เอ็มจี บริษัทรถยนต์ลูกครึ่งอังกฤษ-จีน นำเสนอ 2019 เอ็มจี เอชเอส (2019 MG HS) รถอเนกประสงค์เอสยูวีออกทำตลาดประเทศไทยทั้งหมด 3 รุ่นย่อย ได้แก่ MG HS Turbo รุ่น C ราคา 919,000 บาท MG HS Turbo รุ่น D ราคา 1,019,000 บาทและ MG HS Turbo รุ่น X ราคา 1,119,000 บาท จัดเต็มฟังก์ชั่นการใช้งานและระบบความปลอดภัย ADVANCED SYNCHRONIZED PROTECTION SYSTEMS ทั้งหมด 25 ระบบ
2019 เอ็มจี เอชเอส เป็นรถยนต์อเนกประสงค์เอสยูวีขนาดคอมแพ็กต์ ทำตลาดประเทศไทยในกลุ่มซีเซกเมนท์ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนกันยายน 2562 ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบ ขนาด 1.5 ลิตร 162 แรงม้า แรงบิด 250 นิวตันเมตร มีน้ำหนักตัวถังประมาณ 1,510 – 1,570 กก.
New MG HS กลายเป็นม้ามืดในตลาดรถเอสยูวีของไทยเมื่อสามารถทำยอดขายแซงค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นผงาดขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้อย่างต้องปรบมือให้ดัง ๆ คุณสมบัติใดที่ทำให้รถอเนกประสงค์รุ่นนี้ได้เสียงตอบรับจากลูกค้าอย่างล้นหลาม เราไปชมกันเลย
มิติตัวถัง
2019 MG HS |
ความยาว |
4,574 มม. |
ความกว้าง |
1,876 มม. |
ความสูง |
1,664 มม. |
ระยะฐานล้อ |
2,720 มม. |
ระยะต่ำสุดจากพื้น |
145 มม. |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด |
4.9 เมตร |
ความจุถังน้ำมัน |
55 ลิตร |
ไฮไลท์
หากไม่นับรวม Chevrolet Captiva ที่ลดราคากระหน่ำส่งท้ายก่อนอำลาตลาดประเทศไทย MG HS สามารถทะยานขึ้นเป็นผู้นำตลาดรถเอสยูวีกลุ่มคอมแพ็กต์ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ด้วยการทำตัวเลขยอดขายได้ที่ 2,564 คัน แซงหน้า Honda CR-V ที่ทำได้ 1,978 คัน และอันดับ 3 เป็นของ Mazda CX-5 ทำได้ที่ 851 คัน
การออกแบบภายนอก
รูปร่างหน้าตาของ MG HS ได้รับการออกแบบที่เน้นความทันสมัยและแฝงด้วยความหวือหวาอย่างลงตัว ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ LED มีระบบปรับไฟหน้าขึ้น-ลง และระบบควบคุมการเปิด-ปิดอัตโนมัติ เดย์ไลท์ กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว ปรับและพับไฟฟ้า ไฟเลี้ยวหน้าและหลังแบบซีเควนเชียล ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่สามแบบ LED
ล้ออัลลอยมีขนาด 18 นิ้วในรุ่นท็อป หุ้มด้วยยาง 235 / 50 R18 บนหลังคามีซันรูฟแบบพาโนรามา ติดตั้งสปอยเลอร์หลัง ราวหลังคา และฝากระโปรงท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า สีตัวถังมีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีแดง Scarlet Red สีขาว Arctic White สีดำ Black Knight และสีเงิน Silver Metallic
เมื่อมองในภาพรวม HS เพียบพร้อมฟังก์ชั่นที่ทันสมัยและมีสุนทรียภาพในแบบที่แทบจะไม่มีจุดที่ติติงได้เลย
การออกแบบภายใน
การตกแต่งภายในใช้สีดำในรุ่นเริ่มต้นและรุ่นกลาง ส่วนรุ่นท็อปตกแต่งด้วยสีแดง-ดำ มีไฟแอมเบียนท์สร้างบรรยากาศ แป้นเหยียบแบบสปอร์ต เบาะหุ้มหนังสังเคราะห์แบบสปอร์ต พวงมาลัยหุ้มหนังพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์แพดเดิลชิฟท์ มีปุ่มปรับโหมดการขับขี่พร้อมปุ่ม Super Sport พนักพิงเบาะนั่งด้านหลังพับได้แยกส่วน 60:40
ห้องโดยสารถือว่าโดดเด่นสะดุดตามากทีเดียวโดยเฉพาะการตกแต่งด้วยสีแดง-ดำ เสริมด้วยวัสดุเมทัลลิกที่ทำให้บรรยากาศภายในมีความทันสมัยและน่าจับต้องมากขึ้น พวงมาลัย 3 ก้านแบบขอบล่างตัดตรงให้อารมณ์สปอร์ต รับกันดีกับปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์สีแดงแรงฤทธิ์
อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบาย
- เบาะนั่งคนขับปรับไฟฟ้าแบบ 6 ทิศทาง
- เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้าปรับไฟฟ้าแบบ 4 ทิศทาง
- หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะขนาด 7 นิ้ว (Interactive Multi – Function Display)
- ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบ Dual Zone
- ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
- ระบบกรองอากาศ PM 2.5
- ระบบกุญแจรีโมทอัจฉริยะ (Smart key) พร้อม Push Start
- ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน
- ระบบ i – SMART ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะจาก MG
- แผงปิดสัมภาระด้านท้าย
ระบบความปลอดภัย
- ระบบโครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Spece Frame)
- ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB (Electronic Parking Brake)
- ระบบป้องกันการไหลของรถโดยไม่ต้องเหยียบเบรกค้าง AVH (Auto Vehicle Hold)
- ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD และเสริมแรงเบรก EBA
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้ง CBC (Curve Brake Control)
- ระบบควบคุมการเบรกในขณะเข้าโค้งด้วยความเร็ว XDS (Electronic Differential System)
- ระบบควบคุมการทรงตัว SCS (Stability Control System)
- ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี และควบคุมการลื่นไถล TCS (Traction Control System)
- ระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน HAS (Hill Start Assist System)
- ระบบควบคุมความเร็วรถขณะลงทางลาดชัน HDC (Hill Descent Control System)
- ระบบป้องกันการลื่นไถลเมื่อเกียร์ลดต่ำอย่างฉับพลัน MSR (Motor Control Slide Retainer)
- ระบบลดความเสี่ยงที่จะทำให้พลิกคว่ำ ARP (Anti Rolling Program)
- ระบบเปิด - ปิดไฟสูงอัตโนมัติ IHC (Intelligent High-Beam Control)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าขณะขับขี่ FCW (Forward Collision Warning)
- ระบบความคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ TJA (Traffic Jam Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน LDW (Lane Departure Warning)
- ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถออกนอกเลน LDP (Lane Departure Prevention)
- ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน LKA (Lane Keep Assist)
- ระบบช่วยเตือนเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน LCA (Lane Change Assist)
- ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา BSD (Blind Spot Detection)
- ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง RCTA (Rear Cross Traffic Alert)
- ระบบเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning)
- ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS (Tire Pressure Monitor System)
- ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง ได้แก่คู่หน้า ด้านข้าง และม่านถุงลมนิรภัย
- กล้องมองภาพรอบทิศทาง
ระบบความปลอดภัยถือว่าจัดหนักจัดเต็มอย่างมากเมื่อเทียบกับราคาค่าตัว และถือว่าเหนือกว่าคู่แข่งระดับเดียวกันอีกหลายรุ่น ครบครันทุกระบบที่มีความจำเป็นต่อการเดินทางสัญจรทั้งในเมืองและนอกเมือง เรียกว่าผู้ขับขี่และผู้โดยสารสามารถอุ่นใจได้ในทุกการเดินทาง
ระบบขับเคลื่อน
HS ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซิน GDI บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว Turbo TGI ขนาด 1.5 ลิตร 1,490 ซีซี พละกำลัง 162 แรงม้าที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิด 250 นิวตันเมตรที่ 1,700 - 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ Twin Clutch Sportronic Transmission (TST) แบบ 7 สปีด ขับเคลื่อน 2 ล้อ
ระบบบังคับเลี้ยวเป็นแบบแร็คแอนด์พิเนียน ควบคุมด้วยไฟฟ้า (EPS) รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.95 เมตร ระบบช่วงล่างหน้าเป็นแมคเฟอร์ลินสตรัท พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบช่วงล่างหลังอิสระ มัลติลิงก์ พร้อมเหล็กกันโคลง ระบบเบรกหน้าเป็นแบบดิสก์เบรกพร้อมช่องระบายความร้อน และระบบเบรกหลังเป็นดิสก์เบรก
สมรรถนะการขับขี่และความสะดวกสบาย
เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบตอบสนองได้ดีตามสไตล์ขุมพลังพ่วงระบบอัดอากาศ โดยเฉพาะเมื่อตัวรถลอยลำออกตัวไปแล้วจะสัมผัสได้ถึงแรงบูสต์ของเทอร์โบชาร์จที่มอบอัตราเร่งอันคล่องตัว เหลือเฟือสำหรับการเดินทางในเมืองที่ต้องเร่งและเบรกในระยะสั้น ๆ อยู่บ่อยครั้ง
ขณะที่การขับขี่ทางไกลก็มีพละกำลังมาให้ใช้พอตัว ถึงแม้จะไม่ได้ยืนอยู่แถวหน้าในเซกเมนท์นี้แต่ก็ไม่ได้รั้งบ๊วยแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม การทำงานของเกียร์ดูอัลคลัตช์บางครั้งออกอาการดีเลย์ คิดช้าทำช้าไปสักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่แต่อย่างใด
พวงมาลัยมีน้ำหนักพอเหมาะ ตอบสนองได้อย่างเป็นธรรมชาติ ส่วนช่วงล่างมีความแข็งแน่นสไตล์ MG ในขณะเดียวกันให้ความนุ่มนวลเพียงพอต่อการเดินทางไกลได้อย่างสะดวกสบาย ที่สำคัญคือมีการเซ็ทอัพที่เหมาะสมทำให้ยึดเกาะถนนได้ค่อนข้างดี
สิ่งหนึ่งที่เป็นข้อสังเกตก็คือเสียงรบกวนเมื่อขับขี่ด้วยความเร็ว เสียงลมและเสียงสะเทือนจากพื้นถนนอาจจะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่เสียงเครื่องยนต์ถือว่าดังพอสมควรโดยเฉพาะเมื่อกดคันเร่งคิกดาวน์เพื่อเร่งแซง
อัตราความประหยัดน้ำมัน
HS มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 12 – 13 กม.ต่อลิตร ถือว่ากินจุพอตัวเลยทีเดียว
สรุป
2019 MG HS ถือว่าเป็นหนึ่งในรถเอสยูวีที่มีคุณสมบัติครบถ้วน มีความคุ้มค่าน่าจับจองเป็นเจ้าของด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน และระบบความปลอดภัยที่อัดแน่นมาแบบไม่เกรงอกเกรงใจคู่แข่ง
แต่กระนั้น จุดอ่อนของรถเอสยูวีรุ่นนี้อยู่ที่สมรรถนะการขับขี่ที่ไม่ได้โดดเด่นมากนัก ส่วนอัตราบริโภคน้ำมันก็เกือบถึงขั้นมูมมามเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน
ด้วยการเคาะราคาจำหน่ายที่ย่อมเยากว่าคู่แข่งนับแสนบาท จึงไม่น่าแปลกใจที่ HS จะมีความน่าสนใจจนผู้บริโภคหลายคนเปิดใจยอมรับผลิตภัณฑ์จากแบรนด์รอง สิ่งที่ MG ต้องพัฒนาต่อไปคือบริการหลังการขายที่จะรักษาฐานลูกค้าให้มีความภักดีต่อไปในระยะยาว