ขณะที่ผู้นำของภาครัฐและเอกชนประชุมว่าด้วยเรื่องสภาพอากาศที่กลาสโกว์ ประเทศสกอตแลนด์ หัวเรือใหญ่ของ Toyota (โตโยต้า) กำลังทดลองขับขี่รถเชื้อเพลิงไฮโดรเจนที่เขาคิดว่าจะช่วยรักษาตำแหน่งงานนับล้านได้ในอนาคต
รถยนต์ Toyota Corolla Sport สีสันสดใสที่อากิโอะ โตโยดะ ขับขี่วนรอบสนามแข่งโอคายาม่าถูกดัดแปลงเครื่องยนต์ให้สามารถใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนได้ ซึ่งเป็นโซลูชั่นที่จะทำให้เครื่องยนต์สันดาปสามารถทำงานได้โดยปราศจากมลพิษ
“ศัตรูของเราคือคาร์บอน ไม่ใช่เครื่องยนต์สันดาป เราไม่ควรโฟกัสไปที่เทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง แต่เราควรพัฒนาเทคโนโลยีที่เรามีอยู่แล้ว” โตโยดะ กล่าว “การมุ่งสู่เป้าหมายคาร์บอนเป็นศูนย์ไม่สามารถทำได้ด้วยวิธีการเดียว แต่ควรจะเปิดกว้างหลากหลายวิธีการ”
การพัฒนาเครื่องยนต์รองรับเชื้อเพลิงไฮโดรเจนเกิดขึ้นท่ามกลางการเปลี่ยนผ่านของอุตสาหกรรมยานยนต์ หลายค่ายรถมุ่งสู่การสร้างรถยนต์ไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ 100% เพื่อรองรับกฎข้อบังคับด้านมลพิษที่เข้มงวดมากขึ้น
ถึงแม้สัดส่วนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าจะยังน้อยมาก แต่ยอดขายก็เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2020 ที่ผ่านมา ยอดขายรถอีวีทั่วโลกเพิ่มขึ้น 41%
Toyota ประกาศว่าจะจัดจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก 15 รุ่นภายในปี 2025 พร้อมเม็ดเงินลงทุน 1.3 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐเพื่อขยายการผลิตแบตเตอรี่ แต่แผนการของพวกเขาไม่ได้มีแค่นั้น
ไม่ได้มุ่งเน้นรถยนต์ไฟฟ้าอย่างเดียว
ผลจากการประชุมที่กลาสโกว์ ค่ายรถ 6 ราย อย่าง General Motors, Ford, Volvo, Daimler ร่วมลงนามข้อตกลงที่จะยกเลิกรถเครื่องยนต์สันดาปภายในปี 2040
แต่ Toyota ปฏิเสธที่จะร่วมลงนามในข้อตกลงดังกล่าว โดยอ้างว่าอุตสาหกรรมยานยนต์โลกยังไม่พร้อมที่จะเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ Volkswagen ก็ไม่ลงนามเช่นกัน
“เราไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า แต่เป็นบริษัทที่มีคาร์บอนเป็นศูนย์” ชิเงรุ ฮายาคาวะ รองประธาน Toyota ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว Reuters
นั่นทำให้ค่ายรถยักษ์ใหญ่จากญี่ปุ่นรายนี้หันไปหาเทคโนโลยีอื่น ๆ อย่างเครื่องยนต์ที่รองรับเชื้อเพลิงไฮโดรเจน ซึ่งพวกเขามองว่าจะทำให้การหยุดชะงักเพื่อเปลี่ยนแปลงหรือ disruption เกิดขึ้นอย่างไม่รุนแรงเกินไป และช่วยรักษาตำแหน่งงานได้มาก
สมาคมผู้ผลิตรถยนต์ของญี่ปุ่นคาดการณ์ว่า ปัจจุบันมีแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศมากถึง 5.5 ล้านคน
ถึงแม้ว่าบริษัทรถยนต์รายอื่น ๆ จะปันเงินลงทุนมาพัฒนาไฮโดรเจนด้วยเช่นกัน แต่ก็ไม่มีใครที่แสดงความมุ่งมั่นเท่ากับ Toyota
เทคโนโลยีที่ท้าทาย
หนึ่งในปัญหาสำคัญของการใช้เครื่องยนต์ก็คือไม่สามารถทำให้ปราศจากคาร์บอนอย่างสมบูรณ์แบบได้ และไม่อาจถูกจัดให้เป็นรถที่มีมลพิษเป็นศูนย์
ถึงแม้ผลพลอยได้ของการสันดาประหว่างไฮโดรเจนและออกซิเจนคือน้ำบริสุทธิ์ แต่ก็มีการเผาไหม้โลหะเครื่องยนต์ด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดมลพิษประมาณ 2% ของมลพิษที่เกิดจากเครื่องยนต์เบนซินทั่วไป ส่วนท่อไอเสียก็มีการปล่อยไนโตรเจนออกไซด์
หันมาดูที่รถยนต์ไฟฟ้า ถึงแม้การผลิตแบตเตอรี่จะมีการปล่อยมลพิษคาร์บอน แต่เมื่อรถอีวีถูกใช้งาน พวกมันจะไม่ปล่อยมลพิษไอเสียเลย
รถยนต์ไฮโดรเจนยังจำเป็นต้องมีถังเก็บเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ โดยจะเห็นได้จากรถต้นแบบพลังไฮโดรเจนของ Toyota ที่เก็บถังไว้ด้านท้ายจนเกือบบดบังทัศนวิสัยทั้งหมด ความกังวลด้านความปลอดภัยยังทำให้วิศวกรของ Toyota ต้องเติมเชื้อเพลิงห่างจากพิทเลน
อุปสรรคต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้การขยายเครือข่ายสถานีเชื้อเพลิงไฮโดรเจนในญี่ปุ่นล่าช้า แม้รัฐบาลแดนอาทิตย์อุทัยจะสนับสนุนเชื้อเพลิงดังกล่าวซึ่งเป็นกุญแจสำคัญสู่นโยบายการใช้เชื้อเพลิงหลากหลายรูปแบบในอนาคต
หากนับถึงปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีสถานีไฮโดรเจนเพียง 154 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น และถึงจะมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ การบ้านสำคัญของ Toyota คือการสร้างรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์รองรับไฮโดรเจนที่มีราคาจำหน่าย ระยะทางขับขี่ และค่าบำรุงรักษาที่สู้กับรถเครื่องยนต์สันดาปและรถยนต์ไฟฟ้าได้
หลังจากทดสอบรถ Toyota Corolla ที่ใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนแล้ว โตโยดะ ปฏิเสธที่จะยืนยันว่าจะจัดจำหน่ายรถพลังงานทางเลือกใหม่นี้เมื่อไหร่
เออิจิ เทราซากิ ผู้ใช้รถชาวญี่ปุ่นวัย 57 ปีให้ความเห็นไว้ว่า “เป็นเรื่องที่ดีที่จะมีทางเลือกหลากหลาย เพราะหากรถยนต์ทุกคันใช้พลังงานไฟฟ้าหมด อุตสาหกรรมยานยนต์ก็จะกระจุกอยู่ที่ประเทศจีนแห่งเดียว”