ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่ผู้อ่านหลาย ๆ ท่าน เริ่มเห็นแล้วว่า น้ำมันเบนซินในประเทศไทยกำลังแพงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน และไม่มีทีท่าว่าจะลง
กลับกัน น้ำมันดีเซลจะมีการปรับลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 3 บาทจึงอาจจะทำให้ถูกลงกว่านี้
ทำให้หลายคนอาจเริ่มหันมาสนใจการซื้อรถที่ใช้เครื่องดีเซล หรือรถกระบะมากขึ้น เราจึงจะพาไปดูกันว่ากระบะที่ขายอยู่ในไทยรุ่นไหนจะประหยัดสุด อิงจาก Eco Sticker และเราจะเลือกมาแต่รุ่นเครื่องเล็กแบบ 4 ประตู เท่านั้น เพื่อความประหยัดสูงสุด และความสะดวกในการใช้งาน
1. Isuzu D-Max
ขวัญใจชาวไทยยอดขายอันดับ 1 Isuzu D-Max (อีซูซุ ดีแมกซ์) ขึ้นชื่อเรื่องราคาที่เข้าถึงได้ตั้งแต่ 852,000-1,157,000 บาท การซ่อมบำรุงง่าย ทนทาน และประหยัดน้ำมัน
ในเครื่อง 1.9 ลิตร DDi เทอร์โบ กำลัง 150 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตันเมตร เลือกได้ระหว่างเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 16.1 กิโลเมตร/ลิตร ได้เป็นกระบะที่ประหยัดที่สุดไป ซึ่งเราจะขอรวม Mazda BT-50 (มาสด้า บีที-50) ไว้ด้วย เพราะมีอัตราสิ้นเปลืองเท่ากัน
2. Toyota Hilux Revo
อีกหนึ่งกระบะสุดทน Toyota Hilux Revo (โตโยต้า ไฮลักซ์ รีโว่) ด้วยสมรรถนะและชื่อเสียงของแบรนด์ ทำให้ Hilux ติดตลาดอยู่เรื่อยมา แต่ก็ตามมาด้วยราคาที่ค่อนข้างแพงที่ 949,000-1,239,000 บาท
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4 สูบเรียง ขนาด 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 15.2 กิโลเมตร/ลิตร
3. Mitsubishi Triton
หากใครไม่อยากใช้ Mitsubishi Triton (มิตซูบิชิ ไตรตัน) แบบธรรมดา ก็สามารถขยับไปหารุ่น Athlete ที่แต่งหน้าทาปากด้วยชุดแต่งสีดำได้อย่างลงตัวเช่นกัย มีราคาให้เลือกตั้งแต่ 539,000-1,156,000 บาท
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.4 ลิตร กำลังสูงสุด 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตัน-เมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 13.5 กิโลเมตร/ลิตร (รุ่น Athlete ก็เท่ากัน)
4. Ford Ranger
อันที่จริง Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) ก็กำลังจะปรับโฉมกันเร็ว ๆ นี้ แต่หากใครรอไม่ไหว ก็ยังมีรุ่นเก่าให้เลือกได้อยู่
หากอยากจะประหยัดเงิน ก็สามารถเลือกเป็นเครื่อง 2.2 ลิตรไม่มีเทอร์โบ กำลัง 160 แรงม้า แรงบิด 385 นิวตันเมตร
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 13.3 กิโลเมตร/ลิตร
แต่หากใครอยากเพิ่มเงินเล็กน้อย แต่ไม่ถึงตัวท็อป ก็สามารถมองเป็นรุ่นเครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบเดี่ยว กำลัง 180 แรงม้า แรงบิด 420 นิวตันเมตรที่จะประหยัดกว่า
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 14.1 กิโลเมตร/ลิตร
5. Nissan Navara
Nissan Navara (นิสสัน นาวาร่า) หากเป็นรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อจะมีอัตราประหยัดน้ำมันกว่ารุ่นขับเคลื่อนสี่ล้ออย่างเห็นได้ชัด หรือใครอยากได้ชุดแต่งด้วย จะซื้อ PRO-2X ไปเลยก็ได้
เครื่องเทอร์โบคู่พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลัง 190 แรงม้า และแรงบิด 450 นิวตันเมตร
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 13.3 กิโลเมตร/ลิตร
6. MG Extender
ถือว่า MG Extender (เอ็มจี เอกซ์เทนเดอร์) เป็นรถกระบะที่มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันมากที่สุด อิงจาก ECO Sticker แต่ก็มีข้อดีที่ราคาถูก ลูกเล่นเยอะ ระหว่าง 559,000-1,039,000 บาท
เครื่องยนต์ดีเซลความจุ 2.0 ลิตร เทอร์โบ พละกำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ประกบด้วยเกียร์อัตโนมัติหรือธรรมดา 6 สปีด
อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมัน 12.7 กิโลเมตร/ลิตร
ไม่อยากขับกระบะ ก็หันหา Mazda 2
หากคุณเป็นคนที่ไม่อยากขับรถกระบะขนาดใหญ่ หรือไม่มีความจำเป็น เพราะนั่ง 1-2 คน ขนของไม่เยอะ Mazda 2 (มาสด้า 2) ดีเซลคือคำตอบที่ดี เพราะเขาก็ไม่มีคู่แข่งคนอื่นแล้ว
เครื่องดีเซลเป็น 1.5 ลิตร 105 แรงม้าและแรงบิด 250 นิวตันเมตร
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน 25.6 กม./ลิตร ยกให้เป็นหนึ่งในรถที่ประหยัดที่สุดไปเลย
แล้วแต่คนขับ
อัตราการกินน้ำมันแล้ว จริง ๆ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรถเพียงอย่างเดียว หากคุณเป็นคนที่ขับรถเร็วก็ยิ่งจะทำให้เครื่องทำงานหนักขึ้น แม้จะขับ Eco Car แต่เหยียบมิดตลอดทางยังไงก็มี 10-11 กิโลเมตร/ลิตรให้เห็นอยู่ดี