ล่าสุด มีผู้แอบถ่ายรถที่พรางตัวได้ โดยดูจากทรงแล้วบอกได้เลยว่าเป็น Toyota Fortuner (โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์) PPV ยอดขายดีอันดับ 1 ของประเทศไทย

โดยจากที่เห็นเป็นการพรางรถทั้งคัน ซึ่งก็มีข่าวลือกันออกมาว่า จะเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ประจำปี 2021 ที่เอาออกมาวิ่งทดสอบกัน แต่หากดูรายละเอียดแล้วทาง AutoFun Thailand ขอเดาว่าน่าจะเป็นชุดแต่ง GR Sport มากกว่า

รายละเอียดใหม่

แม้ทั้งคันจะมีการซ่อนรายละเอียด แต่หากสังเกตุดูดี ๆ จะเห็นคาลปเปอร์เบรกสีแดงที่ Toyota (โตโยต้า) มักจะติดมาให้ในรุ่นที่มีความสปอร์ต แต่จะเบรกได้ดีกว่าไหมอันนี้ต้องลองรอทดสอบอีกทีหนึ่ง

ในส่วนของรายละเอียดอื่น ๆ จะมีการคลุมล้อเอาไว้ด้วย อาจจะได้เป็นลายใหม่หรือเปลี่ยนสี และกระจกมองข้างที่อาจมาเป็นแบบทูโทน หรือสีเดียวกับตัวรถ

ซึ่งดูจากลักษณะารตกแต่ง อาจจะเอามาเสริมใน Toyota Fortuner Legender จากลักษณะของกระจังหน้า ในรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตรเพื่อให้เข้าถึงง่าย แบบที่ Toyota Corolla Altis (โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส) เติมชุดแต่ง GR Sport พร้อมเครื่องยนต์ 1.8 ลิตร

ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการคาดเดา ต้องรอการคอนเฟิร์มจากโตโยต้าอีกครั้ง ว่าจะเปิดตัวกันเมื่อไร อาจจะเป็นในช่วงไม่เกินปลายปีนี้กำลังดี

หรือจะรอไฮบริด?

เมื่อเดือนพฤษภาคม มีกระแสข่าวออกมาว่าโตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ จะมีการเสริมพลังไฮบริดให้กับเครื่องยนต์ดีเซลออกมาให้เห็นในปี 2022 

รายงานข่าวระบุว่า Fortuner ไฮบริดจะมีการผลิตในอินโดนีเซียพร้อมกับ Toyota Innova (โตโยต้า อินโนว่า) ไฮบริดในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 จากการที่ผู้บริหารประจำภาคพื้นเอเชียของ Toyota เปิดเผยว่า ภายใน 5 ปีข้างหน้าทางค่ายมีแผนจะเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดและไฟฟ้าถึง 10 รุ่นในประเทศอินโดนีเซีย

ไม่มีการยืนยันว่าจะถูกติดตั้งอยู่ในรุ่น 2.8 ลิตรหรือ 2.4 ลิตร และตัวเลขแรงม้า-แรงบิดจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ แต่การติดตั้งระบบไฮบริด จะช่วยลดมลพิษและเพิ่มความประหยัดน้ำมันมากกว่าเพิ่มสมรรถนะ 

ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อตามมาตรฐานอีโคสติกเกอร์ระบุว่า ฟอร์จูนเนอร์ เลเจนเดอร์ รุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองที่ 13.9 กม.ต่อลิตร ส่วนรุ่นเครื่องยนต์ 2.8 ลิตรมีอัตราสิ้นเปลืองที่ 14.7 กม.ต่อลิตร การติดตั้งระบบไฮบริดอาจทำให้ตัวเลขพุ่งไปถึง 20 กม.ต่อลิตร

ถ้ามาประเทศไทยจะเป็นอย่างไร

สำหรับในตลาดบ้านเรา Toyota Fortuner เป็นรถ PPV ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งหากว่ามีการปรับเพิ่มขุมพลังเครื่องยนต์ไฮบริดเข้ามาจริง มีความเป็นไปได้สูงที่จะเข้ามาทำตลาดในบ้านเราด้วย

ส่วนราคาจำหน่ายเนื่องจากว่ารถเครื่องยนต์ไฮบริด จะได้ประโยชน์จากภาษีสรรพสามิตรที่ถูกลงกว่าเดิมถึง 10% ช่วยประหยัดต้นทุนในการผลิตได้ คาดว่าน่าจะมีราคาที่น่าดูชมทีเดียว