2020 Honda City เปิดตัวในประเทศไทยเป็นที่แรกในโลกเมื่อปลายปี 2019 และได้เสียงตอบรับอย่างท่วมท้นด้วยยอดขายที่นำโด่งในกลุ่มบีเซกเมนท์ตั้งแต่เปิดศักราชปี 2020 เป็นต้นมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า 2020 City ใหม่มาพร้อมคุณสมบัติที่ถือว่าโดนใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างพอดิบพอดี ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่ทันสมัยแฝงความสปอร์ตโฉบเฉี่ยว อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน และเครื่องยนต์เทอร์โบที่ทรงพลังพอตัว
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ทุกองค์ประกอบล้วนทำให้ 2020 City ประสบความสำเร็จ โดยมีราคาจำหน่ายที่น่าสนใจในระดับเริ่มต้น 5 แสนบาทปลายไปจนถึง 7 แสนบาท ดังนี้
รุ่นย่อย Honda City |
ราคา |
รุ่น 1.0 TURBO S CVT |
609,000 บาท |
รุ่น 1.0 TURBO V CVT |
609,000 บาท |
รุ่น 1.0 TURBO SV CVT |
665,000 บาท |
รุ่น 1.0 TURBO RS CVT |
739,000 บาท |
แต่ช้าก่อน ก่อนที่ท่านผู้อ่านจะออกไปจับจองเป็นเจ้าของ 2020 City เราขอนำจุดเด่น-จุดด้อยมาฝาก เพื่อประกอบการตัดสินใจ
1. รูปลักษณ์โดดเด่น
โดยเฉพาะรุ่นท็อป RS ที่มีชุดแต่งสไตล์สปอร์ต RS รอบคัน กระจังหน้าและกระจกมองข้างสีดำเงา กันชนหน้าสไตล์สปอร์ต ไฟหน้าดีไซน์ใหม่แบบ LED พร้อมไฟเดย์ไลท์และไฟตัดหมอกแบบ LED สปอยเลอร์หลังแบบดำเงา และล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว ชุดแต่งทั้งหมดทำให้ตัวรถดูสวยสะดุดตามากขึ้นอย่างชัดเจนเมื่อเทียบกับรุ่นรองลงมา
2. ห้องโดยสารสวยงามและฟังก์ชั่นครบ
ภายในห้องโดยสารเปี่ยมด้วยอารมณ์สปอร์ตเช่นกันในรุ่น RS ทั้งเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่เดินตะเข็บด้ายสีแดง พร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ มาตรวัดเรืองแสงสีแดง ระบบเครื่องเสียงวิทยุหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับแอปเปิล คาร์เพลย์ มีระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT สั่งการทำงานของรถยนต์ ล็อค – ปลดล็อค สตาร์ทรถยนต์ เปิดสัญญาณไฟ และแสดงพิกัดตัดรถ Find My Car นอกจากนี้ยังมีลำโพงถึง 8 ตำแหน่ง
3. เครื่องยนต์แรงเร้าใจ
ไฮไลท์สำคัญที่ไม่กล่าวถึงไม่ได้ก็คือเครื่องยนต์ 1.0 ลิตร DOHC VTEC TURBO 3 สูบ 12 วาล์ว พละกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาทีซึ่งมากที่สุดในคลาสเดียวกัน แรงบิดสูงสุด 173 นิวตัน-เมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที ขุมพลังรุ่นนี้ให้สมรรถนะการขับขี่เหนือกว่าเครื่องยนต์ City ขนาด 1.5 ลิตรรุ่นเดิม และมีแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร อัตราการประหยัดน้ำมันแบบจิบ ๆ ที่ 23.8 กิโลเมตร/ลิตร
แต่กระนั้น ไม่ใช่ว่า 2020 City ใหม่จะไม่มีจุดด้อยเลย เราขอหยิบยกมาฝากกันดังนี้
1. ราคาค่าตัวค่อนข้างสูง
ถ้าลูกค้าต้องการใช้งานอ็อปชั่นแบบจัดเต็มของ City ใหม่ก็จะต้องเลือกรุ่น RS เท่านั้น ซึ่งนั่นหมายถึงการมีค่าตัวถึง 739,000 บาท ถือว่าค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งในระดับเดียวกัน แม้คู่แข่งเหล่านั้นจะมีอ็อปชั่นไม่มากเท่า City ก็ตาม จึงไม่น่าแปลกใจที่สัดส่วนยอดขายสูงที่สุดของ City ใหม่คือรุ่นย่อย SV ซึ่งก็คือตัวรองท็อปนั่นเอง
2. ระบบความปลอดภัยค่อนข้างน้อย
City ใหม่ไม่มีแพ็คเกจ Honda Sensing แต่มีระบบความปลอดภัยพื้นฐานอย่างระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS และกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS ส่วนถุงลมนิรภัยมีจำนวน 6 ตำแหน่ง ได้แก่คู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย หากเทียบกับคู่แข่งแล้วถือว่า City ด้อยกว่าในด้านเซฟตี้
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });