Honda (ฮอนด้า) ยังคงเดินหน้าขยายไลน์สินค้าสำหรับรถยนต์พลังงานลูกผสมไฮบริดต่อไป ภายใต้เทคโนโลนี e:HEV (อี:เอชอีวี) ด้วยการเปิดตัว Honda City Hatchback e:HEV (ฮอนด้า ซิตี้ แฮชท์แบ็ค) ครั้งแรกของโลกในประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ พวกเขาได้เปิดตัวเวอร์ชั่นเครื่องยนต์เทอร์โบในประเทศไทยเป็นครั้งแรกของโลกเช่นเดียวกัน โดยฮอนด้า ซิตี้ แฮชท์แบ็ค มาพร้อมความคาดหวังว่าจะมาแทนความนิยมของแฮชท์แบ็ครุ่นพี่อย่าง Honda Jazz (ฮอนด้า แจ๊ซ) ได้

ตัวรถนั้นก็ถือว่าทำหน้าที่ได้ดี โดยหลังจากแก้ไขปัญหาเรื่องการส่งมอบในช่วงต้นได้ พวกเขาก็มียอดขายพุ่งทะยานจนคว้าแชมป์ของเซกเมนต์มาได้ในช่วงไตรมาสแรกของปี ด้วยส่วนแบ่งตลาด 30% ในกลุ่มซับคอมแพคท์แฮชท์แบ็ค

และไม่ต้องให้ลูกค้ารอนาน ฮอนด้า ประเทศไทย ได้ประกาศเสริมทัพรถยนต์ของพวกเขา ด้วยการเลือกใช้เครื่องยนต์ไฮบริดที่ติดตั้งใน Honda City (ฮอนด้า ซิตี้) เข้ามาทำตลาดเพิ่มเติมเป็นทางเลือกให้กับลูกค้าที่ชื่นชอบเทคโนโลยี

โนริยุกิ ทาคาคุระ ประธานกรรมการบริหารและซีอีโอ บริษัทฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ฮอนด้าได้นำเทคโนโลยีด้านการขับเคลื่อนอันทรงพลัง มาผนวกกับเอกลักษณ์ความเป็นยนตรกรรมสไตล์แฮทช์แบ็กที่สมบูรณ์แบบ 

ไฮไลท์สำหรับรถยนต์รุ่นใหม่

• เครื่องยนต์ไฮบริด Sport Hybrid i-MMD
• กำลังสูงสุดรวม 126 แรงม้า
• ระบบความปลอดภัย Honda Sensing
• เบาะที่นั่งตอนหลังแบบ ULTR 
• ตกแต่งรอบคันในสไตล์ RS

ตัวถังแบบเอนกประสงค์ยกมาจากรุ่นเดิม

ด้วยแนวคิดการออกแบบที่เรียกว่า Energetic Hatchback ฮอนด้า ซิตี้ แฮชท์แบ็ก คือการผสมผสานความโฉบเฉี่ยวของตัวรถแบบซีดาน เข้ากับความเอนกประสงค์ของรถยนต์แฮชท์แบ็ค และมาพร้อมด้วยฟังชั่นส์การใช้งานที่เต็มรูปแบบ 

ความสปอร์ตที่ต่อยอดจากซีดาน พื้นที่ใช้สอยด้านหลังที่กว้างขวางขึ้นจากการออกแบบที่ลงตัว และคงเก็บเบาะที่นั่งแบบอัลตร้าซีท สามารถพับได้เรียบหลายรูปแบบ ให้พื้นที่วางขาที่กว้างกว่าเวอร์ชั่นซีดานแม้จะมีขนาดตัวถังที่เล็กกว่า

มิติตัวถังของรถกว้าง 1,748 มิลลิเมตร ยาว 4,349 มิลลิเมตร สูง 1,488 มิลลิเมตร มีระยะฐานล้อ 2,589 มิลลิเมตร มีระยะสูงสุดจากพื้นถนน 135 มิลลิเมตร โดยมีน้ำหนักอยู่ที่ 1,170 - 1,179 กิโลกรัม คล่องตัวเมื่อใช้งานรถคันนี้ในเมือง

ในรุ่นอี:เอชอีทีที่มาพร้อมการพัฒนาจากรุ่นท็อปอย่าง RS (อาร์เอส) มาพร้อมชุดแต่งสไตล์สปอร์ตรอบคัน กระจังหน้าแบบดำมัน มาพร้อมกันชนหน้าและกันชนหลังแบบสปอร์ต ไฟหน้าแบบแอลอีดี พร้อมระบบเปิด-ปิดอัตโนมัติ

ติดตั้งไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันและไฟตัดหมอก กระจกมองข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยวในตัว สปอยเลอร์หลังตกแต่งสีดำ ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตขนาด 16 นิ้ว กระจังหน้าแบบดำเงาพร้อมโลโก้ฮอนด้าสีฟ้าเห็นชัดเจน

ห้องโดยสารโดดเด่น เต็มไปด้วยเทคโนโลยี

ภายในห้องโดยสาสะท้อนความสปอร์ตยิ่งขึ้นด้วยเบาะหนังกลับดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยแถบสีแดง หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ พร้อมมาตรวัดเรืองแสงสีแดง และมาพร้อมสีแดงอิกไนต์ เฉพาะรุ่นอาร์เอสเท่านั้นที่จะได้ครอบครอง 

ในรุ่นท็อปนั้นก็จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือด้านการขับขี่และความปลอดภัยเพิ่มเติมมากมาย ยกตัวอย่างเช่น ม่านนิรภัยอีก 2 ตำแหน่ง ทำให้รถคันนี้มีถุงลมมากถึง 6 ตำแหน่ง ลำโพงติดรถสำหรับเครื่องเสียงเพิ่มเป็น 8 ตำแหน่ง

พร้อมกับการติดตั้งระบบ Honda CONNECT ทำงานผ่านสมาร์ทโฟนในการสั่งการทำงานระบบล็อคของรถยนต์ สั่งสตาร์ทรถยนต์ เปิดสัญญาณไฟ รวมถึงการแสดงพิกัดตัวรถเพื่อค้นหารถได้ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่มีเพิ่มเข้ามา

นอกจากนี้ ยังมาพร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย เปลี่ยนมาตรวัดเรืองแสงออพตริตรอนเป็นสีแดง ที่ออกแบบมาเพื่อเน้นความสปอร์ตให้กับรถคันนี้ และมีฟังชั่นส์การใช้งานอย่างครบครัน

เพิ่มความสะดวกสบายในห้องโดยสารด้วยช่องชาร์จไฟ 12 โวลต์ 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง กระจกแต่งหน้าสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และที่วางแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้ว เรียกว่าไม่ต้องไปแย่งชิงกันในการใช้งานรถ

เครื่องยนต์ไฮบริดทั้งแรงและรักษ์โลก

ฮอนด้ามีความมุ่งมั่นในการเป็นมิตรกับโลของเราอย่างเต็มเปี่ยม แะลฟูลไฮบริดรุ่นแรกของเซกเมนต์นี้ ก็มาพร้อมการปล่อยไอเสียเพียง 86 กรัมต่อกิโลเมตร และประหยัดเชื้อเพลิง 27 กิโลเมตรต่อลิตร ที่เหนือกว่าคู่แข่งเกือบทั้งหมด

เป็นผลมาจากการจับคู่การทำงานของเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร แอทคินสัน ไซเคิล ที่ทำงานกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ได้แก่ มอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับการปั่นพลังงานไฟฟ้าไปเก็บที่แบตเตอรี่ลิเธียมไอออน และมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับการขับเคลื่อน

การส่งกำลังเป็นหน้าที่ของเกียร์อัตโนมัติซีวีทีที่พัฒนาสำหรับรถไฟฟ้า ที่ฮอนด้าเรียกว่า อี-ซีวีที โดยเครื่องยนต์นั้นให้กำลังสูงสุด 98 แรงม้า ที่ 5,600-6,400 รอบต่อนาที พร้อมแรงบิดสูงสุด 127 นิวตันเมตรที่ 4,500-5,000 รอบต่อนาที 

ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้าให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 3,500-8,000 รอบต่อนาที พร้อมด้วยแรงบิดสูงสุด 253 นิวตันเมตรที่ 0-3,000 รอบต่อนาที รวมกำลังของเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าเข้าด้วยกัน จะให้กำลังสูงสุด 126 แรงม้า 

การขับขี่ส่วนใหญ่จะใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนเป็นหลัก ยกเว้นแต่ในกรณีที่มีการเร่งความเร็วหรือการขับขี่ที่ความเร็วสูง จะตัดการทำงานผ่านคลัตช์ให้ส่งกำลังจากเครื่องยนต์ไปที่ล้อ ช่วยให้เครื่องยนต์เดินเงียบและประหยัดเชื้อเพลิง

อ่านเพิ่มเติม: Review 2021 Honda City e:HEV อีโคคาร์ตัวท็อป 8.39 แสนบาท หวังคว่ำ Mazda 2 ดีเซล

ติดตั้ง Honda Sensing ขีดสุดด้านความปลอดภัย

ฮอนด้าได้ติดตั้ง Honda Sensing ระบบความปลอดภัยสูงสุด ที่มาพร้อมกล้องด้านหน้าสามารถจับภาพมุมกว้างระยะไกลได้ และมาพร้อมระบบช่วยเหลือด้านการขับขี่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก 

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ และระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ พร้อมระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน 

ระบบเบรกมือไฟฟ้า พร้อมระบบ Brake Hold อัตโนมัติ ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ ถุงลม 6 ตำแหน่ง และกล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ ระบบป้องกันล้อล็อก และระบบกระจายแรงเบรก 

ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน และฮอนด้า คอนเนค ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถสื่อสารกับรถได้ผ่านแอพพลิเคชั่นผ่านโทรศัพท์

พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์ ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย การสั่งการทำได้ผ่านหน้าจอขนาด 8 นิ้ว ที่รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และการสั่งงานด้วยเสียง

รับประกันอย่างนานสร้างความมั่นใจสูงสุด

ฮอนด้ายังสร้างความมั่นใจให้แก่ลูกค้า ฮอนด้า ซิตี้ อี:เอชอีวี ด้วยการให้การรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ถึง 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง ซึ่งถือว่าเทียบเท่ากับที่ให้ในรถยนต์รุ่นก่อนหน้านี้ทั้งหมด 

พร้อมโปรแกรมการให้บริการพิเศษ ขยายการรับประกันคุณภาพรถยนต์ใหม่โดยเพิ่มระยะเวลาอีก 2 ปี หรือระยะทาง 4 หมื่นกิโลเมตร สูงสุด 5 ปี หรือ 1.4 แสนกิโลเมตร อีกทั้งฟรีค่าแรงในการเช็คระยะเป็นเวลา 5 ปี หรือ 1 แสนกิโลเมตร

และสำหรับผู้ที่จอง Honda City Hatchback e:HEV วันนี้ รับข้อเสนอพิเศษ ดอกเบี้ย 2.99% พร้อมฟรีประกันภัย 1 ปี ใครจองก่อนสิ้นเดือนกรกฎาคม 2564 รับฟรีหูฟัง Skullcandy True Wireless Earbuds มูลค่า 3,590 บาท

อ่านเพิ่มเติม: Honda เพิ่ม Honda City Hatchback ค่าตัว 5.99-7.49 แสนบาท ครั้งแรกในโลก พร้อม e:HEV ในไทย ค่าตัว 8.39 แสนบาท