การต่อภาษีรถยนต์ประจำปี กลายเป็นวิถีชีวิตปัจจุบันที่เจ้าของรถทุกคันจะต้องพบเจอกับรายปี ยกเว้นแต่รถที่ยังติดอยู่ในผู้ให้บริการด้านการเงินต่าง ๆ ที่เราทำหน้าที่แค่โอนเงินไปให้ทางไฟแนนซ์ต่าง ๆ จัดการ แต่พอรถผ่อนชำระเรียบร้อย ก็จะกลับมาเป็นงานประจำปีของผู้ใช้รถกันอยู่ดี
เดิมทีการจ่ายภาษีประจำปีนั้นเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมาก เพราะเจ้าของรถจะต้องเตรียมเอกสารมากมาย ไหนจะรถอายุเยอะที่ต้องตรวจสภาพ รถยนต์ติดแก๊สที่ต้องขอใบรับรอง และไหนจะต้องเตรียมซื้อพรบ.ให้เรียบร้อย ซึ่งทุกอย่างนั้น สามารถจัดการได้แถว ๆ กรมการขนส่งทางบกทั้งหมด
ประชาชนทั้งหลายก็เลยแห่กันไปแถว ๆ กรมการขนส่งทางบกที่มีบริการที่ครบครัน ทั้งผู้ให้บริการจำหน่ายพรบ. ศูนย์ตรวจสอบคุณภาพรถยนต์เอกชน แถมในยามรุ่งเรือง มีแม้กระทั่งผู้ที่รับหน้าที่จัดการต่อภาษีให้เสร็จสรรพ เรียกว่ากำเงินไปอย่างเดียว มีผู้ให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ
แต่เมื่อสังคมมันเปลี่ยนแปลงไป มีการนำระบบออนไลน์ต่าง ๆ มาใช้งานมากมาย กรมการขนส่งทางบกเองก็มีปรับรูปแบบการให้บริการมาเรื่อย ๆ จากเดิมต้องไปเคาเตอน์ก็มาเป็นตู้ชำระแบบไม่ต้องลงจากรถ หรือที่เรียกว่า เลื่อนล้อต่อภาษี และการให้บริการตามห้างสรรพสินค้าต่าง ๆ
แต่เมื่อเกิดการแพร่ระบาดของโคโรน่าไวรัส นโยบายการชำระภาษีรูปแบบต่าง ๆ ก็เกิดขึ้นมาเพื่อให้เหมาะสมกับชีวิตปกติใหม่ เราจึงขอรวบรวมมาให้เห็นอีกรอบ ว่ามีที่ไหนกันบ้าง ที่เจ้าของรถจะสามารถชำระภาษีกันได้อย่างราบรื่น เพื่อที่จะสามารถเลือกใช้งานกันได้อย่างเหมาะสม
ถ้าสะดวกก็ชำระแบบดั้งเดิมได้
การชำระภาษีรูปแบบเดิมที่ใช้กันมาอย่างยาวนานก็ยังเปิดให้บริการอย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นการบริการรับชำระภาษีรถประจำปี ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 ที่เปิดให้บริการ 0800 น. - 16.00 น. ทุกวันยกเว้นวันเสาร์-อาทิตย์และวันหยุดราชการ ซึ่งมีผู้ใช้บริการมากที่สุด
ขณะเดีนวกัน ผู้ใช้บริการที่ขี้เกียจหาที่จอดรถและมีเอกสารพร้อม ก็สามารถเลือกใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) ได้ในเวลาเดียวกัน รวมไปถึงผู้ที่สะดวกก็สามารถเดินทางไปใช้บริการที่ศูนย์บริการร่วมคมนาคมเชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน ก็ทำได้เช่นเดียกัน
นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการชำระภาษีรถประจำปีที่ห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์-อาทิตย์ ตามโครงการช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru for Tax) รวมถึงเครือข่ายต่าง ๆ เช่น เคาเตอร์เซอร์วิส, ที่ทำการไปรษณีย์ และที่ธนาคารอื่น ๆ ที่เปิดให้บริการตามเวลาที่มีการกำหนดเอาไว้แต่ละแห่ง
ปรับพฤติกรรมจ่ายแบบไม่พบปะเจ้าหน้าที่
นอกเหนือไปจากการชำระแบบดั้งเดิม ผู้ใช้บริการยุคใหม่ที่ใช้รถยนต์ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 7 ปี และรถจักรยานยนต์ที่มีอายุการใช้งานไม่เกิน 5 ปี สามารถดำเนินการผ่านมาตรการชำระภาษีแบบออนไลน์มากมายหลายรูปแบบ ที่เป็นที่นิยมก็คือช่องทางเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/
รวมไปถึงการให้บริการชำระภาษีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax ซึ่งเป็นช่องทางบริการรูปแบบใหม่เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 นอกจากนี้ ก็มีบริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) รวมไปถึงแอพพลิเคชั่น mPAY และ Truemoney Wallet
จันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก บอกว่าในปีงบประมาณ 2564 กรมฯ จะเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ผู้เสียภาษีรถประจำปี สำหรับรถยนต์และรถจักรยานยนต์กลุ่มเหล่านี้ ให้บริการชำระภาษีผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของเชื้อโรค
"การต่อภาษีรูปแบบใหม่ จะช่วยลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) และยกระดับมาตรฐานการให้บริการรองรับการดำเนินชีวิตยุควิถีชีวิตใหม่ (New Normal) ของประชาชน มีขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเดินทางมาที่สำนักงานขนส่ง"
โดยเมื่อชำระภาษีรถประจำปีเรียบร้อยแล้ว สามารถรอรับเครื่องหมายการเสียภาษีและใบเสร็จรับเงินทางไปรษณีย์ ภายใน 5 วันทำการ โดยผู้ที่ชำระภาษีรถผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax และเลือกจัดส่งเอกสารทางไปรษณีย์ ไม่ต้องเสียค่าจัดส่งทางไปรษณีย์ถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายน
เผยสถิติการจัดเก็บภาษีรอบปี
กรมการขนส่งทางบกได้เปิดเผยสถิติการจัดเก็บภาษีในปีงบประมาณ 2563 (เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2563) ซึ่งเปิดให้เจ้าของรถสามารถชำระภาษีได้ล่วงหน้า 90 วัน พบว่าสถิติการให้บริการชำระภาษีรถประจำปีในเขตกรุงเทพมหานคร มีผู้ใช้บริการจำนวนทั้งสิ้น 6,009,709 คัน
แบ่งออกเป็นการใช้บริการรับชำระภาษีรถประจำปี ณ สำนักงานขนส่งกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-5 มากที่สุด จำนวน 4,513,215 คัน รองลงมาคือการใช้บริการเลื่อนล้อต่อภาษี (Drive Thru for Tax) จำนวน 773,981 คันผ่านเว็บไซต์ https://eservice.dlt.go.th/ จำนวน 281,739 คัน
การชำระภาษีรถประจำปีที่ห้างสรรพสินค้าในวันเสาร์-อาทิตย์ ตามโครงการช้อปให้พอ แล้วต่อภาษี (Shop Thru for Tax) จำนวน 270,058 คัน การเข้าใช้บริการที่ศูนย์บริการร่วมคมนาคมเชิงสะพานสมเด็จพระเจ้าตากสิน จำนวน 40,597 คัน ซึ่งทั้งหมดเป็นช่องทางที่มีผู้ใช้บริการจำนวนมาก
ในส่วนของบริการชำระภาษีผ่านแอปพลิเคชัน DLT Vehicle Tax ซึ่งเป็นช่องทางบริการรูปแบบใหม่เริ่มให้บริการเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2563 มีผู้ใช้บริการจำนวน 936 คัน และบริการชำระภาษีรถประจำปีผ่านตู้รับชำระภาษีรถประจำปีอัตโนมัติ (Kiosk) มีผู้ใช้บริการจำนวน 975 คัน
นอกจากนี้ ยังมีบริการรับชำระภาษีรถประจำปีผ่านหน่วยงานเครือข่ายที่รับชำระค่าบริการ อาทิ เคาน์เตอร์เซอร์วิสมีผู้ใช้บริการจำนวน 111,520 คัน ที่ทำการไปรษณีย์ จำนวน 11,231 คัน ผ่านแอปพลิเคชัน mPAY และ Truemoney Wallet จำนวน 5,370 คัน และผ่านธนาคาร จำนวน 87 คัน
อย่าลืมเตรียมเอกสารก่อนชำระผ่านช่องทางต่าง ๆ
ไม่ว่าจะเลือกชำระค่าบริการผ่านช่องทางใดก็ตาม สิ่งที่ห้ามลืมก็คือการเตรียมเอกสารให้พร้อมสำหรับการชำระค่าบริการรายปี หากเป็นการไปชำระที่ช่องบริการก็อย่าลืมเตรียมเงินให้พร้อม หากทำแบบออนไลน์ ก็จัดบัตรเครดิตหรือบัญชีเพื่อตัดค่าบริการเอาไว้ให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการ
นอกจากนี้ อย่าลืมตรวจสอบว่าเราต้องใช้เอกสารที่เราจะต้องใช้งานกันทั้งหมด ที่จำเป็นต้องมีแน่ ๆ ก็คือเอกสารการชำระค่าพรบ.รถยนต์ประจำปี ที่ยังไม่หมดอายุในวันที่ทำการชำระภาษี หากเป็นรถเก่า ก็ตรวจสภาพให้เรียบร้อย รวมถึงรถติดก๊าซก็ต้องขอใบรับรองให้เรียบร้อยเช่นเดียวกัน
ที่สำคัญก็คือ อย่าลืมจ่ายภาษีรถยนต์กันให้เรียบร้อยนะ เพราะหากภาษีขาดนั้นอาจจะถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับปรับได้ มีโอกาสถูกปรับ 1,000-2,000 บาท และยังต้องเสียค่าปรับในการต่อภาษีอีกด้วย แถมถ้าลืมต่อเกิน 3 ปี ก็จะโดนยึดทะเบียนคืนไปอีกด้วย อย่าแกล้งลืมกันไปเสียล่ะ