Ford Ranger เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ได้รับความนิยมในตลาดรถกระบะ พิสูจน์ได้จากยอดขายที่ติดท็อป 5 อย่างต่อเนื่อง ด้วยภาพลักษณ์ความเป็นรถกระบะอเมริกันพันธุ์แกร่งบวกกับขุมพลังที่แรงเร้าใจ

ยอดขายสะสมในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ Ranger ตามหลังก็เพียงเจ้าตลาดอย่าง Toyota Hilux Revo และ Isuzu D-max รวมถึงแบรนด์รองลงมาอย่าง Mitsubishi Triton เท่านั้น ถือว่าทำผลงานได้ดีท่ามกลางการแพร่ระบาดของ Covid-19

เมื่อปลายปีที่แล้ว Ford แนะนำ Ford Ranger 2020 รุ่นปรับปรุงใหม่ในรุ่น Wildtrak ตัวถัง 4 ประตูและตัวท็อป Raptor มีการเปลี่ยนไฟหน้าจาก Projector แบบ HID พร้อมแบบไฟเดย์ไลท์ LED ในตัวมาเป็นไฟหน้า Bi-LED พร้อมไฟเดย์ไลท์ LED ในโคมเดียวกัน ล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ พร้อมยาง 265/60 R18 ขณะที่รูปลักษณ์ส่วนอื่น ๆ ยังคงแข็งแกร่งดุดันเหมือนเดิม

ขุมพลังบล็อกเดิม เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร มี 2 ระดับความแรง รุ่นเทอร์โบคู่ TDCI Bi-Turbo มีพละกำลังสูงสุด 213 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตรที่ 1,750-2000 รอบ/นาที ส่วนรุ่นเทอร์โบแปรผันเดี่ยวมีพละกำลัง 180 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 420 นิวตันเมตรที่ 1,750-2,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด และเกียร์ธรรมดา 6 สปีด

นอกจากนี้ยังมีขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.2 ลิตร พละกำลัง 160 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 385 นิวตันเมตรอีกด้วยซึ่งวางอยู่ในรุ่นอื่น ๆ อย่าง New Ford Ranger FX4 รุ่นใหม่ ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่แล้วเช่นกัน มาพร้อมช่วงล่างพัฒนาพิเศษ และรูปลักษณ์ที่แข็งแกร่งบึกบึนยิ่งขึ้น

Ford Ranger รุ่นตอนเดียวหรือสแตนดาร์ดแค็บมีราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 559,000 – 649,000 บาท

Ford Ranger รุ่น 2 ประตูหรือโอเพ่นแค็บมีราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 559,000 – 739,000 บาท

Ford Ranger รุ่น 4 ประตูหรือดับเบิลแค็บมีราคาจำหน่ายอยู่ระหว่าง 789,000 – 1,699,900 บาท

3 จุดเด่นที่ควรซื้อ Ford Ranger

1. รูปลักษณ์หรูหราเหนือระดับ

ปฏิเสธไม่ได้ว่าถึงจะทำตลาดมานานพอสมควร แต่ Ford Ranger ก็ยังคงมีรูปลักษณ์ที่ดึงดูดสายตา โดดเด่นด้วยความหรูหราและแข็งแกร่ง มีความบึกบึนแบบอเมริกันอยู่เต็มตัวโดยแทบไม่ต้องตกแต่งเพิ่มเติมเลยแม้แต่น้อย ลูกค้าที่ครอบครอง Ranger จึงสามารถใช้งานไปได้อีกยาว ๆ กำหนดการเปิดตัวโฉมใหม่คาดว่าจะมีขึ้นในปี 2022

2. ขุมพลังสุดแรง

ตามที่รายงานไปข้างต้นว่า Ranger มีรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ TDCI Bi-Turbo มีพละกำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร โดยวางอยู่ในรุ่นดับเบิ้ลแค็บ 2.0L Bi-Turbo Wildtrak 4x4 เกียรอัตโนมัติ 10 สปีด ค่าตัว 1,265,000 ล้านบาทและรุ่นท็อป 2.0L Bi-Turbo Raptor 4x4 10AT ค่าตัว 1,699,900 บาท ถูกใจคอรถกระบะเท้าขวาหนักแน่นอน

3. ความปลอดภัยชั้นเลิศ

Ranger มีความปลอดภัยที่เป็นเลิศตั้งแต่ปรับไมเนอร์เชนจ์ปี 2014 ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนป้องกันการชนด้านหน้า ระบบไฟสูงอัตโนมัติ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันตามความเร็ว สัญญาณเตือนกะระยะด้านหน้าและด้านหลัง ระบบตรวจสอบผู้ขับขี่ ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ ตลอดจนถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่งทั้งคู่หน้า ด้านข้าง และม่านนิรภัย ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีระบบพื้นฐานอย่างเบรก เบรก ABS, EBD ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC ระบบช่วยขึ้นและลงทางลาดชัน HLA และ HDC

3 จุดด้อยควรคำนึงถึงก่อนซื้อ Ford Ranger

1. ตัวถังใหญ่โตอาจลำบากขณะขับขี่ในเมือง

Ford Ranger มีขนาดตัวถังยาวเป็นอันดับ 2 รองจาก Mazda BT-50 และ MG Extender ส่วนความกว้างเป็นรองเพียง Extender ซึ่งอาจสร้างความยากลำบากสำหรับผู้ขับขี่บางคน โดยเฉพาะการต้องควบคุมรถซอกแซกไปบนถนนที่คับแคบ

2. คุณภาพศูนย์บริการ

เราได้ยินอยู่บ่อยครั้งถึงคุณภาพของศูนย์บริการของ Ford ซึ่งไม่อาจไว้วางใจได้มากนักเมื่อเทียบกับแบรนด์ชั้นนำที่สร้างชื่อเสียงแข็งแกร่งมายาวนานอย่าง Toyota หรือ Isuzu

3. ราคาขายต่อ

แบรนด์ระดับรองมักเสียเปรียบในเรื่องราคาขายต่อเสมอ ถ้าคุณซื้อมาใช้งานยาว ๆ ก็ไม่ควรเป็นกังวลแต่อย่างใด แต่ถ้าคุณวางแผนเปลี่ยนรถทุก 4-5 ปีก็อาจต้องมองหาตัวเลือกอื่นที่เป็นแบรนด์หลักดูก่อน