สรุปคร่าว ๆ นั้น ต้องบอกว่าเกียเองมีการพัฒนารถยนต์เอนกประสงค์ขนาดใหญ่ของพวกเขาที่ปกติก็น่าใช้งานดีอยู่แล้ว ให้สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ด้วยการติดตั้งอุปกรณ์จำนวนมากเข้าไปในรถ ขณะเดียวกัน ตัวรถเองก็ยังตอบสนองได้ดีทั้งเรื่องของการขับขี่ในสภาวะต่าง ๆ และความประหยัดที่ยังเหนือชั้น
แน่นอนล่ะว่าเรายังไม่แนะนำให้คุณขนผู้โดยสารไปไหน 11 ที่นั่งเหมือนเดิม แม้ว่าเกียจะพยายามโชว์ความเหนือชั้นด้านนี้ขนาดไหนก็ตาม เอาเป็นว่าเก็บพื้นที่ตอนท้ายพับเรียบไว้ขนของต่อไป แล้วพาครอบครัว 8 ชีวิตไปไหนไปกันบนรถที่ให้ทั้งความสบายและความสนุกไปพร้อม ๆ กัน ทั้งตำแหน่งผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั่วทั้งคันรถ
ราคาจำหน่าย 2021 Kia Carnival |
Kia Carnival EX |
2.144 ล้านบาท |
Kia Carnival SXL*** |
2.459 ล้านบาท |
Highlight การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในรุ่นนี้
- รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบสปอร์ตเร้าใจ
- ห้องโดยสารภายในรองรับถึง 11 ที่นั่ง
- เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร แรงและประหยัด
- เทคโนโลยีความปลอดภัยยุคใหม่เหนือชั้น
- อุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ปรับมาดีขึ้น
รูปลักษณ์ภายนอกที่สปอร์ตกว่าใครในคลาส
การออกแบบรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่ให้มีความสวยงามและลงตัวนั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ถ้าไม่เชื่อลองถามคู่แข่งของคาร์นิวัลอย่าง Hyundai Grand Starex (ฮุนได แกรนด์ สตาร์เร็กซ์) หรือ Toyota Majesty (โตโยต้า มาเจสตี้) ดูก็ได้ แต่กับเกียแล้ว พวกเขาดูมีความชำนาญในการออกแบบรถกลุ่มนี้เพื่อให้ได้รูปลักษณ์ที่ไม่ใหญ่โตเทอะทะมาก่อน
ในเจนเนอเรชั่นที่ 3 นั้น มีการออกแบบรถให้มีความสูงไม่มาก แต่ก็ยังมีภาพลักษณ์แบบกลม ๆ ป่อง ๆ อยู่ ทำให้ตัวรถดูไม่ค่อยสปอร์ตเท่าไหร่ มาในเจนเนอเรชั่นนี้ ทีมออกแบบเลยจัดเต็ม เลือกใช้การออกแบบที่เน้นเส้นสายแบบเรขาคณิต เน้นความคมชัดในการออกแบบทั่วทั้งคัน เพื่อยกระดับให้รถคันนี้สปอร์ตเหนือคู่แข่งไปอีกขั้น
ถ้ามองเข้าไปที่ด้านหน้าของรถจะพบว่าสัดส่วนในการออกแบบของรถนั้นเปลี่ยนไป พื้นที่ของกระจังหน้ามีขนาดใหญ่ขึ้น เปลี่ยนไฟด้านหน้าเป็นเส้นพาด ผสมกับโคมไฟขนาดเล็กที่ดูมีดีไซน์มากขึ้น มุมหน้าล้อออกแบบให้สั้นลง พร้อมสัดส่วนของฝากระโปรงหน้าที่ยาวกว่าเดิม ส่งผลให้มุมของกระจกบังลมนั้นตั้งชันขึ้นมาด้วย
กระจังหน้าแบบจมูกเสือที่เพิ่มลูกเล่นการออกด้วยขอบกระจังแบบหยัก ออกแบบเป็นชิ้นเดียวกับไฟหน้าแบบแอลอีดีและไฟส่องสว่างเวลากลางวันอย่างลงตัว หลังคาแบบลอยตัวซ่อนเสาหลังคาทั้งหมดเอาไว้ และมีการติดตั้งแร็คหลังคาดีไซน์สปอร์ตแบบลอยตัวมาให้ในรุ่นท็อป ซึ่งถือเป็นส่วนที่สวยงามมากที่สุดอีกจุดของรถ
ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ประตูสไลด์ด้านข้าง 2 บานเป็นเอกลักษณ์ พร้อมด้วยแถบสีเงินที่ด้านหลังแถวตำแหน่งเสาซีดูเป็นจุดตัดสายตา ไฟท้ายในประเทศไทยเป็นหลอดคู่เล็ก ๆ พร้อมแผงทับทิบพาดยาวที่ด้านท้ายรถ พร้อมด้วยบานประตูหลังขนาดใหญ่ โดยรวมความแล้วถือว่าเป็นรถที่มีความสปอร์ตขึ้นพอสมควร
มิติตัวถัง 2021 Kia Carnival |
กว้าง |
1,995 มิลลิเมตร |
ยาว |
5,155 มิลลิเมตร |
สูง |
1,775 มิลลิเมตร |
ระยะฐานล้อ |
3,090 มิลลิเมตร |
ห้องโดยสารที่โอ่อ่าและเต็มไปด้วยฟังชั่นส์
เปิดประตูสไลด์ด้วยวิธีที่หลากหลายเข้ามาในห้องโดยสารของเกีย คาร์นิวัล คุณจะพบกับความหรูหราที่เพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม แม้หลัก ๆ จะเป็นห้องโดยสาร 11 ที่นั่งที่วางรูปแบบเก้าอี้แบบ 2+3+3+3 เหมือนรุ่นที่ผ่านมา แต่ก็มีการปรับรายละเอียดของการออกแบบในตำแหน่งต่าง ๆ ให้มีความสปอร์ตเพิ่มขึ้นตามรูปลักษณ์ภายนอกเหมือนกัน
ไฮไลท์ของการเปลี่ยนแปลงอยู่ที่ตำแหน่งของแผงคอนโซลหน้าที่ออกแบบในแนวยาวไปตลอดทั้งคันรถ ตรงกลางเป็นตำแหน่งของหน้าจอมัลติมีเดียขนาดใหญ่ ที่แบ่งโซนฟังชั่นส์การใช้งานได้อย่างลงตัว ใช้งานงานและสามารถควบคุมได้ด้วยระบบสัมผัส หรือบางฟังชั่นส์ก็สามารถควบคุมได้จากแป้นบนพวงมาลัย เรียกว่าต้องใช้กันให้ชิน
แม้จะเป็นรุ่นท็อปแล้วก็ตาม แต่คาร์นิวัลก็มาพร้อมหน้าจอแสดงผลด้านหลังพวงมาลัยแบบอะนาล็อกผสมดิจิตอล ด้วยมาตรวัดรอบและมาตรบอกความเร็วเป็นแบบเข็มเหมือนเดิม แต่ตรงกลางเพิ่มหน้าจอแสดงผลขนาดเล็ก 4.2 นิ้วแบบทีเอฟทีที่สว่างและให้ข้อมูลได้อย่างชัดเจน แถมเป็นจุดที่ใช้ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ภายในตัวรถด้วย
การเล่นสีของห้องโดยสารยังเป็นการเล่นสีเอิร์ธโทนอย่างเทา ดำ ตัดของด้วยโครเมียม และสีเบาะและจุดที่มือสัมผัสได้ จะเป็นสีน้ำตาลออกเหลือง ๆ เหมือนเดิม เพิ่มเติมคามเก๋ไก๋ในรุ่นท็อปด้วยไฟเรือแสงลายข้าวหลามตัดที่แผงประตู เบาะที่นั่งหนังสีน้ำตาล saddle brown ตัดขอบดำทั้งหมด ซึ่งให้ความสะดวกสบายลดหลั่นกันลงไปตามแต่ละแถว
การปรับเบาะที่นั่งแถวหน้าทำได้อย่างง่ายดายเพราะเป็นระบบไฟฟ้า ขณะที่เบาะ 3 แถวหลังจะเป็นระบบปรับด้วยมือทั้งหมด โดยเบาะแถว 2-3 สามารถปรับเลื่อนเดินหน้าและถอยหลังเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งาน และมีสวิทช์ปรับเบาะผู้โดยสารแถวหน้ามาให้สำหรับผู้โดยสารแถว 2 อีกด้วย เรียกว่าอำนวยความสะดวกกันอย่างเต็มที่
คาร์นิวัลมาพร้อมม่านบังแดดประตูสไลด์และด้านข้างเบาะหลังแถวที่ 3 กระจกมองหลังตัดแสงอัตมัติ พวงมาลัยหุ้มหนังแบบปรับสูง-ต่ำได้ และมีปุ่มควบคุมเครื่องเสียงที่พวงมาลัย ส่วนแป้นกลม ๆ ที่เห็นอยู่แถวที่วางแก้ว อย่าไปคิดว่าเอาไว้ควบคุมอะไรนะ เพราะอันนั้นคือเกียร์แบบหมุนที่ติดตั้งมาให้ในรุ่นท็อปเท่านั้นในประเทศไทย
รถคันนี้มาพร้อมระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแยกโซน ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์และกุญแจอัจฉริยะ สวิทช์ควบคุมระบบปรับอากาศบนหลังคาติดอยู่ที่แถว 2 และมีระบบกรองอากาศ นอกจากนี้ ยังมีระบบบันทึกตำแหน่งเบาะโดยสารของผู้ขับขี่ ที่จะทำการบันทึกตำแหน่งของกระจกมองข้างไปพร้อมกัน ทำให้เปลี่ยนคนขับได้อย่างสะดวก
ความบันเทิงในรถก็เป็นอีกสิ่งที่ขาดไม่ได้ เกีย คาร์นิวัลให้ระบบความบันเทิงครบครัน ประกอบไปด้วยระบบมัลติมีเดีย จอแสดงผลแอลซีดีขนาด 12.3 นิ้ว ระบบเชื่อมต่อไร้สายบลูทูธ รองรับแอนดรอยด์ ออโต้และแอปเปิล คาร์เพลย์ พร้อมด้วยระบบนำทางเนวิเกเตอร์ มีช่องชาร์จไฟแบบยูเอสบีทั้งหมด 6 จุด พร้อมด้วยปลั๊กจ่ายไฟฟ้า 2 จุด
ระบบเสียงกระหึ่มใจด้วยเครื่องเสียงของ Bose พร้อมลำโพง 12 ตำแหน่ง มีระบบทำความเย็นและอุ่นเบาะโดยสารคู่หน้า พร้อมแทบเล็ตที่ติดตั้งหลังเบาะคู่หน้า ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ประตูทั้งซ้ายและขวาเป็นแบบเลื่อนสไลด์ไฟฟ้าพร้อมฝากระโปรงท้ายไฟฟ้าอัจฉริยะ และมีไฮไลท์อยู่ที่ซันรูฟ 2 ตอนที่เปิดแยกกันได้แบบอิสระ
เครื่องยนต์ที่พร้อมรบ และประหยัดเมื่อขับแบบปกติ
เครื่องยนต์เป็นสิ่งเดียวที่รถ 2 รุ่นย่อยของเกีย คาร์นิวัลได้ใช้งานเหมือนกัน โดยจะมาพร้อมกับเครื่องยนที่ใช้เทคโนโลยี Smart Stream New R 2.2 TCI - VGT ตัวเครื่องยนต์เป็นบล็อกดีเซล 4 สูบ ขนาด 2.2 ลิตร ที่ให้พละกำลังสูงสุด 202 แรงม้าที่ 3,800 รอบต่อนาที พร้อมด้วแรงบิดสูงสุด 440 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,750 รอบต่อนาที
อ่านสเปคแล้วหลายคนอาจจะคิดว่าไม่ได้แตกต่างอะไรจากตัวเจนเนอเรชั่นที่ 3 มากนัก เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมโหมดแมนวล โดยสิ่งที่แตกต่างกันก็คือตัวหัวเกียร์ที่ว่า โดยในรุ่นท็อปจะมาพร้อมความหรูหรามากกว่า ด้วยหัวเกียร์แบบหมุน ที่ใช้งานได้อย่างสะดวกเหมือนกันในการใช้งานจริง
เครื่องยนต์ของคาร์นิวัลนั้นเป็นเครื่องยนต์ที่ดูเหมือนจะใช้งานแบบเรื่อย ๆ มาเรียง ๆ ตามแบบของรถยนต์สำหรับครอบครัว ซึ่งถ้าเป็นพวกเท้าไม่หนักมาก ขับรถทางไกลยาว ๆ อาจจะตกใจที่เห็นอัตราสิ้นเปลืองของรถคันนี้อยู่ที่ระดับ 15-16 กิโลเมตรต่อลิตร ซึ่งถือว่าน่าอัศจรรย์สำหรับรถที่หนักขนาดนี้ และแบกผู้โดยสาร-สัมภาระเต็มพิกัด
แต่หากมีความต้องการที่จะใช้งานรถคันนี้ในภาวะฉุกเฉินเร่งด้วย เพียงแค่กดคันเร่งลงไปหนัก ๆ อาการตึงตัวของรถก็จะกลับมาทันที เรียกว่ามีความรู้สึกพร้อมรบบนท้องถนนอย่างเต็มที่ และคุณจะรู้ว่าการควบคุมรถคันใหญ่ที่มีความคล่องตัวอย่างมากหมุดไปตามท้องถนนนั้น ก็เป็นความสนุกสนานในการขับขี่รถยนต์ประเภทหนึ่ง
ช่วงล่างด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สันตรัท คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลังแบบมัลติลิงค์ คอยล์สปริง พร้อมเหล็กกันโคลง โดยมาพร้อมดิสก์เบรก 4 ล้อที่ให้การหยุดรถที่น้ำหนักขนาดนี้ได้ดีกว่า โดยด้านหน้ามาพร้อมครีบระบายความร้อน ส่วนล้อมีขนาด 18 นิ้ว หุ้มยาง 235/60 R18 เป็นล้อและยางมาตรฐานสำหรับทุกรุ่น
จริง ๆ ผมว่ามันเป็นธรรมชาติของเกีย คาร์นิวัลไปแล้วในเรื่องของการขับขี่ที่ดุดัน การตอบสนองของตัวรถที่เรียกว่ามาค่อนข้างไวตามนิสัยของเครื่องยนต์ดีเซล และต้องบอกว่าเกียร์ลูกใหม่นี้ก็ฉลาดใช่ย่อย แถมยังสามารถเลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ด้วยแพดเดิลชิฟท์ที่ติดตั้งเอาไว้หลังพวงมาลัยอีก เรียกว่าใช้งานกันได้ในทุกสภาพแวดล้อมก็ไม่ผิด
ถ้ามีเรื่องที่อยากจะขอเปลี่ยนจริง ๆ ก็คงเป็นเรื่องของล้ออัลลอยที่อยากได้ขนาดใหญ่กว่านี้ และอยากได้ยางที่นุ่มเงียบกว่านี้สักหน่อย เพราะว่าเวลาเอาไปวิ่งทางกรวดหรือทางที่เป็นทางฝุ่น ยังมีอาการของช่วงล่างที่ตึงตังอยู่เล็ก ๆ ไม่มาก แต่ไหน ๆ ทำรถมาเนี๊ยบขนาดนี้แล้ว ก็น่าจะไปให้สุดกันไปข้าง ฝากไว้ให้เกียพิจารณาก็แล้วกัน
รายละเอียดทางเทคนิค |
เครื่องยนต์ |
ดีเซล เทอร์โบ |
ความจุ |
2.2 ลิตร |
กำลังสูงสุด |
202 แรงม้า |
แรงบิดสูงสุด |
440 นิวตัน-เมตร |
ระบบส่งกำลัง |
อัตโนมัติ 8 สปีด |
ช่วงล่างหน้า |
แมคเฟอร์สัน สตรัท |
ช่วงล่างหลัง |
มัลติลิงค์ |
ระบบเบรก |
ดิสก์เบรก 4 ล้อ |
ล้ออัลลอย |
18 นิ้ว ยาง 235/60 |
ระบบเพียบทั้งของเล่นและอุปกรณ์ช่วยชีวิต
สิ่งที่ถือว่าดีขึ้นอย่างน่าประหลาดใจสำหรับ 2021 Kia Carnival ก็คือการเพิ่มอุปกรณ์สำหรับการขับขี่ ที่ให้มาทั้งเรื่องของการอำนวยความสะดวกในการใช้งานรถคันนี้ และการเพิ่มอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยที่มีมาให้อย่างเต็มพิกัด เรียกว่าถ้าเทียบกับคู่แข่งในท้องตลาดไม่มีแพ้ใครหน้าไหน แถมอาจจะอัพไปซัดกับรถยุโรปได้สบาย ๆ
อุปกรณ์มาตรฐานที่ได้มาทั้ง 2 รุ่นย่อยในส่วนของความปลอดภัยก็คือ ถุงลมนิรภัย 7 ตำแหน่ง ที่คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยป้องกันหัวเข่าผู้ขับขี่ ระบบเบรกป้องกันล้อล้อก ระบบกระจายแรงเบรก รวมถึงระบบเสริมแรงเบรก ติดตั้งระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว รวมถึงระบบป้องกันล้อหมุนฟรีมาให้เรียบร้อย
ยังมาพร้อมระบบเบรกมือไฟฟ้า ที่พ่วงระบบ Auto Brake Hold ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน เสริมความปลอดภัยด้วยตัวถังโครงสร้างนิรภัยวัสดุเหล็กกล้า เซ็นเซอร์ช่วยเหลือการจอดด้านหน้าและหลัง กล้องมองรอบทิศทาง ระบบป้องกันประตูสไลด์ไฟฟ้าหนีบ ระบบปลดล็อกเมื่อเกิดการชน และระบบป้องกันฝากระโปรงหนีบ
ในรุ่นท็อปยังแถมระบบครูสคอนโทรลแบบแปรผัน ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาด้านข้าง ระบบแจ้งเตือนและหลีกเลี่ยงการชนขณะถอยหลัง ระบบช่วยควบคุมให้รถอยู่ในช่องจราจร ระบบป้องกันการชนด้านหน้า ระบบแจ้งเตือนมีผู้โดยสารอยู่ด้านหลัง รวมถึงระบบป้องกันการออกจากรถขณะมีรถวิ่งมาด้านข้าง เรียกว่าจัดมาเต็มที่
ไฮไลท์ของอุปกรณ์ต่าง ๆ นั้นอยู่ที่ระบบประตูสไลด์ด้านข้างที่แสนชาญฉลาด สามารถเปิดได้เองโดยที่คุณไม่ต้องควักกระเป๋าหยิบกุญแจมากดรีโมตเหมือนเมื่อก่อน เพียงแต่อาจจะต้องมีเงื่อนไขในการใช้งานสักเล็กน้อยหากต้องการโชว์ระบบนี้ให้คนอื่นดู เรามีรายละเอียดเงื่อนไขให้ชมกันได้ในวีดีโอที่อยู่ด้านล่างของบทความนี้
ขณะที่ประตูบานท้ายแบบอัตโนมัติก็มีการย้ายเซนเซอร์ไปไว้ที่ตำแหน่งตรงกลางฝากระโปรงด้านท้าย ที่มีความเหมาะสมมากกว่าในรุ่นเดิมที่ติดไว้ที่มุมรถด้านท้าย มาพร้อมระบบปิดแบบอัตโนมัติ และคุณเลือกใช้งานวันทัชรีโมต ที่สามารถตั้งค่าได้ว่าจะให้เปิดประตูหรือฝาท้ายที่ตำแหน่งใดจากการกดรีโมตค้างไว้เพียงครั้งเดียวก็ได้นะ
เอาจริง ๆ ต้องบอกว่าระบบและอุปกรณ์ที่ติดตั้งเพิ่มขึ้นมาในรถคันนี้ ทำให้รถเองมีความน่าใช้งานอย่างจริงจังในฐานะเอ็มพีวีขนาดใหญ่ของครอบครัว ซึ่งเกียเองก็ทำการบ้านมาค่อนข้างมากว่าลูกค้าของเขานั้นต้องการอะไร และทำให้ได้รถที่มีบาลานซ์ระหว่างการใช้งานได้อย่างสนุกสนาน ตอบสนองความต้องการได้ทุกด้านเลยก็เป็นการกล่าวที่ไม่ผิด
ตัวเลือกที่ดีสำหรับครอบครัวไปไหนไปกัน
ถ้าคุณมีเงิน 2 ล้านกว่าบาทและต้องการรถยนต์สำหรับครอบครัวระดับ 7-8 คน พร้อมที่วางสัมภาระขนาดใหญ่สำหรับทุกคน เพื่อการเดินทางไปไหนมาไหนกันทุกที่ ตัวเลือกของคุณในตลาดนั้นมีไม่มาก หากไม่ไปที่รถตู้ที่มีให้เลือกมากมายหลายยี่ห้อ กลุ่มรถที่เป็นฟูลไซส์เอ็มพีวีในตลาดประเทศไทยก็มีให้เลือกอยู่ไม่กี่ยี่ห้อเหมือนกัน
2021 Kia Carnival ยังคงรักษาเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของตัวเองเอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง ถ้าถามว่าอะไรที่พวกเขาชนะคู่แข่งแบบขาดลอย ก็คงจะเป็นการจัดการห้องโดยสารภายในของพวกเขาเอง ที่ให้พื้นที่การใช้งานที่หลากหลายกว่า และรองรับความต้องการของการใช้งานแบบครอบครัวได้เหนือกว่าคู่แข่งทุกรายอย่างเห็นได้ชัด
การเดินเข้า-ออกห้องโดยสารของรถนั้น ไม่ได้แตกต่างอะไรจากการเดินเข้าออกรถยนต์นั่งสักคัน ด้วยพื้นห้องโดยสารที่ไม่สูงมาก เด็กและผู้ใหญ่สามารถขึ้น-ลงรถได้อย่างสบาย เบาะแถว 2 และ 3 สามารถพับเบาะตรงกลางลง เพื่อให้ผู้โดยสารเดินทะลุไปตลอดทั้งคันรถได้อย่างสะดวก แม้เบาะแถว 4 จะไม่แนะนำให้นั่งก็ตาม
การทำให้เบาะแถวที่ 4 สามารถพับได้เรียบอย่างสวยงามและกลายเป็นห้องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ที่รองรับการขนสมบัติมากมายสำหรับการเดินทางทั้งครอบครัว น่าจะเป็นจุดขายมาโดยตลอด และยังเป็นจุดขายที่ดีอยู่ เมื่อเทียบกับรถของคู่แข่ง ที่ถ้าไม่ถอดเบาะแถว 4 เก็บ ก็จะกินพื้นที่ในห้องโดยสารจนดูเกะกะอยู่ดี
มองข้ามไปที่เรื่องของเครื่องยนต์ อย่างที่บอกไปด้านบนแล้วก็คือเครื่องยนต์ดีเซลที่ติดตั้งมานั้น ประหยัดมากในการขับขี่แบบธรรมดา และซิ่งได้อย่างเอาเรื่องเวลาที่คุณต้องการรีดเค้นสมรรถนะของมันออกมา โดยที่เกียร์นั้นทำงานอย่างชาญฉลาด พร้อมด้วยระบบเบรกที่คุณสามารถไว้วางใจได้ว่าเอาอยู่ในทุกสภาพการขับขี่
ระบบที่ให้มาเพียบทั้งคันนั้นก็ทำงานได้อย่างดี มีความไวของเซนเซอร์รอบตัวในระดับที่เหมาะสม แม้บางทีจะมีอาการไวไปเล็กน้อย ก่อให้เกิดเสียงเตือนจากผู้โดยสารที่แอบวิตกกังวลหน่อย ๆ แต่เอาจริง ๆ โดยส่วนตัวก็ชอบระบบที่เตือนไวอยู่แล้ว หากไม่ต้องการใช้งานหรือรู้สึกว่ารบกวน ระบบเหล่านี้ก็สามารถปิดการใช้งานได้ชั่วคราวทั้งหมด
เอาเป็นว่าถ้าคุณไม่ได้มีปัญหากับเรื่องของศูนย์บริการที่อาจจะไม่ได้มีมากมายในประเทศไทย และคิดว่าพอจะจัดการตัวเองในเรื่องการเข้ารับบริการได้ และมีความสามารถในการจับจ่าย นี่คือรถที่เหมาะสมสำหรับการใช้งานแบบครอบครัว ขับคนเดียวอาจจะเหงาหน่อย เพราะรถมันใหญ่เหลือเกิน แต่ไปไหนกันยกครัวเพลิน ๆ นี่เหมาะเลย!!!
คู่แข่งที่น่าจับตา: Hyundai H-1 และ Hyundai Grand Starex
ก็ในเมื่อ Hyundau Staria (ฮุนได สตาเรีย) ยังไม่มีกำหนดเปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ คู่แข่งสายตรงที่ขายมายาวนานอย่างรถตู้และเอ็มพีวีจากเพื่อนร่วมชาติอย่างฮุนได ก็เลยเป็นคู่แข่งสายตรง โดยรถตู้ของค่ายนี้มีทางเลือกหลากหลายสนนราคาตั้งแต่ 1.329 ล้านบาทไปจนถึงรถกลุ่มวีไอพีที่ขายกัน 2.349 ล้านบาท สามารถเลือกใช้งานได้ตามความต้องการ แถมแว่วมาว่าถ้าซื้อหาตอนนี้นี่ แคมเปญโปรโมชั่นเพียบ
คู่แข่งที่น่าจับตา: Toyota Majesty
โตโยต้า มาเจสตี้ คือการนำรถตู้โดยสารอย่าง Toyota Commuter มาปรับให้มีความหรูหราโดดเด่นมากขึ้น และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ที่ต้องการใช้รถในรูปแบบของรถเอ็มพีวีขนาดใหญ่ ที่รองรับผู้โดยสารได้หลากหลาย และยังมีหลาายออพชั่นให้เลือกด้วยสนนราคาตั้งแต่ 1.709-2.199 ล้านบาท โดยโครงสร้างพื้นฐานและเครื่องยนต์หยิบยืมมาจาก Toyota Hilux REVO ซึ่งน่าจะได้ใจลูกค้ากลุ่มที่ต้องการความไว้วางใจในการใช้รถทุกวัน