Great Wall Motor หรือ GWM (เกรท วอลล์ มอเตอร์) เดินเกมรุกไม่หยุดยั้งด้วยการเข้าเปิดตัวธุรกิจในประเทศบรูไนอย่างเป็นทางการ นับเป็นตลาดที่สองในอาเซียนต่อจากประเทศไทย
ภายในงานแถลงข่าวการเปิดตัวแบรนด์ Haval ที่ประเทศบรูไนนั้น GWM ได้ประกาศนำรถยนต์ 2 รุ่นออกจำหน่ายแบบพรีเซล ได้แก่ 2021 Haval H6 (2021 ฮาวาล เอช6) และ 2022 Haval Jolion (2022 ฮาวาล โจเลียน) ท่ามกลางสื่อมวลชนและพันธมิตรธุรกิจร่วมแสดงความยินดี
ย้อนกลับมาดูในประเทศไทย GWM กำลังทยอยส่งมอบรถเอสยูวี-ซีอย่าง H6 ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยมีกระแสตอบรับอุ่นหนาฝาคั่ง ขณะที่รถเอสยูวี-บีอย่าง Jolion นั้นได้รับการคาดหมายว่าจะเปิดตัวออกทำตลาดบ้านเราในอีกไม่ช้า
เผย Haval Jolion ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่
มร.เอลเลียต จาง ประธาน เกรท วอลล์ มอเตอร์ ภูมิภาคอาเซียนและประเทศไทย เผยถึงสาเหตุที่รุกตลาดบรูไนต่อจากไทยว่า ท่ามกลางสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อยอดขายในเกือบทุกอุตสาหกรรม บรูไนเป็นประเทศเดียวในอาเซียนที่มียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น
“โดยตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา (2563) บรูไนมียอดขายรถยนต์เพิ่มขึ้น 14.2% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2562 หลังจากทำตลาดในประเทศไทย เรามองว่าบรูไนเป็นอีกหนึ่งประเทศที่มีศักยภาพและความพร้อมในทุกด้าน การเปิดตัวของ GWM ในบรูไนจึงนับเป็นการเปิดประตูสู่เส้นทางใหม่ในตลาดอาเซียน” มร. จาง กล่าวเพิ่มเติม
แน่นอนว่าเกือบทุกสายตาของคอรถยนต์ในเมืองไทยพุ่งเป้าไปที่ Haval Jolion ซึ่งมาพร้อมแนวคิด “รถยนต์คันแรกของคนรุ่นใหม่” สื่อถึงจิตวิญญาณอันอิสระในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตนเอง
ถึงแม้จะถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มรถเอสยูวีซับคอมแพ็กต์ แต่ GWM ระบุว่า Jolion มีระยะฐานล้อยาวถึง 2,700 มิลลิเมตร และมีพื้นที่จัดเก็บเทียบเท่ากับรถเอสยูวีขนาดกลาง มีคุณสมบัติที่ตอบสนองการขับขี่ในหลากหลายสภาพถนน และสามารถลดการใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทคโนโลยีภายในรถยนต์ก็ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ อย่างฟังก์ชั่นจอดรถอัตโนมัติ 360 องศา (360° automatic parking function) ที่ช่วยเพิ่มขีดความปลอดภัยในการขับขี่ รวมถึงสัมผัสประสบการณ์การขับขี่ที่ “หรูหรา สะดวกสบาย และชาญฉลาด”
เปิดไฮไลท์สเปกทางเทคนิคของ Joilon สเปกบรูไน
เว็บไซต์ GWM Brunei เปิดเผยสเปกที่เป็นไฮไลท์ของ Jolion ไว้ครบครัน โดยออกจำหน่ายทั้งหมด 3 รุ่นย่อย คือ Plus, Pro และ Max หลายคนอาจเคยเห็นรูปลักษณ์ภายนอกของรถเอสยูวีรุ่นนี้มาบ้างแล้ว มาพร้อมเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Haval โดยเฉพาะกระจังหน้าทรงตะแกรงเงาวับที่ใช้อยู่ในรุ่น H6 เช่นกัน
ไฟหน้าของ Jolion เป็นแบบ LED พร้อมเดย์ไลท์ ไฟท้ายรูปทรงตัว C หลังคามีพาโนรามิกซันรูฟ และใช้ล้ออลูมิเนียมอัลลอยขนาดใหญ่ถึงใจ 18 นิ้วเลยทีเดียว (รุ่นรองใช้ขนาด 17 นิ้ว) สีตัวถังมีทั้งหมด 6 สี ได้แก่สีเขียว สีฟ้า สีขาว สีดำ สีแดง และสีเทา
ภายในห้องโดยสารมีทั้งการตกแต่งแบบโมโนโทนสีดำล้วนสำหรับคนที่ต้องการความเคร่งขรึม แต่คนที่ชอบสีสันก็สามารถเลือกแบบทูโทนที่มีทั้งสีดำสลับแดง สีดำสลับเทา และสีดำสลับน้ำตาลทอง ทำให้บรรยากาศภายในดูสว่างสดใสมากขึ้น
เบาะผู้ขับขี่เป็นแบบปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะหุ้มหนังด้วยรูปทรงบั๊กเก็ทซีทโอบกระชับลำตัว พื้นที่เบาะหลังกว้างขวางเหมาะสำหรับการพาสมาชิกครอบครัวเดินทางสู่ทุกจุดหมาย
มาตรวัดของ Jolion เป็นแบบจอดิจิทัลขนาด 7 นิ้ว มีระบบเฮดอัพดิสเพลย์แสดงผลขึ้นบนกระจกหน้า บนแดชบอร์ดมีจออินโฟเทนเมนท์ขนาด 12.3 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto หัวเกียร์อิเลคโทรนิคเป็นทรงกลม และมีฟังก์ชั่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย
ระบบความปลอดภัยถือว่าครบครันพอตัว มีระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลน กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา ระบบแจ้งเตือนการเปิดประตู ระบบครูสคอนโทรลแบบแปรผัน ระบบแจ้งเตือนเมื่อออกจากเลน ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ระบบแจ้งเตือนการจราจรตัดขวางด้านหลัง ขมวดรวมแล้วถือว่ามีระบบขับขี่อัตโนมัติระดับ 2
สำหรับโครงสร้างตัวถังทำด้วยเหล็กกล้าทนแรงดึงสูง 73% และมีถุงลมนิรภัยทั้งหมด 6 ตำแหน่ง ประกอบด้วยคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย
ขุมพลังขับเคลื่อนของ Jolion เป็นเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร พ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ มีพละกำลังสูงสุด 148 แรงม้า และมีแรงบิดสูงสุด 220 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติดูอัลคลัตช์แบบ 7 สปีด
ยังไม่มีการเปิดเผยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าจะย่อมเยากว่าคู่แข่งในระดับเดียวกันอันเป็นกลยุทธ์แบบเดียวกับที่ใช้ทำตลาด Haval H6