แบบ High Contrast
- แผงควบคุมระบบปรับอากาศด้านหลังแบบแยกอิสระ พร้อมช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- สวิตช์ควบคุมระบบเครื่องเสียงบนพวงมาลัย
- สวิตช์ควบคุมการสั่งงานด้วยเสียง และปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัย
- ระบบล็อกความเร็วบนพวงมาลัย
- กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์
- เครื่องเสียง 2DIN - วิทยุ, ดีวีดี, ซีดี, เอ็มพี 3, จอภาพระบบสัมผัส ขนาด 6.2 นิ้ว
- ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย
- ช่องต่ออุปกรณ์ USB
- ช่องจ่ายกระแสไฟ DC 12 โวลต์ 3 ตำแหน่ง
- ลำโพง 6 ตำแหน่ง
ฟังก์ชั่นอำนวยความสะดวกของ Ertiga รุ่น GX มีดังนี้
- พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน พร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและสั่งการโทรศัพท์
- จอระบบสัมผัสขนาด 10 นิ้ว
- ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth
- รองรับการเชื่อมต่อแอปเปิลคาร์เพลย์
- ลำโพง 4 ตำแหน่ง
- ช่องเชื่อมต่อ USB และ HDMI
- กุญแจรีโมท
- ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ
- คีย์เลส
- ระบบกรองอากาศ
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
Ertiga ใหม่โดดเด่นกว่าเล็กน้อยด้วยการติดตั้งจอสัมผัสขนาดใหญ่ถึง 10 นื้วบนคอนโซลหน้า ขณะที่ Xpander ให้มาแค่ 6.2 นิ้ว ขณะที่อ็อปชั่นอำนวยความสะดวกสบายอื่น ๆ มีครบถ้วนเหมาะสำหรับการเป็นรถคันแรกและคันเดียวของครอบครัว ทั้งแอร์ออโต้ ช่องแอร์หลัง ระบบเชื่อมต่อ รวมถึงพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น
ระบบความปลอดภัย
ระบบความปลอดภัยของ Xpander รุ่น 1.5 GT A/T มีดังนี้
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
- ระบบป้องกันการลื่นไถล
- ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน
- ระบบเบรก ABS, EBD และ BA
- ระบบไฟกะพริบฉุกเฉินอัตโนมัติ ขณะเบรกกะทันหัน
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับ และระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง
- เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง แบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
- เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวที่สาม แบบ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง
- จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง
- กล้องมองภาพด้านหลัง ขณะถอยจอด
ระบบความปลอดภัยของ Ertiga รุ่น GX มีดังนี้
- ถุงลมนิรภัยคู่หน้า
- ระบบเบรก ABS, EBD และ BA
- ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว
- ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน
- คานกันกระแทกด้านข้าง
- เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับ และระบบผ่อนแรงอัตโนมัติ ELR 3 จุด
- เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวที่สอง แบบ ELR 3 จุด 3 ตำแหน่ง
- เข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารแถวที่สาม แบบ ELR 3 จุด 2 ตำแหน่ง
- จุดยึดเบาะเด็ก ISOFIX 2 ตำแหน่ง
- เซ็นเซอร์ถอยหลังพร้อมสัญญาณเตือน
- กล้องมองหลัง
ความปลอดภัยมีพอเหมาะพอควร ไม่ฟู่ฟ่าแต่ก็ไม่ขาดแคลน ตอบโจทย์การใช้งานตามปกติ และไม่มีใครเหนือกว่าใคร ระบบที่ควรมีมาให้ถือว่าครบครัน ทั้งควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว กล้องมองหลัง ระบบเบรก ABS และ EBD แต่น่าเสียดายที่ถุงลมนิรภัยน่าจะมีมาให้มากกว่านี้
ราคาจำหน่าย
Mitsubishi Xpander รุ่น 1.5 GLS-Ltd A/T ราคา 789,000 บาท
Mitsubishi Xpander รุ่น 1.5 GT A/T ราคา 859,000 บาท
Suzuki Ertiga รุ่น GL ราคา 659,000 บาท
Suzuki Ertiga รุ่น GX ราคา 725,000 บาท
สรุป
เมื่อเห็นราคาจำหน่าย หลายคนที่มีงบประมาณไม่เกิน 7 แสนหรือกัดฟันเพิ่มมากกว่านั้นได้นิดหน่อยก็อาจตัดสินใจได้ทันทีในการคบหากับ Ertiga เนื่องจากอ็อปชั่นต่าง ๆ ใกล้เคียงกับ Xpander
อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่ารูปลักษณ์ของ Xpander นั้นโดดเด่นมากกว่า ขณะที่ภายในห้องโดยสารที่กว้างขวางก็ถือเป็นจุดเด่นที่เหนือกว่า Ertiga โดยเบาะนั่งแถวที่ 3 ของ Xpander ถึงจะไม่รองรับผู้โดยสารตัวสูงใหญ่แต่ก็ยังกว้างกว่าและนั่งสบายกว่า Ertiga
เมื่อเทียบกันแล้ว Ertiga ดูจะได้เปรียบอยู่เล็กน้อยในแง่ของความคุ้มค่า ถูกใจลูกค้าที่มองหารถอเนกประสงค์เอ็มพีวีด้วยงบประมาณไม่มากนัก และถ้าคนที่มีงบประมาณสูงหน่อยก็อาจเมิน Xpander แล้วไปจบที่ยักษ์เจ้าตลาดอย่าง Toyota Sienta แทน