รถต้นแบบ MG E-Motion
รถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกของ MG (เอ็มจี) ยุคใหม่เตรียมเปิดตัวครั้งแรกในโลกภายในช่วงปลายปีนี้ โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดจากรถต้นแบบ E-Motion ปี 2017
กระแสข่าวการเปิดตัวรถสปอร์ตรุ่นใหม่นี้ยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการจาก MG แต่ก็ถือเป็นข่าวเซอร์ไพรส์รับปีใหม่ 2021 นี้ก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมาค่ายรถเชื้อสายอังกฤษลูกครึ่งจีนรายนี้มุ่งเน้นแต่การทำตลาดรถเอสยูวีเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม MG ในยุคแรกเริ่มเคยสร้างชื่อเสียงจากการจำหน่ายรถสปอร์ตระดับตำนานมาแล้วหลายรุ่น ก่อนที่จะสิ้นสุดรุ่นสุดท้ายในปี 2011
ภาพสิทธิบัตรรถสปอร์ตพลังไฟฟ้าของ MG
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
รถสปอร์ต MG รุ่นใหม่จะมีหน้าตาอย่างไร
เว็บไซต์ Autocar ของอังกฤษรายงานว่า รถสปอร์ตรุ่นใหม่ของ MG จะมาพร้อมตัวถังแบบรถคูเป้ รองรับผู้โดยสาร 4 ที่นั่ง และมีตำแหน่งการตลาดเป็นรถระดับท็อปของ MG
รูปลักษณ์ภายนอกจะถ่ายทอดสไตล์มาจากรถต้นแบบ E-Motion ที่เปิดตัวในปี 2017 ผสมผสานกับรถต้นแบบ Cyberster ซึ่งเปิดตัวในปี 2020 แต่แน่นอนว่าเส้นสายจะถูกปรับปรุงใหม่เพื่อให้เป็นไปตามเทรนด์การออกแบบที่มีพัฒนาการอย่างต่อเนื่องทุกปี โดยคาดว่าจะยังคงใช้ชื่อ E-Motion ในการออกจำหน่ายจริง
รายงานข่าวระบุด้วยว่ารถสปอร์ตของ MG รุ่นใหม่นี้จะมีกระจังหน้าขนาดใหญ่ที่มีดีไซน์คล้ายคลึงกับรถสปอร์ตพรีเมียมจากเมืองผู้ดีอย่าง Aston Martin ดังจะเห็นได้จากภาพหลุดสิทธิบัตรข้างต้น
ข้อมูลทางวิศวกรรมและระบบขับเคลื่อน
E-Motion จะสร้างบนโครงสร้างแพลตฟอร์มใหม่ที่บริษัทแม่อย่าง SAIC พัฒนาขึ้นมาเอง รองรับการติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ที่เพลาหน้าและเพลาหลังจึงใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่จะให้สมรรถนะและการควบคุมที่ยอดเยี่ยม
ข้อมูลทางเทคนิคอื่น ๆ ยังไม่เปิดเผย ก่อนหน้านี้ MG เคยแย้มว่าอัตราเร่งจาก 0-96 กม.ต่อชม. ของ E-Motion จะทำได้ในเวลาไม่ถึง 4 วินาที และมีระยะทางขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วน ๆ อย่างน้อย 500 กม.ต่อการชาร์จไฟเต็มแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง
อย่างไรก็ดี เมื่อดูจากเทคโนโลยีแบตเตอรี่และมอเตอร์ไฟฟ้าของ MG ในปัจจุบัน พบว่าตัวเลขสมรรถนะและระยะทางขับขี่ยังน้อยมาก โดย MG ZS EV (เอ็มจี แซดเอส อีวี) มีกำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์ หรือเทียบเท่า 150 แรงม้า และมีแรงบิด 350 นิวตันเมตร ขับขี่ได้ไกลประมาณ 300 กม.ต่อการชาร์จไฟเต็มแบตเตอรี่หนึ่งครั้ง
แล้วทำไม MG ต้องทำตลาดรถสปอร์ต
ท่ามกลางสภาพตลาดยานยนต์ที่อยู่ในช่วงชะลอตัวจากปัจจัยลบหลากหลายประการ คำถามคือทำไม MG ต้องนำเสนอรถสปอร์ตในเวลานี้ คำตอบง่าย ๆ ก็คือถึงแม้รถสมรรถนะสูงจะไม่ช่วยทำให้ยอดขายเพิ่มสูงขึ้นมากนัก แต่จะยกระดับภาพลักษณ์แบรนด์และเป็นเหมือน "สื่อกลาง" โชว์เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำหน้าให้สาธารณชนได้สัมผัสกัน
ขณะเดียวกัน รถสปอร์ตอีวีที่เพียบพร้อมเทคโนโลยียังตอกย้ำว่า MG และ SAIC พร้อมที่จะเป็นผู้นำการสร้างนวัตกรรมรถพลังงานไฟฟ้าและรถสมรรถนะสูงกับเขาด้วยเหมือนกัน
ส่วนโอกาสที่คนไทยจะได้สัมผัสกันหรือไม่นั้นถือว่าน่าลุ้นมากทีเดียวเพราะบริษัท เอ็มจี เซลส์ ประเทศไทยมักต้องการเป็นบุกเบิกตลาดเมืองไทยอยู่เสมอ เห็นได้จากการเปิดตัว MG HS PHEV (เอ็มจี เอชเอส พีเอชอีวี) รถเอสยูวีปลั๊กอินไฮบริดเจ้าแรกของไทย และตลาดรถสปอร์ตอีวีในบ้านเรายังรอการเติมเต็มอยู่เช่นกัน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });