ภารกิจยิ่งใหญ่! 2021 Honda City Hatchback จะสานต่อความสำเร็จ 2019 Honda Jazz ได้หรือไม่

2021 Honda City Hatchback (2021 ฮอนด้า ซิตี้ แฮทช์แบ็ก) เปิดตัวพร้อมกับแบกความคาดหวังในการเป็นตัวแทนของ 2019 Honda Jazz (2019 ฮอนด้า แจ๊ส) ที่ประสบความสำเร็จในเมืองไทยมาอย่างยาวนาน 

การเปิดตัว 2021 City Hatchback ใหม่เกิดขึ้นหลังจาก 2020 Honda City โฉมซีดานรุ่นใหม่เจนเนอเรชั่นที่ 5 เริ่มต้นทำตลาดบ้านเราเมื่อปลายปีที่แล้วและทำยอดขายได้อย่างยอดเยี่ยม บริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล ประเทศไทยตัดสินใจฟาดดาบสองด้วยการนำเสนอรุ่นแฮทช์แบ็กนี้เพื่อสานต่อความสำเร็จและตั้งใจทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง 2020 Toyota Yaris / Yaris Ativ (โตโยต้า ยาริส และยาริส เอทีฟ) และ 2020 Nissan Almera / Note (นิสสัน อัลเมร่า / โน๊ต) แบบไม่เห็นฝุ่น

ภารกิจสำคัญของ 2021 City Hatchback ใหม่คือการมาแทนที่ 2019 Honda Jazz ซึ่งถูกยุติการทำตลาดแค่เพียงเจนเนอเรชั่นที่ 3 (ขณะที่ในประเทศอื่น ๆ อย่างญี่ปุ่นและยุโรป ยังได้ใช้ Jazz เจนเนอเรชั่นที่ 4 ต่อไป) ทำให้คอรถยนต์หลายคนบ่นเสียดายที่ไม่ได้สัมผัส Jazz เจนใหม่ที่มีรูปลักษณ์ออกไปทางน่ารักน่าหยิก แต่การตัดสินใจนำเสนอ City Hatchback แทนนั้นแสดงให้เห็นว่า Honda มีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมในคุณสมบัติของรถแฮทช์แบ็กรุ่นใหม่นี้

รูปลักษณ์ภายนอกสปอร์ตยิ่งขึ้น

ด้วยการพัฒนาต่อยอดจากโฉมซีดาน ทำให้ 2021 City Hatchback มีรูปลักษณ์ภายนอกที่สปอร์ตแฝงความหรูหรามากกว่า Jazz อย่างชัดเจน ขณะที่รุ่นท็อปไลน์มาพร้อมชุดแต่งสไตล์ RS ที่ให้ความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้นไปอีก

การออกแบบ 2021 City Hatchback อยู่ภายใต้แนวคิด “Energetic Hatchback” ด้วยการวางเส้นสายที่เฉียบคมต่อเนื่องรอบคัน มาพร้อมไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED ไฟท้ายแบบ LED รับกับฝากระโปรงท้าย เสาอากาศแบบครีบฉลาม และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว (เฉพาะรุ่น RS) และล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว (รุ่น SV และ S+)

เมื่อดูมิติตัวถังของ 2021 City Hatchback จะเห็นว่ามีขนาดยาวขึ้น กว้างขึ้น และระยะฐานล้อก็ยาวกว่าด้วย แต่ถ้าดูที่ความสูงแล้ว ตัวรถกลับเตี้ยกว่า Jazz พอสมควรซึ่งบ่งชี้ถึงความปราดเปรียวของ 2021 City Hatchback ขณะเดียวกันจะไม่ส่งผลต่อพื้นที่ในห้องโดยสารที่ยังคงความกว้างขวาง

การออกแบบภายในห้องโดยสาร

ภายในห้องโดยสารของ 2021 City Hatchback ใหม่ยกมาจากโฉมซีดาน ออกแบบภายใต้แนวคิด “Ambitious Beauty” เน้นความเรียบง่าย ทันสมัย แฝงความสวยงามประณีตทุกรายละเอียด ควบคู่ไปกับการใช้งานในชีวิตประจำวันอย่างสะดวกสบาย

วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าแบบเปียโนแบล็ก และมีการใช้วัสดุที่มีผิวสัมผัสนุ่มเพื่อให้ความรู้สึกพรีเมียม ตกแต่งด้วยโทนสีดำและเบาะหนังสีดำ (เฉพาะรุ่น SV) พร้อมอัพเกรดสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยแถบสีแดงในรุ่น RS

ไฮไลท์ของ Jazz ที่ถูกถ่ายทอดมายัง City Hatchback ใหม่คือเบาะนั่งอัลตรา ซีท (ULTR) แยกพับ 60:40 ที่ปรับเปลี่ยนเพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอยอเนกประสงค์ได้ทั้งหมด 4 โหมด พร้อมห้องสัมภาระท้ายขนาดใหญ่ อันเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของค่ายรถยักษ์ญี่ปุ่นแบรนด์นี้

ขุมพลังขับเคลื่อน

หัวใจใต้ฝากระโปรงของ City Hatchback ใหม่เป็นเครื่องยนต์ DOHC VTEC TURBO บล็อก 3 สูบ ขนาด 1.0 ลิตร 12 วาล์ว พ่วงระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จ มีพละกำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000 - 4,500 รอบต่อนาที

Honda เคลมว่าเครื่องยนต์ 1.0 ลิตรบล็อกนี้มีสมรรถนะการขับขี่ที่เหนือกว่าเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร และแรงบิดเทียบเท่าเครื่องยนต์ขนาด 1.8 ลิตร จับคู่การทำงานกับระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง (CVT) พร้อมกับมีระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยหรือแพดเดิลชิฟท์แบบ 7 สปีด

อัตราบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 23.3 กม./ลิตร เครื่องยนต์ผ่านมาตรฐานไอเสียยูโร 5 (EURO 5) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 100 กรัม/กิโลเมตร และสามารถรองรับน้ำมัน E20

ระบบความปลอดภัย

ระบบความปลอดภัยใน City Hatchback ใหม่ถือว่า "เสมอตัว" ประกอบด้วยโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ปกป้องห้องโดยสารจากการชนรอบทิศทาง ถุงลม 6 ตำแหน่ง (เฉพาะรุ่น RS) ได้แก่ ถุงลมคู่หน้า ถุงลมด้านข้าง และม่านถุงลมด้านข้าง

มีระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) และระบบกระจายแรงเบรก (EBD) ตลอดจนกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-angle Rearview Camera) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการถอย โดยสามารถเลือกดูมุมกล้องที่แตกต่างกันได้ทั้งแบบ 130 องศา 180 องศา และมุมมองจากด้านบน

นอกจากนี้ยังมีระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA) ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA) และสัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)

ไม่น่าเชื่อแต่ก็ต้องเชื่อว่าระบบความปลอดภัยทั้งหมดข้างต้นของ City Hatchback ใหม่เหมือนกับ Jazz ทุกรายการ นั่นหมายความว่า Honda ไม่ได้อัพเกรดระบบเซฟตี้เพิ่มเติมแม้แต่น้อย

ราคาจำหน่าย

สรุป

ด้วยความที่ City Hatchback มีรูปลักษณ์ที่ “ทับซ้อน” กับ City ซีดาน ทาง Honda จึงนำเสนอรุ่นย่อยทั้งหมดเพียง 3 รุ่นเท่านั้น ลดลงถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับ Jazz รุ่นปัจจุบัน 

เมื่อดูคุณสมบัติและสเปกต่าง ๆ ของ City Hatchback ในภาพรวมถือว่าเหนือกว่า Jazz อยู่พอสมควร ทั้งความสดใหม่ อุปกรณ์อำนวยความสะดวก และเครื่องยนต์ สิ่งเดียวที่น่าผิดหวังคือระบบความปลอดภัยที่เหมือนกับย่ำอยู่กับที่

อย่างไรก็ตาม ชื่อชั้นแบรนด์ที่แข็งแกร่งของ Honda บวกกับคุณภาพผลิตภัณฑ์ที่ยืนอยู่แถวหน้าของเซกเมนท์จะส่งให้ City Hatchback ประสบความสำเร็จได้อย่างไม่ยากเย็น ดูแล้วก็เหนื่อยแทนคู่แข่งที่คงต้องทำการบ้านอย่างหนักหน่วงถึงจะไล่ตามได้ทัน