เราจึงต้องไม่ละเลยถึงความสำคัญของรถทั้ง 4 รุ่น ตั้งแต่ Nissan Sunny (นิสสัน ซันนี่) Nissan Sentra (นิสสัน เซนทรา) Nissan Tiida (นิสสัน ทีด้า) และ Nissan Sylphy ที่เป็นคู่ต่อกรกับ Toyota Corolla (โตโยต้า โคโรล่า) มาตลอด 54 ปี
เนื่องจากรถ C-Segment ของ Nissan อยู่คู่คนไทย เป็น “เพื่อนที่แสนดี” มากว่า 50 ปี แม้สุดท้ายจะถูกลดบทบาทความสำคัญไปกับสิ่งใหม่ที่เข้ามาแทนอย่าง Nissan Kicks (นิสสัน คิกส์)
1966-1969 Datsun Sunny B10
Datsun Sunny (ดัทสัน ซันนี่) หลายท่านที่อายุอานามมากหน่อยอาจจะพอทราบว่าในอดีต Nissan นั้นขายรถในแบรนด์ชื่อ Datsun และสำหรับผู้ที่อ่านย้อนประวัติของ Toyota Corolla ก็น่าจะทันสังเกตแล้วว่า Datsun Sunny เปิดตัวออกมาในปี 1966 พร้อมกัน
เหตุเช่นนั้นเป็นเพราะทั้ง Datsun Sunny และ Toyota Corolla ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐบาลญี่ปุ่นในการสนับสนุนการสร้าง “รถยนต์แห่งชาติ” ซึ่งมีขนาดเล็ก แต่ไม่เล็กเกินไปจนไม่สามารถใช้งานนอกเมืองได้อย่าง Kei-Car 360 ซีซี
Datsun Sunny เปิดตัวออกมาก่อน Toyota Corolla และมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 988 ซีซี (เพื่อผลประโยชน์ทางภาษี) 4 สูบแถวเรียง เชื้อเพลิงเบนซิน สร้างพละกำลังสูงสุด 62 แรงม้า (Gross Horsepower วัดโดยไม่ใส่อุปกรณ์พ่วงข้างและใช้น้ำมัน High Octane) โดยมีตัวถังให้เลือก 5 แบบ ตั้งแต่ 2 ประตู 4 ประตู คูเป้ สเตชั่นวากอน ไปจนถึงเวอร์ชั่นกระบะ
Datsun Sunny รุ่นแรก ถูกวางจำหน่ายในประเทศอื่นด้วยชื่อ Datsun 1000 รวมถึงในประเทศไทยเอง ซึ่งในขณะนั้น บริษัทสยามกลการได้นำเข้าชุด Complete Knockdown Kit มาประกอบในประเทศไทยเป็นที่เรียบร้อย ตามหลัง Datsun Bluebird (ดัทสัน บลูเบิร์ด) ที่ถูกประกอบมาตั้งแต่ปี 1963
1970-1973 Datsun Sunny B110
หลังจากความสำเร็จในโครงการรถยนต์แห่งชาติ Datsun ได้ตัดสินใจอัพเกรด Sunny ให้เหนือกว่าคู่แข่ง Toyota Corolla ซึ่งชูจุดเด่นว่าใหญ่กว่า แรงกว่า Datsun Sunny B110 จึงขยายขนาดตัวในทุกด้าน
Datsun Sunny ติดตั้งเครื่องยนต์ขนาด 1.2 ลิตร และในภายหลัง 1.4 ลิตรเข้าไป พยายามให้เหนือกว่า Toyota Corolla ที่ตอนนั้นมีเครื่อง 1.6 ลิตรให้เลือกแล้ว? ตัวถังนั้นมีให้เลือก 6 แบบ ตั้งแต่แบบ 2/4 ประตูซีดาน แบบคูเป้ สเตชั่นวากอน 2 แบบ และแบบกระบะ
Datsun Sunny B110 หรือ Datsun 1200 ในตลาดโลก เป็นรถ Sunny รุ่นแรกที่มีวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกา และในประเทศไทยก็ได้รับความนิยมมากขึ้นไปตามลำดับ
Datsun Sunny B110 มีความสำคัญอยู่ที่การเป็น Sunny รุ่นแรกที่ได้นำไปใช้แข่งขันในรายการต่าง ๆ ทั้งทางเรียบและทางฝุ่นแรลลี่ ประสบความสำเร็จพอสมควร ต่อยอดความพยายามโชว์ความทนทานผ่านการแข่งขันรายการต่าง ๆ ทั่วโลก
1973-1977 Datsun Sunny B210
ในกลางปี 1973 Datsun เปิดตัว Sunny รุ่นที่ 3 ซึ่งคนไทยสูงวัยอาจจะรู้จักกันมากกว่าในชื่อของ Datsun 120Y แต่ชื่อ Sunny ก็ถูกเรียกใช้กันอยู่บ้าง โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบขวดโค้ก ย่อส่วนมาในรถขนาดเล็ก หรูหรา โอ่อ่ามากขึ้น แต่ไม่ว่าจะลงความพยายามไปมากเท่าไหร่ Datsun ก็คงไม่อาจคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นได้
ในปลายปี 1973 เป็นจังหวะที่โลกเกิดวิกฤตการณ์ขาดแคลนน้ำมันขึ้น ซึ่งทำให้รถที่ประหยัดน้ำมันนั้นได้รับความนิยมมากขึ้นในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน Datsun Sunny ซึ่งตลอดหลายปี เป็นรถที่ประหยัดน้ำมันมากที่สุดในสหรัฐอเมริกา จึงได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายในช่วงภาวะวิกฤติเช่นนี้
นอกเหนือจากนั้น ตลาดอื่น ๆ ก็ยังให้ความสนใจ Datsun Sunny 120Y เช่นในอังกฤษ ที่กลุ่มลูกค้าสนใจในความทนทานและเชื่อถือได้ของตัวรถ รวมไปถึงออสเตรเลีย และประเทศไทยเอง ก็ทำยอดขายได้ดีเป็นอันดับต้น ๆ
เครื่องยนต์นั้นมีให้เลือกตั้งแต่ขนาด 1.2 ลิตร ถึง 1.6 ลิตร 4 สูบ และตัวถังมีให้เลือก 6 แบบด้วยกัน ทั้งแบบซีดาน คูเป้ รถตู้ทึบ และแบบสเตชั่นวากอน แต่ตัวถังกระบะยังคงใช้ของรุ่น B110 อยู่ อีกทั้งถ้าหากนับกันจริง ๆ แล้ว Nissan Silvia (นิสสัน ซิลเวีย) รุ่นแรก ก็ใช้พื้นฐานของ Datsun Sunny อีกด้วย
1977-1981 Datsun Sunny B310
Datsun Sunny B310 เป็นรุ่นที่ 4 เปิดตัวในปี 1977 และน่าเสียดายที่ผู้คนจำรถรุ่นนี้กันไม่ได้มากนัก เนื่องจากอิทธิพลของ Toyota Corolla KE70 ที่แม้จะเปิดตัวช้ากว่า 2 ปี แต่หน้าตาสวยงามกว่า ทันสมัยกว่า
ถึงกระนั้น ในเรื่องของงานประกอบและความทนทาน ก็หารถอื่นใดมาทัดเทียมได้ยาก ตัวถังทรงเหลี่ยม ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.2 ถึง 1.6 ลิตร ตระกูล A-Series เหมือนกันรุ่นเดิมที่ผ่าน ๆ มา
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ผู้แทนจำหน่ายของ Datsun ในประเทศมาเลเซีย คือตันจง มอเตอร์ ผู้ซึ่งใช้โรงงานประกอบรถยนต์หลากหลายรุ่นที่ขายในไทย เช่น Subaru XV (ซูบารุ เอกซ์วี) แต่ธุรกิจหลักแล้วคือการขาย Nissan Datsun ครับ
1981-1996 Nissan Sunny B11
มาถึงส่วนสำคัญที่สุดแล้ว Datsun Sunny B11 รุ่นที่ 5 หรือที่คนชอบเรียกว่า Sunny FF เป็นรถที่เปลี่ยนแปลงหลายสิ่งมากเสียจนอาจจะเรียกได้ว่าพลิกโลก เนื่องจากเป็น Nissan Sunny รุ่นแรกที่เปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และถ้าท่านสังเกตมากพอ ท่านก็อาจจะเห็นว่าผู้เขียนเปลี่ยนชื่อ Datsun Sunny นี้มาเป็นรอบที่ 3 แล้ว ถูกต้องครับ มันคือ Nissan รุ่นแรกที่วางจำหน่ายในประเทศไทยในปี 1982 ซึ่งก็ไม่ตรงกับตลาดโลกเช่นกัน
Nissan Sunny B11 ในประเทศไทยเริ่มจำหน่ายในปี 1982 โดยมีตัวเลือกเครื่องยนต์เบนซินแบบใหม่หมด เป็นตระกูล E-Series ขนาด 1.3 และ 1.5 ลิตร ในขณะที่ตลาดโลกมีตัวเลือก 1.0 ลิตร 1.6 ลิตร รุ่น 1.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จเจอร์ และดีเซล 1.7 ลิตร เพิ่มเติมเข้ามาด้วย ตัวถังในไทยนั้นมีให้เลือก 2 แบบ คือ 4 ประตู และ 2 ประตูคูเป้
หลายท่านอาจจะสงสัยว่า ทำไมรถยนต์ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1981 นี้ มันยังพบเห็นตามท้องถนนได้บ่อยนัก? คำตอบก็คือ ในประเทศไทย รถยนต์ Nissan Sunny B11 ถูกวางจำหน่ายจนถึงปี 1996 กันเลยทีเดียว ทั้งที่ตลาดโลกเลิกวางจำหน่ายไปตั้งแต่ปี 1985 เป็นการเปิดตำนานแซยิดครั้งแรกของ Nissan สร้างชื่อรับชื่อใหม่กันเลยทีเดียว
แต่แม้ Nissan Sunny จะลากขายกันนาน ไม่ได้แปลว่า Nissan จะไม่มีรถคอมแพคซีดานรุ่นใหม่มาวางจำหน่ายในไทยครับ...
1985-1990 Nissan Sentra B12
Nissan Sentra เป็นชื่อใหม่ที่ใช้ในสหรัฐอเมริกาตั้งแต่รุ่น B11 แต่ในประเทศไทยถูกเริ่มต้นใช้ในปี 1985 กับ Nissan Sentra B12 ไม่ใช่ชื่อเดิม เพราะ Nissan Sunny B11 ก็ยังคงวางจำหน่ายกันอยู่ แล้วยังขายดีอีกด้วย ขายดีกว่ารถรุ่นใหม่ Sentra B12 ด้วยซ้ำ
เมื่อเทียบ Nissan Sentra B12 กับทั้ง Sunny B11 และคู่แข่งอย่าง Corolla AE80 แล้วนั้น ก็จะพบว่าเป็นรถที่หน้าตาดูทันสมัย ล้ำยุคเลยทีเดียว อีกทั้งยังมีภายในที่ออกแบบมาสวยงาม ประกอบตกแต่งได้ดีกว่า Toyota มาก แต่กลับกลายเป็นว่ารูปทรงนั้นไม่ถูกในกลุ่มลูกค้า ทำให้ไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร และทำให้ยอดขายของ Nissan ในช่วงนี้ตกต่ำลงเสียอย่างนั้น
เครื่องยนต์นั้นยังคงใช้เหมือนเดิม ในประเทศไทยมีขนาด 1.5 ลิตร แต่ในต่างประเทศมีการเพิ่มเครื่องยนต์แบบแคมคู่ ตระกูล CA เข้ามาเสริม ขนาดถึง 1.8 ลิตร ส่วนตัวถังในประเทศไทยก็มีเพียงแบบ 4 ประตู ซีดานธรรมดาเท่านั้นครับ แต่เดี๋ยวก่อน เราลืมอะไรไปบางอย่างหรือเปล่า?
1986-1990 Nissan Sentra Coupe (ไม่ได้ชื่อว่า RZ-1 แต่อย่างใด)
แม้ว่าคนอาจจะจำ Nissan Sentra B12 กันไม่ได้มากนัก แต่รถรุ่นนี้หลายท่านเห็นแล้วจะต้องร้องอ๋อ ว่ามันคือ Nissan RZ-1 สปอร์ตคูเป้ ทั้งที่จริง ๆ แล้วในช่วงแรกมันไม่ได้ถูกเรียกว่า Nissan RZ-1 กระนั้น Nissan Sentra Coupe ก็มาต่อยอดตำนานของ Nissan Sunny Coupe B11 ประเทศไทยเปิดตัวในปี 1986
ส่วน Nissan Sentra RZ-1 นั้น เป็นรุ่นตกแต่งพิเศษ เพิ่มชุดแต่งบอดี้คิต และเครื่องยนต์ CA16DE 123 แรงม้าเข้าไป ซึ่งเป็นรุ่นที่ทุกคนจดจำ แม้ว่ารถแท้นั้นจะหายากมากก็ตาม เนื่องจากราคาจำหน่ายในตอนนั้นสูงมาก
1990-1995 Nissan Sentra B13
Nissan Sentra B13 เปิดตัวในปี 1990 มีรูปลักษณ์ที่โค้งมน เข้ากับยุคสมัย 1990 มากขึ้น ถูกออกแบบมาเพื่อต่อกรกับ Toyota Corolla AE92 ที่เปิดตัวก่อนหน้าไป 3 ปี แต่ก็ยังขายคู่กับ Nissan Sunny B11 ที่ยังขายดีอยู่ แต่ถ้าหากนับเรื่องของการแซยิดแล้ว แม้ในไทยจะขายกันอยู่ไม่ถึง 6 ปีดี แต่ในตลาดโลกนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เครื่องยนต์นั้นมีให้เลือก 3 แบบ ตระกูล GA และ SR ตั้งแต่ 1.4 ถึง 2.0 ลิตร ในประเทศไทยนั้นใช้เครื่องยนต์แบบ GA16DE หัวฉีด 1.6 ลิตร โดยที่ตัวถังมีให้เลือกเพียงแบบ 4 ประตู ในขณะที่สหรัฐอเมริกามีแบบ 2 ประตูให้เลือกด้วย
ตัว Nissan Sentra B13 เอง ก็คงไม่มีอะไรน่าสนใจไปมากกว่านี้ ถ้าหากไม่มีส่วนต่อขยายสี่รุ่นที่เราจะพูดถึงกันต่อไปนี้...
1990-1996 Nissan NX
Nissan NX เป็นรถยนต์คูเป้ 2 ประตู ทรงเฉี่ยวแต่หน้าแปลก ที่เข้ามาทำจำหน่ายแทนที่ Nissan Sentra Coupe หรือ RZ-1 ในปี 1990 ประเทศไทย เองก็ได้รับ Nissan NX 1.6 ลิตร เข้ามาจำหน่ายด้วย โดดเด่นด้วยหลังคาแบบ Targa Top ถอดได้ ชวนพาน้ำรั่วเข้าเป็นอย่างดี
1990-2006 Nissan NV
Nissan NV ชื่อต่อจาก NX เสียอย่างนั้น เป็นรถยนต์ที่กำเนิดมาจากการนำเอา Nissan Wingroad ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นสเตชั่นวากอนของ Nissan Sentra B13 เข้ามาจำหน่ายในไทย แต่ภายหลังเพิ่มรุ่นกระบะ 2 ประตู ในชื่อ NV Wingroad เข้ามาจำหน่าย โดยที่ตัวถังสเตชั่นวากอน หายไปในปี 1996 แต่ตัวถังกระบะวางจำหน่ายถึงปี 2006 กันเลยทีเดียว! เรียกได้ว่าแอบแซยิดแพลตฟอร์มกันเนียน ๆ ให้เห็น
1990-2000 Nissan Presea R10 และ R11
Nissan Presea เป็นรถยนต์คอมแพคซีดานซึ่งใช้พื้นฐานของ Nissan Sentra B13 และ Nissan Sunny B14 ที่จะกล่าวถึงในส่วนถัดไปตามลำดับ โดดเด่นด้วยตัวถังประตูแบบ Frameless ไร้กรอบ เพื่อลบภาพความจำเจของ Nissan Sentra หรือ Sunny ปกติไป โดยชื่อ Presea นั้นเป็นภาษาสเปน แปลว่า อัญมณี
1992-2017 Nissan Tsuru
Nissan Tsuru (นิสสัน ซุรุ) เป็นชื่อที่ใช้ในการจำหน่าย Sunny/Sentra ในประเทศเม็กซิโก รุ่น B13 เปิดตัวในปี 1992 ตามหลัง Tsuru B11 และ Tsuru II B12 ซึ่งก็ดูไม่มีอะไรน่าสนใจ ถ้าหากมันไม่ได้ถูกวางจำหน่ายโดยไม่ได้มีการปรับปรุงส่วนของตัวถังจนกระทั่งปี 2017! เป็นการแซยิดถึง 25 ปี ซึ่งยาวนานเป็นอันดับต้น ๆ ของการลากขาย Nissan ทุกรุ่นทั่วโลก ถ้าหากท่านคิดว่า Nissan GT-R (นิสสัน จีทีอาร์) ที่ขายกัน 13 ปี หรือ Nissan March (นิสสัน มาร์ช) ที่ขายกันมา 10 ปีนั้นยาวนานแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรเทียบกับ Tsuru ได้ครับ
1993-2000 Nissan Sunny B14
หลังจากที่วางจำหน่าย Nissan Sunny B11 มาเป็นระยะเวลาถึงเกือบ 15 ปี ก็ถึงเวลาที่ชื่อ Nissan Sunny จะถูกเปลี่ยนโฉมใหม่ได้แล้ว ในปี 1995 สยามกลการยกเลิกการจำหน่ายทั้ง Sunny B11 และ Sentra B13 เพื่อรวมเป็น Sunny B14
ในที่สุด Nissan Sunny ก็เปิดโฉมใหม่ที่ใหม่จริง ๆ เสียที รูปลักษณ์โค้งมนเต็มที่เหมือนกับกล่องใส่สบู่ในห้องน้ำ เข้ากับยุคสมัยเป็นอย่างดี เครื่องยนต์นั้นใช้เป็นขนาด 1.5 ลิตร GA15DE หรือ 1.6 ลิตร GA16DE และ GA16DNE เช่นเคย และเป็นรถที่เปิดตำนานของช่วงล่าง Multi-Link Beam ซึ่ง Nissan ใช้กับรถทุกรุ่นจนกระทั่ง Nissan Cefiro (นิสสัน เซฟิโร่) A33
ในประเทศไทยมีการปรับโฉม เปลี่ยนหน้า เปลี่ยนท้ายให้ดูหรูหราขึ้น ขายต่อกันไปแม้ในตลาดโลกจะเลิกทำจำหน่ายแล้ว แต่ก็ไม่ได้แซยิดกันนานมากขนาดนั้นนะครับ
2000-2006 Nissan Sunny Neo และ Nissan Sunny Almera N16
ปี 2000 เป็นช่วงแห่งความโกลาหลมากที่สุดเท่าที่ Nissan เคยประสบมา Nissan ก่อนการถูกซื้อโดย Renault มีรถยนต์หลากหลายรุ่น หลากหลายแบบ วางจำหน่ายทั่วโลก Nissan Sunny B15 นั้นมีขายแค่ในประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับรถชื่อว่า Nissan Bluebird Sylphy ทั้งที่ Nissan Bluebird ก็ยังคงมีวางจำหน่ายอยู่ แม้จะเป็นรถที่ใหญ่กว่าก็ตาม ถ้าหากเราติดตามรถแค่ในไทย เราก็จะรู้จักแค่ Nissan Sunny Neo และ Sunny Almera
เดี๋ยวก่อน Nissan Almera (นิสสัน อัลเมร่า) เป็นชื่อของรถยนต์ขนาดเล็กที่ยังมีจำหน่ายอยู่ไม่ใช่หรือ? ถูกต้องครับ แต่ในช่วงต้นยุค 2000 Nissan มีรุ่นย่อยของ Sunny N16 อยู่สองแบบด้วยกัน เปิดตัวด้วยชื่อ Nissan Sunny Neo ก่อน และเพิ่มรุ่นสปอร์ต Nissan Sunny Almera ในภายหลัง เครื่องยนต์มีขนาด 1.6 และ 1.8 ลิตร ให้เลือก
ในบางตลาด เช่นมาเลเซีย Nissan Sunny N16 ก็ยังคงจำหน่ายในชื่อ Sentra อยู่ อีกทั้งยังถูกนำไปจำหน่ายในเกาหลีใต้ด้วยซื้อ Renault Samsung SM3 และมีชื่อ Nissan Pulsar อีกด้วย สับสนอลเวงอย่างนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ Carlos Ghosn ต้องเข้ามาช่วยจัดการให้ใหม่ในปี 2000
แต่ในประเทศไทย Nissan Sunny Neo ก็ได้รับความนิยมมากพอสมควร เนื่องจากการขับขี่ดีกว่า Toyota Corolla Altis และมีความนุ่มนวลมากกว่า Honda Civic
2006-2012 Nissan Tiida
Nissan Tiida (นิสสัน ทีด้า) เป็นรถยนต์รุ่นที่สอง ที่ออกแบบนับตั้งแต่การควบรวมกิจการของ Nissan กับ Renault ที่มีจำหน่ายในประเทศไทย ตามหลังจาก Nissan Teana (นิสสัน เทียน่า) เปิดตัวในตลาดโลกปี 2004 ส่วนในไทยปี 2006 และแม้ว่าจะยังคงเป็นรถยนต์คอมแพค C-Segment แต่ก็เปลี่ยนแปลงไปจนแทบใช้อะไรร่วมกับ Nissan ในยุคก่อนหน้านี้ไม่ได้เลย
โดดเด่นด้วยความอเนกประสงค์สูงสุดของภายใน ออกแบบเพื่อดึงเอาพื้นที่ใช้สอยมาให้กับผู้โดยสารมากที่สุด จนได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่ชอบบรรทุกทั้งสัมภาระและผู้โดยสาร
เครื่องยนต์มีให้เลือก 2 แบบ ทั้งแบบ HR16DE 1.6 ลิตร และแบบ MR18DE 1.8 ลิตร อีกทั้งตัวถังยังมีให้เลือก 2 แบบ ทั้งแบบ 5 ประตูแฮชแบ็ค และแบบ Latio 4 ประตู ซีดาน
ผู้บริหารกลุ่มใหม่ รถยนต์ใหม่หมดจด อีกทั้งยังมีตัวแทนจำหน่ายใหม่ซึ่งไม่ใช่สยามกลการอีกต่อไป Nissan Tiida เป็นเหมือนกับปรากฎการณ์ใหม่ที่ไม่คุ้นเคย แต่ก็ดีมากพอที่จะสร้างภาพให้คนจดจำกันได้เป็นอย่างดี เหมือนกับพรีเซนเตอร์ในขณะนั้น ซึ่งก็คือ หม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล หรือ หม่อมปลื้ม ก็ไม่ใช่คนดังในแบบดั้งเดิมที่เราคุ้นเคยเช่นกัน นับได้ว่าเหมาะสมเป็นอย่างมากกับ Nissan Tiida นี้
2012-2020 Nissan Sylphy และ 2012-2018 Nissan Pulsar
Nissan Sylphy เปิดตัวในประเทศไทยปี 2012 และตามมาด้วย Nissan Pulsar (นิสสัน พัลซ่า) อันเป็นรุ่นล่าสุด และเรียกได้ว่าปัจจุบันที่สุดของรถ Nissan C-Segment Compact นี้
เครื่องยนต์ยังคงใช้แบบ HR16DE และ MRA8DE เหมือนหรือคล้ายกับของ Nissan Tiida แต่เปลี่ยนระบบส่งกำลังเป็นแบบ CVT รูปทรงรถนั้นโฉบเฉี่ยวมากขึ้น ใหญ่ขึ้น หรูหรามากขึ้น แต่รูปลักษณ์นั้นก็ไม่ได้ล้ำ ฉวัดเฉวียนเสียจนดูหวือหวา มีคนกล่าวไว้ว่า Nissan Sylphy เป็นรถที่ถ้าจะรู้สึกชื่นชม ต้องใช้ชีวิตอยู่กับมัน สัมผัสความอเนกประสงค์และความสะดวกสบายไปพักหนึ่งเสียก่อน
Nissan Pulsar เป็นรถ Hatchback ที่วางพื้นฐานจาก Sylphy นี้ และนำพื้นฐานมาทำให้สปอร์ต ปราดเปรียวมากขึ้น ตัวถังภายนอกใช้อะไหล่ที่ไม่เหมือนกันแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ระบบกลไกนั้นใช้ร่วมกันได้
แม้ว่าจะฟังดูเหมือนรถคนแก่ เน้นความนุ่มนวลขับขี่ง่าย แต่ในปี 2016 Nissan ได้เปิดตัว Nissan Pulsar Turbo ก่อนจะตามมาด้วย Nissan Sylphy Turbo ในปี 2017 ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร MR16DDT 190 แรงม้า ซึ่งแรงที่สุดในระดับ C-Segment แม้แต่ในปัจจุบันก็ยังไม่มีรถอื่นใดมาเทียบได้ (รถเดิมนั้นแรงกว่า Honda Civic Turbo)
แต่นอกจากนั้น Nissan ก็ไม่ได้ปรับเปลี่ยนรถ Sylphy อีกเลย นอกจากการปรับโฉมเล็กน้อย และเพิ่มอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้ครบครันมากขึ้น จนกระทั่งเลิกขายเมื่อไม่นานนี้เอง และจะไม่มีตัวตายตัวแทน แม้ว่า Nissan Sylphy จะเผยโฉมใหม่ในตลาดโลกเมื่อปี 2019
ทำไมเลิกขายไปดื้อ ๆ เสียอย่างนั้น?
เราปฏิเสธไม่ได้ว่า Nissan Sylphy ตัวใหม่ปี 2019 ซึ่งเคยจะมีแผนวางจำหน่ายในไทยปี 2021 มีรูปลักษณ์ที่สวยงามน่าสนใจ แต่เครื่องยนต์ที่สามารถนำมาจำหน่ายได้ก็จะยังหนีไม่พ้น HR16DE ซึ่งไม่อาจทัดเทียมกับคู่แข่งทั้ง Toyota Corolla Altis Hybrid หรือ Honda Civic Turbo เลยแม้แต่นิดเดียว ขนาด Mazda 3 (มาสด้า 3) Skyactiv ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2.0 ลิตร ยังถูกวิจารณ์ว่าไม่เพียงพอ
Nissan อาจนำขุมพลัง e-Power ไปใส่เหมือนกับที่ Nissan Kicks ใช้อยู่ ก็ย่อมทำได้ แต่คำถามคือ แล้วความนิยมของ Nissan Sylphy จะทำได้มากพอ โดยที่ไม่ดึงฐานลูกค้าจาก Nissan Kicks หรือ? เครื่องยนต์ที่ล้ำสมัย จะตอบสนองกลุ่มลูกค้าอนุรักษ์นิยมที่ซื้อ Nissan Sylphy รุ่นก่อนหน้าหรือไม่?
มันก็อาจเป็นวงจรอุบาทว์ ที่ Nissan สร้างฐานลูกค้าเดิมมาในแบบที่ค่ายอื่นไม่ทำ แต่นั่นทำให้ฐานลูกค้าวัยรุ่นกลับไม่สนใจ Nissan Sylphy เลย แม้ว่าจะมีรุ่น DIG Turbo 190 แรงม้ามาเสริม แต่หน้าตาก็ยังคงไม่ต่างกับ Nissan Sylphy ปกติ
สุดท้ายแล้ว การที่ Nissan Sylphy เลิกทำตลาดไปในไทย ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่มันก็ยังน่าเสียดายอยู่ดี?
แต่นั่นมันก็น่าเสียดายมากไม่ใช่หรือ? อย่างที่เราได้เล่าไปในการเจาะเวลากับบอริสครั้งนี้แล้ว Nissan มีรถ C-Segment หลากหลายรุ่นในอดีต ซึ่งได้รับความนิยม ติดตา ติดใจคนไทยทั่วประเทศมากมาย แม้แต่ในปัจจุบัน ชื่อของ Sunny ก็ยังเป็นที่รู้จักกันอยู่ ในขณะที่ถ้าพูดถึง Sylphy หรือ Tiida ก็อาจไม่ได้รับผลตอบรับที่ใกล้เคียงเลย
บางที ความผิดพลาดของ Nissan สำคัญ ก็อาจเป็นการที่พวกเขาไม่พยายามต่อยอดชื่อที่คุ้นเคย เหมือนกับ Corolla หรือ Civic ถ้าให้นับดูแล้ว พวกเขาเคยเปลี่ยนชื่อรถ C-Segment Compact กันถึง 5 ครั้งด้วยกัน จาก Sunny เป็น Sentra ก่อนจะกลับเป็น Sunny แล้วเป็น Tiida ปิดท้ายด้วย Sylphy กับ Pulsar ไม่มีความต่อเนื่องแม้แต่นิดเดียว
ความต่อเนื่องที่เกิดขึ้นนั้น มาจากใจของผู้ที่รักและชื่นชอบในแบรนด์ Nissan และตัวรถ Nissan อย่างแท้จริง ซึ่งอธิบายให้กับคนที่ไม่เคยใช้ได้ยาก Nissan เป็นรถที่ต้องอยู่กับมันเป็นเวลาพักหนึ่ง ถึงจะเข้าใจในความดีงาม มันไม่ได้โดดเด่น หวือหวา และมันเป็นเช่นนี้มาตั้งหลายสิบปีแล้ว
ถ้าหาก Nissan ไม่ตัดสินใจกระตุ้นความน่าสนใจให้มากขึ้น ทำไม Nissan ไม่ลองที่จะหันกลับไปสู่แนวทางในอดีตที่ประสบความสำเร็จละครับ?
บอริสรู้ดีกว่า “เพื่อนที่แสนดี” แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนตื่นตาตื่นใจอีกต่อไป แต่ความผูกพันของผู้ใช้รถยนต์ Nissan ที่เคยมีในอดีตนั้น ไม่ใช่สิ่งที่หามาเปลี่ยนได้ง่าย ๆ นะครับ