รีวิว Wuling MINI EV ค่าตัว 3.69 แสนบาท เด่นที่คล่องตัว พอเพียงต่อการใช้งานในเมือง

จากรถยนต์ไฟฟ้าที่ถูกนำเข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการของโครงการที่เน้นการใช้งานรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีความคล่องตัวสูงต่อการใช้งานในเมือง สู่การเป็นรถยนต์ที่นำเข้ามาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในไทย

2020 Wuling MINI EV 2020 คือรถยนต์ไฟฟ้าแบบ 4 ที่นั่ง ที่มาพร้อมพวงมาลัยซ้าย นำเข้าแบบสำเร็จรูปจากประเทศจีน ที่มาพร้อมค่าตัวที่น่าสนใจ 3.69 แสนบาท ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดในประเทศจีนคันน่าสนใจยิ่งขึ้น

ไม่ว่าจะด้วยรูปลักษณ์ที่ต้องเรียกว่าถูกใจผู้บริโภคชาวไทยที่อยากได้รถยนต์หน้าตาน่ารักมาใช้งานสักคัน การเป็นรถยนต์ไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษที่เหมาะกับความต้องการของโลกในยุคใหม่ และความสะดวกในการใช้งานหลากหลายรูปแบบ

AutoFun Thailand มีโอกาสได้ทดลองขับรถยนต์รุ่นนี้สั้น ๆ เพื่อหาคำตอบว่ารถคันนี้มีดีอย่างไร และปัญหาต่าง ๆ ที่หลาย ๆ คนอาจจะสงสัย โดยเฉพาะในเรื่องของการเป็นรถยนต์พวงมาลัยซ้ายนั้น สามารถใช้งานได้อย่างคล่องตัวในไทยหรือไม่

คำตอบที่เราได้มาถือว่าน่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความคล่องตัวของรถก็ดี สมรรถนะที่เหมาะสมต่อการใช้งานในเมืองก็ดี หรือแม้แต่มาตรการดูแลผู้บริโภคที่ถือว่าน่าสนใจและน่าจะทำให้ลูกค้าทุกรายใช้รถได้อย่างสบายใจมากขึ้นเช่นเดียวกัน

บริษัท โนโมโน จำกัด ตั้งราคาจำหน่าย Wuling MINI EV ในประเทศไทยที่ 3.69 แสนบาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) เมื่อรวมแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 3.95 แสนบาท พร้อมให้การรับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 1.2 แสนกิโลเมตร พร้อมรับประกันซื้อคืนตามสภาพนานสุด 5 ปี โดยให้ราคาสูงสุด 9.6 หมื่นบาท

Highlights สำหรับ Wuling MINI EV

• ราคาจำหน่ายเพียง 3.69 แสนบาท (ไม่รวม VAT)
• ตัวถังกระทัดรัด รูปทรงน่ารัก
• มอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลัง 17 แรงม้า
• วิ่งได้ไกลสุด 170 กิโลเมตร
• ทำความเร็วสูงสุด 105 กม./ชม.

อะไรคือความโดดเด่นของ Wuling MINI EV

เอาจริง ๆ เรื่องแรกที่เชื่อว่าทุกคนน่าจะสะดุดตาที่สุดก็คือรูปทรงของรถที่มาพร้อมหลังคาสูง พื้นห้องโดยสารที่ค่อนข้างเตี้ย เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายรูปแบบ ทั้งการโดยสารและการบรรทุกสัมภาระที่รองรับการใช้งานที่หลากหลาย

ห้องโดยสารภายในออกแบบมาได้อย่างลงตัวในสไตล์มินิมอล แต่มาพร้อมฟังชั่นส์การใช้งานที่เรียกได้ว่าครบครัน แถมมีการจัดวางอุปกรณ์การใช้งานที่ง่ายดายและสะดวก พ่วงด้วยความสามารถในการปรับการใช้งานได้ตามความต้องการ

ขณะที่เครื่องยนต์ที่ใช้งานได้อย่างเหมาะสมสำหรับพื้นที่ในเมือง มีโหมดการขับขี่ที่หลากหลายให้เลือกใช้ได้ตามความต้องการ ซึ่งความเร็วสูงสุดที่รถทำได้นั้น ถือว่าเพียงพอต่อการใช้งานในเมือง ซึ่งถือเป็นตลาดหลักของรถไฟฟ้าแน่นอน

ภายนอกน่ารักสดใสสไตล์ Tallboy

การออกแบบรถยนต์ในสไตล์กล่องแบบน่ารัก ที่มาพร้อมความสามารถในการรองรับผู้โดยสารถึง 4 ตำแหน่ง พร้อมด้วยบานประตูขนาดใหญ่ 2 บาน ด้านท้ายของรถตัดตรง พร้อมด้วยบานประตูขนาดใหญ่เพื่อเปิดเข้าสู่ห้องเก็บสัมภาระของรถ

มาพร้อมขนาดตัวถังที่ให้ขีดความสามารถในการขับขี่บนท้องถนน ด้วยความกว้าง 1,493 มิลลิเมตร ยาว 2,917 มิลลิเมตร และสูง 1,621 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อ 1,940 มิลลิเมตร โดยที่ตัวรถนั้นมีน้ำหนักรวมเพียง 665 - 705 กิโลกรัมเท่านั้น

ถ้าเปิดบานประตูด้านท้ายแล้วพบว่าห้องเก็บสัมภาระดูเล็กไป ก็สามารถพับเบาะหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระได้ โดยเมื่อพับเบาะหลังลงแล้ว ที่เก็บสัมภาระตอนหลังจะมีขนาดเพิ่มเป็น 741 ลิตร ทำให้ใช้งานได้ตามความต้องการมากขึ้น

ภายนอกของตัวรถจะมาพร้อมการเล่นสีเปียโนแบล็กตัดกับสีของตัวรถที่ตำแหน่งกระจังหน้า กระจกมองข้าง (ที่ปรับด้วยมือ) เสาบี แถบด้านท้ายรถไปจรดแถบประตูท้าย ล้ออัลลอยขนาด 12 นิ้ว พร้อมเสาอากาศวิทยุแบบสั้นติดตั้งมาเรียบร้อย

ตำแหน่งของช่องชาร์จไฟจะติดตั้งที่ตรงกึ่งกลางกระจังหน้า โคมไฟนั้นถูกติดตั้งที่ตำแหน่งของมุมรถทั้งสี่ ติดตั้งเซนเซอร์ถอยหลังที่ด้านท้ายมาให้เรียบร้อย โดยสรุปแล้วเป็นรถที่น่ารักและมีอุปกรณ์ติดตั้งมาให้ครบครันพร้อมใช้งานได้ทันที

ห้องโดยสารมินิมอลที่ใช้งานง่าย

แม้จะเป็นรถยนต์นั่งขนาดเล็ก แต่ก็สามารถรองรับผู้โดยสารได้ 4 คน บานประตูขนาดใหญ่ทำให้การเข้าออกของผู้โดยสารทั้งตอนหน้าและตอนหลังทำได้อย่างง่ายดาย และมีการออกแบบอุปกรณ์ที่พร้อมสำหรับการใช้งานทุกตำแหน่ง

ผู้โดยสารตอนหลังสามารถเข้าออกได้ด้วยการพับเบาะคู่หน้าให้กระดกขึ้นมา เมื่อเข้าไปนั่งแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ารถแออัดเหมือนกับที่รู้สึกจากภายนอก มีเข็มขัดนิรภัยเพื่อความปลอดภัยมาให้เรียบร้อย ขาดไปแค่หมอนรองศีรษะเท่านั้นเองจริง ๆ

ขณะที่การออกแผงคอนโซลตอนหน้านั้นให้ความรู้สึกที่มินิมอล คือไม่ได้มีอะไรเยอะแยะจนรู้สึกเกะกะ แต่มีอุปกรณ์ที่ครบครันแบบที่ควรจะต้องมีในรถยนต์ยุคใหม่ แถมการจัดวางอุปกรณ์นั้นยังอยู่ในระยะการควบคุมของผู้ขับขี่ได้ทั้งหมด

หน้าจอแสดงผลทั้งหมดของรถอยู่ที่หน้าจอที่ติดตั้งอยู่หลังพวงมาลัย ใช้แสดงผลเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการขับขี่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการใช้งาน ปริมาณแบตเตอรี่ รวมไปถึงโหมดการขับขี่ที่เลือกใช้และระยะทางที่ยังสามารถใช้งานได้

วิทยุที่มาพร้อมยูเอสบี รองรับสถานีวิทยุของไทยเป็นที่เรียบร้อย ช่องแอร์ 4 ช่องให้ความเย็นได้ทั่วทั้งรถ กระจกคู่หน้าเป็นกระจกไฟฟ้าแล้ว เพิ่มความทันสมัยด้วยปุ่มเกียร์แบบวงกลม พร้อมการเล่นสีดำ-เทา-ส้มของห้องโดยสารที่สวยงามลงตัว

เครื่องยนต์ที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเมือง

Wuling MINI EV เป็นหนึ่งในรถยนต์ไฟฟ้าที่ได้รับการออกแบบมาสำหรับการใช้งานในเมืองเป็นหลัก พวกเขาเลือกใช้เครื่องยนต์ขนาดเล็กที่ให้สมรรถนะที่พอเหมาะพอสม มีระยะทางวิ่งเพียงพอ และสามารถชาร์จไฟกลับเข้าได้อย่างรวดเร็ว

เครื่องยนต์ไฟฟ้าของพวกเขาได้รับการพิสูจน์มาอย่างยาวนานในประเทศจีน ในฐานะรถยนต์ไฟฟ้าที่ขายดีที่สุดของประเทศ ทำให้สามารถไว้ใจได้เลยว่านอกเหนือจากสมรรถนะของรถแล้ว ยังมีความทนทานต่อการใช้งานได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

เครื่องยนต์ของ Wuling MINI EV มาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุด 17 แรงม้า พร้อมด้วยแบตเตอรี่ขนาด 13.9 กิโลวัตต์ชั่วโมง ซึ่งเพียงพอต่อการใช้งานระยะทาง 170 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟ 1 ครั้ง กินระยะเวลาประมาณ 9 ชั่วโมงจนเต็ม

โหมดการขับขี่มีมาให้เลือก 2 โหมด ประกอบไปด้วยโหมด ECO ที่กำหนดความเร็วสูงสุดเอาไว้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และโหมด SPORT ที่ให้ความเร็วสูงสุด 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพียงพอต่อการใช้งานบนท้องถนนของประเทศไทย

เกียร์แบบเดินหน้า 1 จังหวะ ไม่มีเกียร์ P มาให้ เวลาออกรถสามารถเลื่อนไปที่ D แล้วกดคันเร่งออกไปได้เลย และแน่นนอนว่าเมื่อต้องการจอดก็เข้า N เอาไว้ได้เลยเช่นกัน ซึ่งถือว่ามีความง่ายดาย , สะดวกและปลอดภัยต่อการใช้งานเหมือนกันนะนี่

พวงมาลัยซ้ายไม่ใช่ปัญหา อุปกรณ์มีมาให้พอใช้

หลาย ๆ คนอาจจะมีคำถามในใจว่า เมื่อรถเป็นพวงมาลัยซ้ายแล้ว มีปัญหาในเรื่องการใช้งานหรือไม่ เอาตรง ๆ ก็น่าจะต้องใช้เวลาในการปรับตัวพอสมควร เพราะความเคยชินของคนขับรถพวงมาลัยขวาก็อาจจะกะระยะรถกันอีกแบบหนึ่ง

แต่ด้วยขนาดของตัวรถที่ไม่ใหญ่มาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับช่องถนนของประเทศไทยที่ตีมากว้างพอสมควร การกะระยะของรถนั้นทำได้อย่างง่ายดาย และให้ความคล่องตัวเวลาใช้งานทั้งบนถนนและในทางแคบที่ต้องซอกซอนมากเป็นพิเศษ

แน่นอนว่าในบางประเด็นก็อาจจะเป็นปัญหา เช่น การเข้าด่านเก็บเงินทางด่วน ที่อาจจะต้องยื่นมือกันมากหน่อย แต่อย่างที่บอกว่าขนาดของรถนั้นไม่ได้กว้างมาก ยังอยู่ในวิสัยที่ใช้งานได้ดี หรือจะเปลี่ยนไปใช้อีซี่พาสเพื่อช่วยก็ใช้งานง่ายขึ้น

เวลาเราเปลี่ยนรถ เราก็ต้องปรับตัวอยู่แล้ว ถ้าคุณมาขับ Wuling MINI EV ก็อาจจะต้องปรับตัวสักพัก แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะรถก็มีอุปกรณ์ที่ช่วยอำนวยความสะดวกมาให้ ไม่ว่าจะเป็นเซนเซอร์ช่วยจอดด้านหลัง หรือกระจกไฟฟ้าติดตั้งมาให้

ตัวรถมาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรกแบบไฟฟ้า (EBD) ติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เพิ่มความปลอดภัยในการใช้งาน เรียกได้ว่ารถคันนี้เป็นรถไฟฟ้าขนาดเล็กที่คำนึงถึงการใช้งานของผู้บริโภคแบบรอบด้าน

รถยนต์ไฟฟ้าคืออนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์

Wuling MINI EV น่าจะทำให้หลายคนที่ลังเลกับตลาดรถยนต์ไฟฟ้า หันมาลองเปิดใจและคบหากับรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับการใช้งานในเมืองได้ง่ายขึ้น ด้วยค่าตัวระดับต่ำกว่า 4 แสนบาทเมื่อรวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ทำให้เข้าถึงได้ง่ายกว่าเดิม

สมรรถนะในการขับขี่ถือว่ายอมรับได้ ด้วยอัตราเร่งที่ไม่อืดอาด โหมดสปอร์ตที่ทำความเร็วได้ถึง 105 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้นเพียงพอต่อการขับในเมืองแน่นอน แถมการใช้งานที่ไม่ยาก ด้วยการใช้คันเร่งในการควบคุมความเร็วของรถเป็นหลัก

ช่วงล่างของรถนั้นเซตอัพมาค่อนข้างดี แม้จะเป็นรถที่มีน้ำหนักเบาก็ตาม แต่ให้ความนุ่มนวลพอสมควร ไม่ได้ออกอาการกระแทกตึงตังนัก แม้จะโดยสารกันเต็ม 4 ที่นั่งก็ตาม แถมในการทดลองขับขี่จริง ก็ให้ความมั่นใจได้อย่างไม่มีปัญหา

รถคันนี้น่าจะเป็นตัวอย่างว่าในกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับโลกอนาคต หากสามารถพัฒนาสินค้าให้มีความเหมาะสมกับการใช้งานและความต้องการของผู้บริโภค ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าก็มีความหลากหลายสำหรับกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างได้เช่นกัน

เอาเป็นว่า ใครที่อยากลองใช้งานยานยนต์แห่งโลกอนาคต ที่ให้สมรรถนะและการตอบสนองการขับขี่ที่ดี แม้จะต้องปรับตัวกับการใช้งานรถคันนี้สักหน่อย ก็สามารถไปทดลองขับกันได้ ถ้าตัดสินใจช้า อาจจะต้องรอนำเข้านานเหมือนกันนะ...