ตลาดรถซีดานในกลุ่มรถหรู คึกคักขึ้นอีกครั้งเมื่อ Mercedes-Benz (เมอร์เซเดส เบนซ์) ประกาศว่า 2021 Mercedes-Benz A-Class จะกลับมาในเวอร์ชั่นประกอบไทยและราคาถูกลงกว่าเดิม แต่ยังคงใช้ชื่อเดิม Mercedes-Benz A-200 ทั้งรุ่น Progressive และ AMG Dynamic โดยที่รูปลักษณ์ภายนอกยังคงคล้ายรุ่นนำเข้า ที่ทำการตลาดมา 1 ปีและได้รับการตอบรับอย่างดี
สำหรับ 2021 Mercedes-Benz A-Class รุ่นประกอบในไทยที่ราคาลดลงกว่าเดิมนี้ จะสามารถแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดรถซีดานหรูกับ BMW 2 Series ได้หรือไม่ ก่อนที่จะรู้จุดเด่นของ 2021 Mercedes-Benz A-Class รุ่นใหม่ล่าสุดนี้ AutoFun จะพาไปรู้จัก Mercedes-Benz A-Class ก่อนว่ากว่าจะถึงโฉมใหม่นี้ โฉมรุ่นเดิมเป็นอย่างไรกันบ้าง
Mercedes-Benz A-Class รถยนต์ขนาดกะทัดรัด ได้เผยโฉมครั้งแรกในงาน Frankfurt Motor Show เมื่อปี 1997 ซึ่งการออกแบบภายนอกที่สูงแต่สั้นและการขับเคลื่อนล้อหน้าทำให้ Mercedes-Benz A-Class ในยุคนั้นดูแปลกตา ดีไซน์ 5 ประตู ดูทันสมัย ด้วยรูปลักษณ์ดีไซน์ของ Mercedes-Benz A-Class รุ่นโฉมแรกที่คล้ายกับรถยนต์อเนกประสงค์อย่าง Honda Jazz ทำให้หลายคนเรียกมันว่า “Benz Jazz” แม้ว่าตัวรถจะเล็ก แต่ห้องโดยสารก็ค่อนข้างสบาย การออกแบบเรียบง่าย อุปกรณ์ถูกวางให้ใช้งานง่าย เบาะสามารถปรับได้ เพื่อรองรับการใช้งานอเนกประสงค์ สามารถจุได้ 5 คน มีพื้นที่จุสัมภาระสูงสุด 390 ลิตร และเมื่อพับเบาะหลังลงจะจุถึง 1,340 ลิตร ฟังก์ชั่นการใช้งานก็หลายหลายพร้อมอำนวยความสะดวก
เครื่องยนต์รุ่น 1997 Mercedes-Benz A-Class เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ มีให้เลือกทั้งแบบ 1.4 ลิตรและ 1.6 ลิคร ในช่วงเปิดตัวมีเพียงเครื่องยนต์เบนซินเท่านั้น ต่อมาปี 1999 ก็เพิ่มรุ่นเบนซินขนาด 1.9 ลิตร ระบบเกียร์มีทั้งแบบธรรมดา 5 สปีดและอัตโนมัติ 5 สปีด ตั้งแต่เริ่มวางจำหน่าย 1997-2004 Mercedes-Benz A-Class ก็สามารถทำยอดจำหน่ายทั่วโลกได้ถึง 1.1 ล้านคัน จากนั้นปี 2004 ก็ได้ปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ใหม่ โดยการปรับเปลี่ยนไฟหน้าดีไซน์ใหม่ กันชนหน้าและหลังเล็กน้อย และมีฐานล้อที่ยาวขึ้น
การออกแบบ Mercedes-Benz A-Class ในเจนเนเรชั่นที่ 2 นี้ตัวรถความยาวและความกว้างมากกว่าเดิมนิดหน่อย มีให้เลือกทั้งแบบ 3 ประตูและ 5 ประตู ภายในออกแบบให้ใช้สอยได้มากขึ้น มีพื้นที่เหนือศีรษะ และที่วางขา อุปกรณ์อำนวยความสะดวกก็ออกแบบให้ใช้ได้สะดวก พวงมาลัยเบา อีกทั้งยังออกแบบภายในให้มองเห็นทัศนวิสัยได้ดีขึ้น ส่วนด้านระบบความปลอดภัยก็มีความดีเยี่ยม มีป้องกันและปกป้อง
ด้านเครื่องยนต์ก็ยังคงมีให้เลือกทั้งเบนซินขนาด 1.5 ลิตร 1.7 ลิตรและ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 193 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร ส่วนดีเซลมีขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตร ระบบเกียร์มีให้เลือกทั้งแบบธรรมดา 5 สปีดและ 6 สปีด รวมทั้งยังมีระบบอัตโนมัติ CVT ให้ด้วย Mercedes-Benz A-Class รุ่นนี้ทำอัตราการเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ใน 8 วินาที Mercedes-Benz A-Class มีระบบไดเรคอินเจคชั่นแบบคอมมอนเรลที่ช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองด้วย
ในปี 2008 ก็มีการปรับโฉมใหม่ ไฟหน้าและไฟท้ายออกแบบใหม่ มีการเพิ่มฟังก์ชั่นสตาร์ทรถ และระบบช่วยจอด Mercedes-Benz A-Class รุ่นที่ 2 นี้ มียอดขายมากกว่าสองล้านคัน
Mercedes-Benz A-Class เจนเนเรชั่น 3 นี้มีพื้นฐานจาก Concept A-Class ในปี 2011 ที่เปิดตัวในงาน Geneva Motor Show 2012 การออกแบบภายนอกมีขนาดใหญ่ขึ้นและออกแบบต่างจาก Mercedes-Benz A-Class สองรุ่นก่อนหน้า ด้วยการเน้นให้เป็นรถสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก Mercedes-Benz A-Class เจนเนเรชั่นนี้เริ่มวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2012 ส่วนญี่ปุ่นเปิดตัวเมื่อเดือนมกราคม 2013 Mercedes-Benz A-Class เจนเนเรชั่น 3 นี้
การออกแบบของ Mercedes-Benz A-Class เจนเนเรชั่น 3 นี้มีความเป็นสปอร์ต คล่องแคล่ว ปราดเปรียว ลายเส้นสะดุดตา ในรุ่น A 180 กระจังหน้าคาดด้วยลาย 2 แถบเสริมโครเมียม โคมไฟหน้าเป็นฮาโลเจน ส่วนรุ่น A 250 AMG Sport กระจังหน้าใหม่แบบ Diamond Grille โคมไฟหน้าแบบ ไบซีนอน (Bi-xenon) ตกแต่งด้วยวงกลมสีแดง รวมทั้ง ไฟ daytime สำหรับขับขี่เวลากลางวัน แบบ LED ฝากระโปรงโค้งต่ำ ตัวถังออกแบบให้ลู่ลมลาดเอียง โดดเด่นด้วยดีไซน์ตามหลักอากาศพลศาสตร์
การตกแต่งภายใน Mercedes-Benz A-Class โฉมนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องบินเจ็ทที่กำลังทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ดูทันสมัยขึ้นมา เมื่อรวมกับวัสดุคุณภาพดี ก็ยิ่งทำให้โดดเด่นขึ้น ในรุ่น A 250 AMG Sport มีช่องปรับอากาศ 5 ช่อง แบบโครเมียมตกแต่งด้วยวงกลมสีแดงที่แผงคอนโซล พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นแบบสปอร์ต 3 ก้านหุ้มหนัง Nappa ตกแต่งด้วยสีแดง เบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง ARTICO สลับ DINAMICA microfibre สีดำเดินเส้นด้ายสีแดง ส่วนรุ่น A 180 ตกแต่งแบบโครเมียม มีช่องปรับอากาศ 5 ช่อง พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พนักวางแขนข้างประตู รวมถึงเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง ARTICO สลับผ้า Larochette สีดำหรือสีเทา ทั้งสองรุ่นมีแผงหน้าปัดและมาตรวัดดีไซน์สปอร์ต ทำให้ภายในดูโดดเด่นขึ้นอีก นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและความบันเทิงที่ให้ครบครันอีกด้วย
Mercedes-Benz A-Class รุ่นนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก ระบบป้องกันล้อล็อก ระบบรักษาการทรงตัว ระบบช่วยเตือนเมื่อเมื่อยล้า Mercedes-Benz A-Class รุ่นนี้ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์เบนซินแบบแถวเรียง 4 สูบเทอร์โบ ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT พวงมาลัยเป็นแบบมัลติฟังก์ชั่น พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย มีฟังก์ชั่น ECO Start/Stop ช่วยให้การขับขี่ง่ายขึ้น
2019 Mercedes-Benz A-Class เป็นรุ่นที่ 4 ของตระกูลนี้ โดยได้เปิดตัวเมื่อกุมภาพันธ์ 2018 การออกแบบภายนอกยังคงความเป็นรถยุโรปพรีเมียม แฮชแบ็ค 5 ประตู แต่รูปทรงมาในแบบซีดาน 4 ประตู การตกแต่งภายในรวมความเป็นสปอร์ต ความทันสมัย และความหรูหราเข้าด้วยกัน การประกอบจัดวางอุปกรณ์การใช้งานภายในรถเป็นไปตามมาตรฐานยุโรป สามารถเลือกติดตั้งฟีเจอร์ได้ เช่น ระบบอินโฟเทนเม้นท์ MBUX รองรับการเริ่มต้นสั่งงานด้วยเสียง, ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester ช่วงล่างแบบปรับระดับได้ เบาะนั่ง Multicontour Seat Package หลังคาพาโนรามิกซันรูฟ เป็นต้น
เครื่องยนต์มีให้เลือกทั้งเบนซินและดีเซล โดยรุ่น A200 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 1.3 ลิตร กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด และเกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ 7 สปีด ส่วนรุ่น A220 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตัน-เมตร และรุ่น A250 ที่ติดตั้งเครื่องยนต์บล็อกเดียวกัน แต่เพิ่มกำลังสูงสุดเป็น 224 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 350 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบคลัทช์คู่ 7 สปีด โดยไทยได้นำเข้ามาเมื่อปี 2019 ด้วยราคาจำหน่าย 2.59 ล้านบาท
Mercedes-Benz A-Class รุ่นใหม่ที่ประกอบในไทยนี้ใช้ชื่อว่า Mercedes-Benz A 200 ทั้งรุ่น Progressive และ AMG Dynamic ภายนอกคล้ายรุ่นนำเข้า ในรุ่น Progressive ติดตั้งไฟหน้าแบบ LED High Performance พร้อมไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน กระจกมองข้างที่สามารถปรับและพับไฟฟ้าได้ กระจกมองข้างฝั่งผู้ขับขี่และกระจกมองหลังที่สามารถปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ ล้ออัลลอย 10 ก้านขนาด 17 นิ้ว ขณะที่รุ่น AMG Dynamic กระจังหน้าเป็น Diamond Grille สีเงิน เสริมความโดดเด่นด้วยชุดตกแต่ง AMG Bodystyling ไฟหน้าแบบ LED High Performance กระจกมองข้างนั้นอยู่ในระนาบเดียวกับขอบล่างของกระจกห้องโดยสาร เส้นสายการออกแบบปราดเปรียว นอกจากนั้นยังมีล้อขนาด 18 นิ้ว แบบ 5 ก้านคู่
2021 Mercedes-Benz A 200 | ||
---|---|---|
ความสูง (มม.) | 1,425 | |
ความกว้าง (มม.) | 1,796 | |
ความยาว (มม.) | 4,433 | |
ระยะฐานล้อ (มม.) | 1,559 | |
ล้อ (นิ้ว) | 17-18 |
ภายในห้องโดยสารของรุ่น Progressive เป็นเบาะหุ้มหนัง ARTICO สามารถปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมหน่วยความจำฝั่งผู้ขับขี่ มีมาตรวัดความเร็ว All-digital Instrument Display ขนาด 7 นิ้ว พวงมาลัยตกแต่งด้วยหนัง ระบบอินโฟเทนเมนต์มาพร้อมหน้าจอ 10.25 นิ้วที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบเชื่อมต่อ Mercedes me connect เป็นต้น ขณะที่รุ่น AMG Dynamic เพิ่มด้วยการตกแต่ง AMG Interior Package เบาะหนัง ARTICO สลับ DINAMICA Microfibre ตกแต่งด้วยด้ายสีแดงเสริมความสปอร์ต สามารถพับได้แบบ 40:20:40 พวงมาลัยแบบสปอร์ตหุ้มหนัง Nappa ผงหน้าปัดใหม่หมดแบบ Dual Screen Cockpit ด้วยหน้าจอ 2 ขนาดใหญ่ 10.25 นิ้ว แบบ2 หน้าจอ
Mercedes-Benz A 200 มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบเทอร์โบ ขนาด 1.3 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT ทำงานประสานคู่กับแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ในเวลาเพียง 8.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 230 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนด้านความปลอดภัยก็มีให้ครบครันทั้งปกป้องและป้องกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบช่วยเบรก ระบบควบคุมการทรงตัว Cruise control เป็นต้น
2021 Mercedes-Benz A 200 | ||
---|---|---|
เครื่องยนต์ | เบนซิน 4 สูบเทอร์โบ ขนาด 1.3 ลิตร | |
กำลังสูงสุด | 163 แรงม้า | |
แรงบิดสูงสุด | 250 นิวตันเมตร | |
ระบบเกียร์ | เกียร์อัตโนมัติ 7G-DCT | |
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. | 8.1 วินาที |
สำหรับราคาจำหน่าย 2021 Mercedes-Benz A 200 ที่ประกอบในไทยนี้ มี 2 รุ่นที่จำหน่าย ได้แก่ A 200 Progressive ราคา 1,990,000 บาท และ A 200 AMG Dynamic ราคา 2,150,000 บาท เมื่อเทียบกับราคาของ BMW 3 series ที่ราคา 2.269 ล้านแล้ว ถือว่าได้เปรียบพอสมควร แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นกับสเปคและความชอบส่วนบุคคลว่าจะตอบโจทย์ได้มากน้อยแค่ไหน
ตรวจสภาพรถ 175 จุด
รับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน
การรับประกัน 1 ปี
ราคาคงที่ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝง
{{variantName}}
{{carMileage}} กม.
{{registrationYear}} ปี
{{storeCity}}