Ford (ฟอร์ด) เผยผู้คนทั่วโลกรู้สึก "ตกตะลึง" และประสบกับความ "ยากลำบาก" กับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 (โควิด-19) พบพฤติกรรม-ความคิดเปลี่ยนแปลงไปหลายด้าน
รายงาน Ford Trends Report 2021 เกี่ยวกับการรับมือกับแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 เกิดจากการสำรวจความคิดเห็นผู้คนผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด 13,005 คนใน 14 ประเทศทั่วโลก ได้แก่ออสเตรเลีย บราซิล แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อิตาลี เม็กซิโก ซาอุดิอารเบีย สเปน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา ระหว่างวันที่ 27 ตุลาคมถึง 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ผลการสำรวจพบว่า 69% ของผู้คนทั่วไปรู้สึก “ตื่นตะลึง” กับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นรอบโลกในปีนี้ โดยผู้คน 53% ยอมรับว่าการปรับตัวรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำได้ “ยากกว่าที่คิด” ที่เหลืออีก 47% ระบุว่าสามารถปรับตัวได้ “ง่ายกว่าที่คิด”
ผู้คนเจน Z หรืออายุต่ำกว่า 23 ปีจำนวน 63% เผยว่าการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นยากกว่าที่คิด ในทางกลับกัน กลุ่มเบบี้บูมเมอร์หรืออายุ 55 ปีขึ้นไปจำนวนเพียง 42% มองว่าการปรับตัวเป็นเรื่องยาก
ไวรัสทำความคิด-พฤติกรรมผู้คนเปลี่ยนไป
รายงาน Ford Trends Report ยังคาดการณ์ถึงพฤติกรรมผู้บริโภคทั่วโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะเป็นทิศทางที่ผู้กำหนดนโยบายภาครัฐและองค์กรธุรกิจเอกชนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ได้
63% ของคนวัยทำงานมองว่าในปี 2020 ที่กำลังจะผ่านพ้นไป พวกเขามีความเครียดมากกว่าในปีที่แล้ว และหวั่นเกรงว่าอาจจะเกิดปัญหาด้านสุขภาพจิตจนต้องเข้ารับการปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ
ขณะเดียวกัน 1 ใน 4 ของคนวัยทำงานระบุว่านิยมใช้รถยนต์ส่วนตัวเพื่อผ่อนคลายความเครียดไม่ว่าจะเป็นการขับรถคนเดียวที่จะช่วยเว้นระยะห่างกับผู้คน และ 17% ของคนวัยทำงานใช้รถยนต์เป็นสถานที่ทำงานส่วนตัวของตนเองนอกเหนือจากการทำงานในบ้าน
คนรุ่นใหม่เจน Z ส่วนใหญ่ (64%) รู้สึกว่าพวกเขามีความเหงามากกว่าเมื่อเทียบกับคนรุ่นเก่า (34%) ทำให้คนรุ่นใหม่บางส่วนตัดสินใจย้ายที่พักอาศัยไปใกล้กับครอบครัวและค้นหาเพื่อนใหม่ทั้งบนโลกออนไลน์และพบปะเจอหน้ากันจริง ๆ มากขึ้น
ช่องว่างของรายได้ถ่างกว้างมากขึ้น
หนึ่งประเด็นที่น่าสนใจในรายงานของ Ford ก็คือช่องว่างระหว่างรายได้ถูกถ่างกว้างมากขึ้น โดยการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ส่งผลกระทบต่อกลุ่มคนรายได้น้อย สตรี และชนกลุ่มน้อยมากที่สุด ขณะที่ 76% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่าแบรนด์ระดับโลกควรจะหันมาทำโครงการเพื่อสังคมมากขึ้นในช่วงวิกฤตเช่นนี้
รายงานของ Ford พบว่าผู้บริโภคส่วนใหญ่ทั่วโลกเริ่มคุ้นเคยกับการจับจ่ายซื้อสินค้าตามวิถีชีวิตใหม่หรือ New Normal โดยเฉพาะการซื้อของออนไลน์ โดย 41% ระบุว่าจะไม่กลับไปจับจ่ายซื้อสินค้าตามปกติเหมือนก่อนช่วงแพร่ระบาดอีก
การเดินทางขนส่งส่วนบุคคลขยายตัวอย่างน่าจับตามอง ตั้งแต่ยานพาหนะที่ทุกคนเข้าถึงได้อย่างจักรยานไปจนถึงรถยนต์มียอดขายเพิ่มขึ้นเนื่องจากผู้คนมองหาวิธีการสัญจรแบบสร้างระยะห่างจากสังคม
ผู้คน 67% มองว่ารถยนต์ขับขี่อัตโนมัติคือความหวังในอนาคต พ่อแม่ผู้ปกครอง 68% เผยว่าพวกเขายอมให้ลูกหลานนั่งในรถขับขี่อัตโนมัติมากกว่าโดยสารไปกับคนแปลกหน้าในระบบขนส่งมวลชนหรือระบบไรด์แชริ่งอย่าง Grab หรือ Uber
ปิดท้ายด้วยประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม การแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 อาจทำให้หลายคนมองว่าจะช่วยให้สภาพอากาศดีขึ้นเนื่องจากคนส่วนใหญ่ถูกล็อกดาวน์อยู่แต่ในที่พักอาศัย แต่แท้จริงแล้วมีการใช้พลาสติกมากขึ้น คนกลุ่มเจน Z จำนวน 46% มองว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่นี้ทำให้ผู้คนสร้างขยะมากขึ้น
สรุป
รายงานของ Ford ไม่เพียงเผยให้เห็นพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้คนทั่วโลก แต่ยังระบุถึงแนวโน้มที่การเปลี่ยนแปลงไปดังกล่าวจะอยู่อย่างถาวรเมื่อการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 คลี่คลาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางสัญจรส่วนบุคคลและการจับจ่ายใช้สอยแบบออนไลน์
อย่างไรก็ดี จนถึงปัจจุบันยังไม่มีวี่แววว่าการแพร่ระบาดจะสิ้นสุดลงในเวลาอันใกล้ พฤติกรรมผู้บริโภคอาจมีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติมอีกในอนาคต โดยเฉพาะการรัดเข็มขัดเพื่อรับมือกับวิกฤตเศรษฐกิจที่อาจถาโถมเข้ามาแบบ “เผาจริง” ในปี 2564 ที่กำลังจะมาถึงนี้