เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอินโดนีเซียเผยว่ากำลังหารือกับ Tesla (เทสล่า) เกี่ยวกับแผนการลงทุนสร้างรถพลังงานไฟฟ้าในประเทศ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางของอาเซียน
อาโยเดีย คาลาเก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงการลงทุนและการเดินเรือของอินโดนีเซียเปิดเผยกับสำนักข่าว Reuters ว่า Tesla ได้ติดต่อมายังรัฐบาลอินโดนีเซียเพื่อหารือเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการเกี่ยวกับการลงทุนในอนาคต
“การหารือกับ Tesla ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเท่านั้น และยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมได้ เราจะต้องพูดคุยหารือกันอีกในอนาคต” คาลาเก เผย
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนดังกล่าวระบุด้วยว่า Tesla มีความสนใจที่จะลงทุนในอินโดนีเซียเนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายที่เอื้อต่อการพัฒนาธุรกิจและผลิตรถพลังงานไฟฟ้า รวมถึงมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่พรั่งพร้อมสำหรับการเป็นฐานการผลิตรถอีวีในระยะยาว
ทำไมอินโดนีเซียถึงดึงดูดบริษัทรถพลังงานไฟฟ้า
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียเพิ่งลงนามข้อตกลงอนุญาตให้บริษัท LC Chem จากเกาหลีใต้และบริษัท Contemporary Amperex Technology Ltd (CATL) จากจีน ก่อตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมในประเทศด้วยมูลค่าการลงทุนมหาศาล
คำถามคือทำไมอินโดนีเซียสามารถดึงดูดเม็ดเงินลงทุนพัฒนารถอีวีได้มากมาย คำตอบก็คือ รัฐบาลแดนอิเหนามีนโยบายผลักดันโครงการรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มที่ มุ่งเพิ่มความสะดวกง่ายดายให้ทั้งเจ้าของธุรกิจที่ต้องการลงทุนในประเทศ หรือผู้บริโภคที่ต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าสักคัน
หนึ่งในวิธีการที่ช่วยให้ผู้บริโภคซื้อรถได้ง่ายขึ้นก็คือการปรับมาตรการและเงื่อนไขการพิจารณาด้านสินเชื่อรถพลังงานไฟฟ้า เพื่อให้เป็นเจ้าของได้ง่ายกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปภายใน ขณะที่องค์กรธุรกิจก็สามารถขอรับสินเชื่อที่เอื้อต่อการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นชิ้นส่วนของตัวรถหรือการสร้างสถานีชาร์จไฟฟ้า
ขณะเดียวกัน อินโดนีเซียยังได้ชื่อว่าเป็น “ยักษ์ใหญ่นิกเกิล” เพราะมีจำนวนแร่ธาตุดังกล่าวมากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก นิกเกิลเป็นส่วนประกอบสำคัญต่อการผลิตแบตเตอรี่ นอกจากนี้ อินโดนีเซียยังมีโคบอลต์และโลหะแมงกานีสจำนวนมากซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับการผลิตแบตเตอรี่เช่นกัน
บริษัทวิจัย BloombergNEF รายงานว่า ประเทศอินโดนีเซียมีความพร้อมมากที่สุดในอาเซียนในการผลิตรถพลังงานไฟฟ้า เมื่อผนวกกับค่าแรงงานที่ต่ำและค่าไฟฟ้าที่ถูก รวมถึงการสนับสนุนจากภาครัฐบาล ทำให้ต้นทุนการผลิตแบตเตอรี่ในอินโดนีเซียถูกกว่าจีนถึง 8%
ก่อนหน้านี้ Tesla ยังตกเป็นข่าวว่ากำลัง “เฟ้นหาบุคลากรที่มีความสามารถด้านงานขายและบริการหลังการขาย” ในประเทศสิงคโปร์ จึงมีความเป็นไปได้ด้วยว่าบริษัทรถพลังงานไฟฟ้าจากแคลิฟอร์เนียอาจตั้งสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ และมีฐานการผลิตในอินโดนีเซีย ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่คนไทยได้แต่มองตาปริบ ๆ ติดตามกันต่อไปในอนาคต
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });