ตลาดรถเอนกประสงค์ 7 ที่นั่งขนาดเล็ก หรือที่เรียกกันว่ามินิ เอ็มพีวีนั้น  มีขนาดของตลาดประมาณ 3.2 หมื่นคันในปี 2562 ที่ผ่านมา โดยมีผู้เล่นในตลาด 4 บริษัท ที่ทำตลาดรถของพวกเขาจำนวน 6 รุ่น แต่นั่นคือตัวเลขของปีที่แล้ว เพราะในปีนี้ จำนวนรุ่นนั้นเพิ่มเป็น 8 รุ่นที่ทำตลาด หากนับจนถึงปัจจุบัน

ผู้นำอันดับหนึ่งของปีที่ผ่านมาแบบไร้คู่แข่ง ได้แก่ 2019 Mitsubishi Xpander (2019 มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์) ที่เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ และทำยอดขายในปีก่อนไปมากกว่า 1.6 หมื่นคัน หรือคิดเป็นมากกว่า 50% ของตลาด ปล่อยให้น้องใหม่อีกรายอย่าง Suzuki Ertiga มองตาปริบ ๆ 

เปิดมาในช่วงต้นปีนี้ ซูซูกิจึงส่ง 2020 Suzuki Ertiga (2020 ซูซูกิ เออร์ทิก้า) เวอร์ชั่นปรับโฉมเข้ามาทำตลาดเพื่อหวังแย่งชิงยอดจำหน่ายมาบ้าง ขณะเดียวกัน ทั้ง 2 ค่ายต่างก็ปล่อยตัวยกสูงสำหรับลุยได้เพิ่มขึ้นออกมาทำตลาด ตามที่เราเคยทำบทความเปรียบเทียบไปก่อนหน้า ก็อย่าลืมกลับไปติดตามอ่านกันได้อีกครั้ง

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์นั้น มาด้วยรูปลักษณ์ที่โดดเด่น ขนาดของตัวถังโอ่โถง แม้จะไม่ได้โดดเด่นในด้านอื่น ๆ แต่ก็โดนใจผู้บริโภคในประเทศไทยเป็นอย่างมาก ปล่อยให้ ซูซูกิ เออร์ทิก้า ที่มาพร้อมการพัฒนาบนพื้นฐานฮาร์ทเทค ต้องเสียเวลาอีกพักใหญ่ ๆ กว่าจะปรับตัวเพิ่มของเล่นตามมาได้ทันในปีนี้

และเชื่อกันว่าในปี 2563 ตลาดเอ็มพีวีก็จะถูกรันวงการโดยคู่แข่งสายตรงคู่นี้ ที่มีราคาจำหน่ายต่างกันหลักแสนบาท เรียกว่าตัวท็อปของค่ายหนึ่ง ราคายังไม่ถึงตัวล่างของอีกค่ายเลยด้วยซ้ำ แต่ใครจะน่าสนใจกว่าด้วยระดับราคาที่ยังพอจับต้องได้ทั้งคู่ เรามาร่วมหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันเลย

ตัวถังภายนอกต่างขนาดกัน

ซูซูกิ เออร์ทิก้า มาพร้อมขนาดตัวถังกว้าง 1,735 มิลลิเมตร ยาว 4,395 มิลลิเมตร และสูง 1,690 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อ 2,740 มิลลิเมตร พร้อมระยะต่ำสุดถึงพื้น 180 มิลลิเมตร ในทุกรุ่นย่อย

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ มาพร้อมมิติตัวถังกว้าง 1,750 มิลลิเมตร ยาว 4,475 มิลลิเมตรและสูง 1,700 มิลลิเมตร โดยมีระยะฐานล้อ 2,775 มิลลิเมตร และระยะต่ำสุดถึงพื้น 200 – 205 มิลลิเมตร แล้วแต่รุ่นย่อย

โดยรวมแล้วเอ็กซ์แพนเดอร์กว้างกว่า 15 มิลลิเมตร ยาว 80 มิลลิเมตร และสูงกว่า 10 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อที่ยาวกว่า 35 มิลลิเมตร แถมยังมีระยะใต้ท้องรถที่สูงกว่า 20-25 มิลลิเมตร เรียกว่าเหนือกว่าทุกมิติ

การออกแบบภายนอกและอุปกรณ์

เอ็กซ์แพนเดอร์มาพร้อมการตกแต่งแนวสปอร์ต ด้วยการออกแบบด้านหน้าแบบไดนามิก ชิลด์ ที่เน้นการออกแบบกระจังหน้าและกรอบโคมไฟหน้าอันโดดเด่น มาพร้อม ชุดไฟหน้ามาพร้อมไฟหรี่แบบแอลอีดี ไฟหน้า มัลติรีเฟลกเตอร์ แบบฮาโลเจน ไฟตัดหมอกคู่หน้า ไฟหรี่และไฟเบรกดวงที่ 3 

ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว กระจกบังลมหน้าแบบลดเสียงรบกวน ติดตั้งสปอยเลอร์หลัง กระจกมองข้าง พร้อมไฟเลี้ยวแอลอีดีในตัว ปรับและพับด้วยไฟฟ้า มือเปิดประตูและคิ้วขอบหน้าต่างแบบโครเมียม แผงกันกระแทก การ์ดกันชนหน้า–หลัง และคิ้วชายล่างด้านข้างสีเงิน ระบบปัดน้ำฝนพร้อมระบบไล่ฝ้า

ภายนอกของซูซูกิ เออร์ทิก้า มาพร้อมกับการออกแบบแนวอนุรักษ์นิยมมากกว่า ในรูปแบบของรถยนต์แบบครอบครัว โดยในรุ่นปรับโฉมประจำปีล่าสุด มาพร้อมล้ออัลลอย ขนาด 15 นิ้ว ลายใหม่ สีทูโทน พร้อมการติดตั้งระบบไล่ฝ้าบนกระจกบังลมหลัง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน

กระจังหน้าแบบโครเมียมเพิ่มความหรูหรา ดูลงตัวกับมือเปิดประตูและคิ้วฝาท้ายตกแต่งด้วยโครเมียม ไฟหน้าโปรเจคเตอร์เลนส์แบบฮาโลเจน ไฟตัดหมอกคู่หน้า ไฟท้ายและไฟเบรกดวงที่ 3 แบบแอลอีดี  กระจกสีตัดแสง กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ พร้อมไฟเลี้ยวในตัว ปรับและพับด้วยไฟฟ้า

การออกแบบภายนอกนั้น ต้องบอกว่าแล้วแต่คนชอบ หากเป็นพ่อบ้านแม่บ้านสายไม่หวือหวา ก็อาจจะมองว่าเออร์ทิก้าใช้งานได้แบบยาวนานกว่า แต่หากต้องการความโดดเด่นบนท้องถนน แน่นอนว่า ณ เวลานี้ ไม่มีใครหน้าตาดุดันและโฉบเฉี่ยวไปกว่าเอ็กซ์แพนเดอร์อีกแล้ว ก็ต้องแล้วแต่ชอบได้เลย

ห้องโดยสารภายในที่กว้างขวาง

ความกว้างขวางโอ่อ่าคือจุดขายที่สำคัญของรถยนต์กลุ่มนี้อยู่แล้ว และทั้งเออร์ทิก้าและเอ็กซ์แพนเดอร์ต่างก็มาพร้อมห้องโดยสารที่น่าใช้งาน มีความโอ่อ่า แถมด้วยความสามารถในการปรับแต่งห้องโดยสารที่เหมาะสมกับการใช้งานหลายรูปแบบ และต่างก็มาพร้อมที่นั่ง 7 ตำแหน่งเหมือนกัน

เออร์ทิก้านั้นมาพร้อมการเปลี่ยนแปลงหลายจุดในห้องโดยสารภายใน ด้วยการเพิ่มที่รองศีรษะตรงกลาง สำหรับเบาะนั่งแถวที่ 2 เปลี่ยนระบบปรับอากาศ เป็นแบบอัตโนมัติ พร้อมหน้าจอแสดงผลดิจิตอล และเพิ่มหน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส ขนาด 10 นิ้ว และกล้องมองภาพขณะถอยจอด

ภายในห้องโดยสาร ตกแต่งด้วยโทนสีดำ แดชบอร์ดหน้าและ แผงประตูตกแต่งด้วยวัสดุลายไม้ ที่วางแก้วน้ำรอบคัน 8 ตำแหน่ง กล่องเก็บของอเนกประสงค์ใต้ที่เก็บสัมภาระด้านท้าย ระบบกุญแจ พร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ให้บรรยากาศที่ดูลงตัวกับการใช้งาน

ขณะที่ภายในของเอ็กซ์แพนเดอร์ก็มาพร้อมกับการตกแต่งโทนสสีดำเช่นเดียวกัน พร้อมตกแต่งด้วยลายคาร์บอนเมทัลลิคและสีดำเงา กระจกหน้าต่างไฟฟ้า พวงมาลัยหุ้มหนังแบบปรับได้ 4 ทิศทาง พร้อมปุ่มควบคุมการใช้งานระบบต่าง ๆ บนพวงมาลัย หัวเกียร์และเบรกมือ หุ้มด้วยหนัง

ระบบกุญแจสมาร์ทคีย์ พร้อมระบบเซ็นทรัลล็อค มาพร้อมปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ ระบบปรับอากาศแบบธรรมดาเป็นสวิตช์หมุนควบคุม 3 ปุ่ม ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง พร้อมสวิตซ์ปรับแรงลมแยกส่วน และที่โดนบ่นกันเยอะ ๆ หน่อยก็คือหน้าจอเครื่องเสียงที่ดูออกแนวย้อนยุคกันไปสักนิด

เครื่องยนต์แนวเรื่อย ๆ เฉื่อยพอกัน

มิตซูบิชิ เอ็กซ์แพนเดอร์ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมวาล์วแปรผันไมเวค ความจุ 1,499 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 141 นิวตันเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ขับเคลื่อนด้วยล้อหน้า 

เครื่องยนต์รองรับเชื้อเพลิงสูงสุด แก๊สโซฮอล์ อี20 การควบคุมรถเป็นหน้าที่ของพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าอีพีเอส มาพร้อมระบบเบรกคู่หน้าแบบดิสก์ และคู่หลังแบบดรัม ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแมคเฟอร์สัน สตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลงและเหล็กค้ำหัวโช็ค ช่วงล่างด้านหลังเป็นทอร์ชั่นบีม

ซูซูกิ เออร์ทิก้านั้น มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 16 วาล์ว หัวฉีดมัลติพอยท์ ปริมาตรกระบอกสูบ 1,462 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 105 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 138 นิวตันเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ ส่งกำลังลงระบบขับเคลื่อนล้อหน้า

การออกแบบบนแพลตฟอร์มฮาร์ทเทค ช่วงล่างด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท พร้อมคอยล์สปริง ช่วงล่างด้านหลังแบบทอร์ชั่น บีม พร้อมคอยล์สปริง ด้านหน้าเป็นระบบเบรกแบบดิสก์เบรก พร้อมช่องระบายความร้อน ระบบเบรกด้านหลังเป็นแบบดรัมเบรก แบบฝักนำและฝักตาม

การตอบสนองของเครื่องยนต์ทั้ง 2 รุ่นนั้น ไม่ได้ออกแนวหวือหวาปรู๊ดปร๊าด แต่เน้นการใช้งานแบบเรื่อย ๆ สบาย ๆ สายชิลล์เป็นหลัก ช่วงล่างเองนั้นก็ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในเมืองเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่เหมาะที่จะไปลุยป่าฝ่าเขากันมากมาย ใครที่จะเลือกซื้อก็อย่าลืมคิดเรื่องนี้กันด้วย

ระบบความปลอดภัยแบบพอเพียง

มีให้ใช้แต่ไม่ได้มาก น่าจะเป็นคำจำกัดความที่ดีที่สุดสำหรับระบบความปลอดภัยของรถทั้ง 2 รุ่นนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามราคาจำหน่ายของรถ และเป้าหมายในการออกแบบเพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันเป็นหลัก ซึ่งก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากคู่แข่งรายอื่น ๆ ในเซกเมนต์นี้กันสักเท่าไหร่หรอกนะ

เออร์ทิก้ามาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบช่วยออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน จุดยึดเบาะนั่งเด็ก ISOFIX กุญแจอิมโมบิไลเซอร์ พร้อมสัญญาณกันขโมย และสัญญาณกะระยะด้านหลัง 2 ตำแหน่ง

เอ็กซ์แพนเดอร์เองมาพร้อมถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ระบบกระจายแรงเบรก ระบบเสริมแรงเบรก ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ระบบป้องกันการลื่นไถล ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน ระบบไฟฉุกเฉินเมื่อเบรกกะทันหัน พร้อมกล้องมองภาพขณะถอยจอด

เลือกคันที่ใช้ตามที่ชอบได้เลย

สิ่งที่แตกต่างกันมากที่สุดของรถ 2 คันนี้ น่าจะเป็นภาพลักษณ์ของรถที่มีความแตกต่างกันออกไป Mitsubishi Xpander นั้น มาพร้อมกับรูปร่างหน้าตาที่โฉบเฉี่ยว ให้ความรู้สึกแนวสปอร์ตมากกว่า Suzuki Ertiga ที่มีภาพของความเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัวติดแน่นฝังลึกมามากกว่า

นอกจากนี้ ราคาจำหน่ายก็มีความแตกต่างกันมากเช่นกัน โดยเออร์ทิก้านั้น เปิดตัวใน 2 รุ่นย่อย สนนราคา 6.59 และ 7.25 แสนบาท ขณะที่เอ็กซ์แพนเดอร์นั้น วางราคาจำหน่ายที่ 7.79 และ 8.49 แสนบาท จะบอกว่าต้องการกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันไปคนละกลุ่มก็น่าจะพอบอกแบบนั้นได้

เพราะฉะนั้น หากต้องการที่จะเลือกคบหาสมาคมรถคันไหนก็ตาม ก็ต้องดูความต้องการของตัวเองในเรื่องภาพลักษณ์ จากนั้นก็เปิดกระเป๋าดูเงินในกระเป๋าประกอบกันไป เพราะอย่างที่บอกว่าเรื่องการขับขี่ไม่ได้แตกต่างมาก ของเล่นก็มีขาด ๆ เกิน ๆ กันไปไม่กี่อย่าง ถ้ารองรับการใช้งานแบบครอบครัว คันไหนก็ได้จริง ๆ