ตลาดเอ็มพีวีแบบ 11 ที่นั่งในประเทศไทยนั้น มีขนาดไม่ใหญ่โต เนื่องจากมีจำนวนผู้เล่นในประเทศไทยไม่มาก และผู้เล่นที่มีอยู่นั้น เอาจริง ๆ ก็ไม่ได้มีความดุเดือดในการทำตลาดเสียเท่าไร เรียกว่าขายไปเรื่อย ๆ แบบไม่หวือหวาก็คงไม่ผิด
ผู้นำตลาดนี้ก็คือเจ้าพ่อรถตู้ที่ผันมาเรียกตัวเองว่าเอ็มพีวี ที่ทำตลาด New 2019 Hyundai H-1 (2019 ฮุนได เอช-1) ซึ่งได้ทำการปรับโฉมเพิ่มของเล่นให้กับรถของพวกเขาไปใน 3 รุ่นย่อย โดยมาพร้อมราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1.329-1.729 ล้านบาท คงราคาเดิมมาตั้งแต่แรก
ขณะที่ผู้ท้าชิงแบบดาวรุ่งก็คือ New 2019 Kia Grand Carnival (2019 เกีย แกรนด์ คาร์นิวัล) ที่เดิมที่ทำตลาดในกลุ่มพรีเมียมราคาแพงเป็นหลัก แต่เมื่อมีรุ่นผลิตในเวียดนามเข้ามาท้าตีท้าต่อย ทำให้ราคารุ่นเริ่มต้นของพวกเขานั้นอยู่ที่ 1.397 ล้านบาทเท่านั้น เป็นทางเลือกใหม่สำหรับครอบครัวที่น่าสนใจ
แน่นอนว่าแม้ทั้ง 2 ค่ายนี้จะไม่อยากแข่งขันกันเอง แต่การที่ราคาจำหน่ายเริ่มต้นของตัวล่างสุดต่างเริ่มกันที่ระดับ 1.3 ล้านบาทนิด ๆ ด้วยกันทั้งคู่ ลูกค้าที่ต้องการรถกลุ่มนี้ก็คงอดไม่ได้ที่จะต้องนำมาเปรียบเทียบกัน แม้ว่าเอาจริง ๆ ตัวรถนั้นพัฒนามาแตกต่างกันอยู่เอาเรื่อง
เอาจริง ๆ แม้แต่คนเขียน ถ้ามาถามตอนนี้ก็ยังเกิดอาการลังเลเลย ว่าถ้าต้องเลือกสักคันจะต้องเอาคันไหนมาจอดไว้ที่บ้าน เอาเป็นว่าจะพาไปดูข้อมูลพื้นฐานของรถรุ่นเริ่มต้นจากค่ายเกาหลีทั้ง 2 ค่าย เพื่อเป็นพื้นฐานในการตัดสินใจก็แล้วกัน
หน้าตาคนละแบบ ชอบสไตล์ไหนก็ไปได้เลย
พื้นฐานในการพัฒนารถที่แตกต่างกันมาแต่แรก ทำให้บรรยากาศของรถมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน พูดชัด ๆ ก็คือ เกีย แกรนด์ คาร์นิวัลนั้น มีความเป็นเอ็มพีวีที่ใกล้เคงรถยนต์นั่งมากกว่า ขณะที่ฮุนได เอช-1 จะกระเดียดออกไปทางรถตู้โดยสาร ที่ดูแตกต่างกันตั้งแต่ต้น
หากมาดูมิติตัวถังก็จะพบว่าเกียนั้น มีความกว้างของรถที่มากกว่าเท่านั้น ขณะที่ฮุนไดนั้น มาพร้อมทั้งความสูงที่โดดเด่นต่างกัน 185 มิลลิเมตร ยาวกว่า มีระยะฐานล้อมากกว่า และมีระยะต่ำสุดจากพื้นรถที่สูงกว่าเช่นกัน การเข้าออกจากตัวรถก็จะสบายกว่าตามไปด้วย
การปรับเปลี่ยนทางหน้าตาของเอ-1 มาพร้อมล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วลายใหม่ กระจังหน้าสีดำ ไฟหน้ามัลติรีเฟลกเตอร์ ไฟตัดหมอก กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบแอลอีดี ที่ปรับและพับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมที่ปัดน้ำฝนด้านหลังและเสาอากาศแบบสั้น
แกรนด์ คาร์นิวัล มาด้วยรูปลักษณ์และตำแหน่งการนั่งแบบรถยนต์นั่ง รุ่นล่างสุดของพวกเขาแม้จะถูกแต่ไม่ได้ตัดอุปกรณ์ไปมาก ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ มาพร้อมระบบทำงานอัตโนมัติ ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟหรี่และไฟเบรกดวงที่สามแบบแอลอีดี และเสาอากาศแบบครีบฉลาม
ทีนี้ก็ต้องมาเลือกกันเอาเองล่ะว่าอยากได้รถ 11 ที่นั่งรูปแบบไหน ถ้าเอาไว้ให้ผู้สูงอายุนั่งเป็นหลัก เอช-วันก็อาจจะเหมาะสมกว่าด้วยความสูงของรถที่ทำให้เข้าออกได้ง่าย แต่ถ้าเป็นครอบครัวยุคใหม่ ก็อาจจะสนใจความทันสมัยที่ดูโฉบเฉี่ยวลงตัวกว่าของแกรนด์ คาร์นิวัล
ห้องโดยสารภายในที่แตกต่าง
แม้จะเป็นรถเอ็มพีวี 11 ที่นั่งเหมือนกัน แต่ภายในห้องโดยสารนั้นถือว่ามีความแตกต่างกันมาก และผู้ที่สนใจก็จำเป็นที่จะต้องเลือกว่าพวกเขาอยากได้รถคันไหนแบบไหนไปประจำการกันแน่ เพราะถ้าบอกว่าภายนอกแตกต่างแล้ว ภายในนี่ยิ่งแตกต่างกันเข้าไปใหญ่
เมื่อคุณก้าวเข้ามาในห้องโดยสารของ Kia Grand Carnival คุณจะได้บรรยากาศแบบรถยนต์นั่งคันใหญ่ เบาะที่นั่งแถว 4 นั้น สามารถพับเก็บได้แบบราบไปกับพื้นรถ เพื่อเพิ่มพื้นที่บรรทุกสินค้าหรือสัมภาระขนาดใหญ่ได้เต็มพิกัด และขอยืนยันว่ามันก็ไม่เหมาะที่จะเอาไว้นั่งโดยสารอยู่ดี
ขณะที่ถ้าเป็น Hyundai H-1 นั้น คุณก็ได้จะสัมผัสบรรยากาศแบบรถตู้โดยสารเต็มรูปแบบ เบาะที่นั่งแถวที่ 4 ที่มักถูกถอดออกไปนั้น พับได้ด้วยการปรับเบาะที่นั่งให้พับตั้งขึ้น แล้วลาตามรางเลื่อนไปไว้ด้านหลังสุด ทำให้เปลืองเนื้อที่บรรทุกสัมภาระอยู่
ห้องโดยสารของเกียมีอุปกรณ์มาให้แบบมินิมอล ของเล่นหายไปหลายรายการ แต่ก็ยังมีระบบปรับอากาศแบบธรรมดา หน้าจอระบบเครื่องเสียง 7 นิ้ว เชื่อมต่อแอปเปิล คาร์เพลย์และแอนดรอยด์ ออโต้ มาพร้อมยูเอสบี ชาร์จเจอร์ 2 ตำแหน่งและปลั๊กจ่ายไฟฟ้า 3 จุด เอาใจผู้โดยสารในรถ
ฮุนไดให้ระบบปรับอากาศแบบแมนวล มาพร้อมปุ่มควบคุมระบบปรับอากาศแยกสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง มาพร้อมช่องเสียบไฟ 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง เครื่องเสียงเป็นแบบวิทยุและซีดี พร้อมช่องเสียบยูเอสบี มีคอมพิวเตอร์แสดงข้อมูลการเดินทางมาให้ครบครัน
เครื่องยนต์ดีเซล ยูโร 4 สเปกต่างกันเล็กน้อย
ฮุนได เอช-วัน ทำตลาดในประเทศไทยมาร่วมทศวรรษ ด้วยเครื่องยนต์รุ่นเดิมอย่าง D4CB ดีเซลความจุ 2,497 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้าที่ 3,600 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 441 นิวตันเมตรที่ 2,000-2,500 รอบต่อนาที โดยเครื่องยนต์ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโรระดับ 4
การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติแบบเดินหน้า 5 จังหวะ พวงมาลัยหนักนิดหน่อยด้วยระบบไฮดรอลิก ช่วงล่างหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท หลังแบบ 5-ลิงค์ พร้อมคอยล์สปริง รองรับการบรรทุกขนาดหนักได้อย่างสบาย แม้ล้อที่ให้มาจะเล็กไปหน่อยก็ตาม
เกีย แกรนด์ คาร์นิวัล เลือกใช้เครื่องยนต์รุ่นมาตรฐานดีเซลความจุ 2,199 ซีซี. ที่ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดระดับ 441 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,750 รอบต่อนาที ซึ่งดูจากสเปกถือว่าไม่มีความแตกต่างอะไรมาก และผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 4 เหมือนกัน
แต่สิ่งที่แตกต่างกันและทำให้รถคันนี้ขับได้ดีกว่าอย่างมาก ก็คือการเลือกใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 8 จังหวะ ช่วงล่างแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริงที่ด้านหน้า และมัลติลิงค์พร้อมเหล็กกันโคลงที่ด้านหลัง ซึ่งเน้นไปที่ความนุ่มนวลของผู้โดยสาร บนล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว
แน่นอนว่าตัวรถทั้ง 2 คัน ถูกสร้างขึ้นมาสำหรับการเดินทางเป็นหลัก จึงไม่ได้เน้นเรื่องสมรรถนะระดับสูงของเครื่องยนต์ แต่เน้นความสะดวกสบายในการใช้งานเป็นหลัก เรื่องเครื่องยนต์ก็เลยอาจจะไม่ใช่ประเด็นหลักในการตัดสินใจซื้อรถกลุ่มนี้
รายละเอียดทางเทคนิค 2019 Hyundai H-1 Touring ปะทะ 2019 Kia Grand Carnival LX
|
Hyundai H-1 Tourning |
Kia Grand Carnival LX |
ราคาจำหน่าย (ล้านบาท) |
1.329 |
1.397 |
มิติตัวถังกว้าง (มิลลิเมตร) |
1,920 |
1,985 |
มิติตัวถังยาว (มิลลิเมตร) |
5,169 |
5,115 |
มิติตัวถังสูง (มิลลิเมตร) |
1,925 |
1,740 |
ระยะฐานล้อ (มิลลิเมตร) |
3,200 |
3,060 |
ระยะต่ำสุดจากพื้นรถ (มิลลิเมตร) |
190 |
171 |
เครื่องยนต์ |
D4CB |
R 2.2 CRDi VGT |
ปริมาตรกระบอกสูบ (ซีซี.) |
2,497 |
2,199 |
กำลังสูงสุด (แรงม้า/รอบต่อนาที) |
175/3,600 |
197/3,800 |
แรงบิดสูงสุด (นิวตันเมตร/รอบต่อนาที) |
441/2,000-2,250 |
441/1,750-2,750 |
ระบบส่งกำลัง |
เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ |
เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ |
ช่วงล่างด้านหน้า |
แมคเฟอร์สัน สตรัท |
แมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง |
ช่วงล่างด้านหลัง |
5-ลิงค์ พร้อมคอยล์สปริง |
มัลติลิงค์ พร้อมเหล็กกันโคลง |
ระบบเบรกหน้า |
ดิสก์เบรก |
ดิสก์เบรก พร้อมครีบระบายความร้อน |
ระบบเบรกหลัง |
ดิสก์เบรก |
ดิสก์เบรก |
รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด (เมตร) |
5.6 |
5.6 |
ล้ออัลลอย (นิ้ว) |
16 |
18 |
ความจุถังน้ำมัน (ลิตร) |
75 |
80 |
มาตรฐานไอเสีย |
ยูโร 4 |
ยูโร 4 |
อุปกรณ์ความปลอดภัยให้มาพอตัว
แม้จะมีการลดอุปกรณ์ลงไปหลายรายการ แต่รุ่นล่างสุดของเกีย แกรนด์ คาร์นิวัล ก็ยังมาพร้อมระบบช่วยเหลือและอุปกรณ์ความปลอดภัยที่ไว้ใจได้ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง พร้อมด้วยเข็มขัดนิรภัยสำหรับผู้โดยสารในแถวที่ 1-3 ของรถครบทุกตำแหน่ง
ระบบป้องกันล้อล็อกและระบบกระจายแรงเบรกแบบอีเลกทรอนิกส์ ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบเสริมแรงเบรก ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี พร้อมด้วยระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมกล้องส่องด้านหลังช่วยเหลือด้านการจอด
เอช-1 มาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ระบบป้องกันล้อล็อกเมื่อเบรก มาพร้อมระบบกระจายแรงเบรกแบบอีเลกทรอนิกส์และระบบช่วยเบรก ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการขับขี่ให้กับผู้ขับขี่ที่ต้องควบคุมรถขนาดใหญ่คันนี้
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า มาพร้อมระบบป้องกันการหนีบสำหรับกระจกไฟฟ้าสำหรับผู้ขับขี่ ถ้าจะบอกว่ารถรุ่นนี้ไม่ใช่สายอุปกรณ์หรือสายระบบก็ไม่แปลกอะไร เพราะทั้งหมดที่ให้มาก็มีเท่านี้จริง ๆ
การเป็นรถยนต์รุ่นล่างสุดนั้น แน่นอนว่าผู้ผลิตไม่สามารถใส่อุปกรณ์อะไรไปได้เยอะแยะ แต่หากคุณต้องการของเล่นที่เพิ่มขึ้นในเอช-วัน คุณสามารถจ่ายเพิ่มไปจนถึงรุ่นท็อปที่ 1.729 ล้านบาทได้ แต่หากคุณอยากได้ของเล่นในแกรนด์ คาร์นิวัล รุ่นถัดไปนั้นราคาจะดีดไป 1.919 ล้านบาทเลยนะ
อยากได้แบบไหนก็ต้องเลือกแล้วล่ะ
หากมองไปที่เรื่องของการพัฒนารถมาตั้งแต่ต้น New 2019 Hyundai H-1 Touring และ New 2019 Kia Grand Carnival LX ไม่น่าจะเป็นคู่แข่งโดยตรง แต่เมื่อคุณเข้าตลาดประเทศไทยด้วยราคาจำหน่ายที่ใกล้เคียงกันก็คงต้องโดนเอามาเปรียบเทียบแบบช่วยอะไรไม่ได้
คำถามคือถ้าคุณถือเงิน 1.3 ล้านบาทในมือและอยากเลือกหารถยนต์ที่พร้อมจะพาสมาชิกมากกว่า 5 คนในบ้านไปไหนมาไหน คุณควรจะเลือกคันไหน ก็ต้องกลับไปดูว่าคุณอยากได้รถแนวรถตู้ที่มาพร้อมความใหญ่โตในทุกมิติ หรือรถที่หน้าตาเหมือนรถยนต์นั่งแต่มีขนาดใหญ่ ใช้งานได้หลากหลาย
การขับขี่นั้นเกียอาจจะเหนือกว่านิดหน่อย แต่การใช้งานพื้นที่ในรถของฮุนไดนั้นก็โดดเด่นเกินกว่าจะมองข้าม ไม่เชื่อลองถามคนที่มีลูกเล็ก ๆ ที่ชอบวิ่งไปมาในรถได้ อันนี้เป็นเรื่องความเหมาะสมในการใช้งานของแต่ละคนจริง ๆ
ใครชอบแบบไหนก็เลือกคันนั้นได้ไปได้เลย