หลังจากที่ให้ฝาแฝดฝั่งกระบะ Ford Ranger (ฟอร์ด เรนเจอร์) เปิดตัววางขายไปก่อนหน้า ด้านคู่หู PPV Ford Everest (ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์) ก็พร้อมจะวางจำหน่ายกันแล้วในเร็ว ๆ นี้
โดยเราจะมากางสเปคกันให้ดูว่าทั้ง 4 รุ่นมีอะไรมาให้บ้าง และรุ่นไหนเหมาะกับใคร
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
Ford Everest 2.0L Turbo Trend
เริ่มกันที่รุ่นแรกสุดที่มาใหม่กับรุ่น Trend ที่จะมาพร้อมเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 2.0 ลิตร เทอร์โบเดี่ยว 170 แรงม้า แรงบิด 405 นิวตันเมตร เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อน 2 ล้อเลือกการขับขี่ได้ 4 รูปแบบ
โดยสิ่งที่จะมีมาให้คือ
- ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/65 R18
- ไฟหน้า LED Reflector
- ไฟ Daytime Running Light, ไฟตัดหมอก, ไฟท้าย แบบ LED
- ราวหลังคาและบันไดข้างสีดำ
- กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลียว
- มือจับนอกและกระจกข้างสีเดียวกับตัวรถ
อ่านเพิ่มเติม ลองขับ 2022 Ford Everest พี่ใหญ่ปรับใหม่ ครบครันคุ้มค่าตัว 1.854 ล้าน
- หน้าปัดจอสีขนาด 8 นิ้ว
- กุญแจรีโมทและ Push Start
- กระจกแบบ one touch เฉพาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
- กระจกมองหลังแบบปรับลดแสง
- แอร์หลังพร้อมสวิทช์ควบคุม
- เบาะหนังและหนังสังเคราะห์สีดำ
- เบาะนั่งปรับไฟฟ้า 8 ทิศทางเฉพาะคนขับ
- เบาะนั่งแถว 2 ปรับเอนและเลื่อนตำแหน่งได้
- เบาะแถว 3 พับได้
- แผงบังแดดหน้าพร้อมที่เสียบนามบัตรด้านคนขับ และกระจกสำหรับผู้โดยสาร
- ไฟอ่านแผนที่และช่องเก็บแว่นตา
- ช่องต่อไฟ 12V 3 ตำแหน่ง ที่วางแขน, เบาะแถว 2,ที่เก็บสัมภาระ
- แท่นชาร์จไร้สาย
- หน้าจอแสดงผลแบบสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว รองรับ Wireless Apple CarPlay และ Android Auto
- ระบบสั่งการ SYNC 4 ภาษาไทย
- ช่อง USB 2 ตำแหน่งที่คอนโซลหน้า
- ลำโพง 8 ตำแหน่ง
- ถุงลมนิรภัย 7 จุด
- ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
- เซนเซอร์กะระยะหน้า-หลัง
- กล้องมองหลัง
- ระบบ ABS/EBD/ESP/Traction Control/HLA/ROM
- เบรกมือไฟฟ้า
- จุดยึดเบาะ ISOFIX
- สัญญาณกันขโมยและระบบกุญแจนิรภัย
- Cruise Control
Ford Everest 2.0L Turbo Sport
ในรุ่น Sport นั้นจะถือเป็นรุ่นที่ได้รับการตกแต่งเพิ่มขึ้น แต่จะยังใช้เครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบเดี่ยวเดิม พร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดและระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ
สิ่งที่จะได้เพิ่มเข้ามาคือ
- สีน้ำเงิน Blue Lightning
- ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วพร้อมยาง 255/55 R20
- ไฟท้าย LED Signature Light
- ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
- ประตูท้ายเปิด-ปิดแบบแฮนด์ฟรี
- มือจับนอก กระจกมองข้างสีดำเงา
- ชุดแต่งภายนอกสีดำสปอร์ต
- โลโก้ Everest สีดำเงาที่ฝากระโปรงหน้า
- ช่องต่อ USB ที่กระจกมองหลัง
- กระจกมองหลังตัดแสงอัตโนมัติ
- เบาะไฟฟ้า 8 คนขับและผู้โดยสาร
- แอร์แยกอิสระซ้าย-ขวา
- เบาะสีดำลายสปอร์ต
- แผงบังแดดแบบปรับระยะพร้อมไฟส่องทั้งคนขับและผู้โดยสาร
- ชุดแต่งภายในสปอร์ต
- ช่อง USB 4 ตำแหน่ง ที่คอนโซลหน้าและเบาะแถว 2
Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x2
ขยับขึ้นมากับในรุ่น Titanium+ ที่จะใช่เครื่องขนาดเดิมคือ 2.0 ลิตร 4 สูบ แต่ใช้เป็นระบบเทอร์โบคู่ พละกำลังสูงสุด 210 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร เปลี่ยนมาเป็นจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ยังคงเป็นขับ 2 เช่นเดิม
สิ่งที่เพิ่มมาคือ
- ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
- หลังคา Panoramic Sunroof
- ราวหลังคาสีเงินโครเมียม
- บันไดข้างสีดำพร้อมชุดแต่งสีเงิน
- มือจับนอก กระจกมองข้างโครเมียม
- จอหน้าปัดขนาด 12.4 นิ้ว
- ระบบเปิด-ปิดกระจก one touch ทุกบาน
- เบาะหนัง และหนังสังเคราะห์สีดำ
- เบาะแถว 3 พับไฟฟ้า
- ไฟ Ambient Light ห้องโดยสาร
- ช่องต่อไฟ 230V เบาะแถว 2 1 ตำแหน่ง
อ่านเพิ่มเติม ชมคันจริง 2022 Ford Everest
- หน้าจอสัมผัสขนาด 12.4 นิ้ว
- ระบบ SYNC 4 สั่งงานด้วยเสียง
- กล้องรอบคัน 360 องศา
- ESP/Traction Control พร้อม Brake Booster
- Adaptive Cruise Control พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมให้รถอยู่ในช่องทาง
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยควบคุมรถหลังการชน
- Lane Keep System
- Lane Departure Warning
- ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด
- ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ
- ระบบตรวจเช็คลมยาง
Ford Everest 2.0L Bi-Turbo Titanium+ 4x4
และในรุ่นท็อปสุดคือ Titanium+ 4x4 ที่จะได้เป็นเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ Electronic Shifter พร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อมระบบเลือกโหมดการขับขี่ได้ 6 แบบ และดิฟล็อกหลังไฟฟ้า
- ไฟหน้า Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงอัตโนมัติ และป้องกันไฟแยงตา
- ระบบควบคุมคงามเร็วขณะลงทางชัน
- ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ
สามารถเลือกซื้อชุดแผ่นโลหะกันใต้ท้องรถได้
รุ่น Sport สามารถเลือกแพ็คเสริมได้
สิ่งที่พิเศษอีกอย่างสำหรับในรุ่น Sport ที่นอกจากจะได้รับการตกแต่งสีดำแล้ว ยังสามารถเลือกซื้อแพ็คเกจเสริมคือ แพ็คเทคโนโลยีช่วยการขับขี่ขั้นสูง ฟอร์ด เอเวอร์เรสต์ แพคเกจ A ที่จะต้องจ่ายเงินเพิ่ม แต่ก็ได้ระบบความปลอดภัยและการอัพเกรดจอมาเพิ่ม คือ
- อัพเกรดหน้าปัดจาก 8 นิ้วเป็น 12.4 นิ้ว
- อัพเกรดจอสัมผัสจาก 10.1 นิ้วเป็น 12 นิ้ว
- Adaptive Cruise Control พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมให้รถอยู่ในช่องทาง
- ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ
- ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน
- ระบบเตือนการชนด้านหน้า
- ระบบช่วยควบคุมรถหลังการชน
- Lane Keep System
- Lane Departure Warning
- ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด
- ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ
- กล้องมองรอบคัน 360 องศา
เท่ากับว่าจะขาดไปแค่ระบบตรวจเช็คลมยาง และระบบช่วยจอดในตัวท็อปเท่านั้น
รุ่นไหนเหมาะกับใคร?
หากคุณต้องการรถ PPV ที่มีออพชั่นมาให้ครบครัน หากจะดูเป็นรุ่น Trend ก็ดูจะมีมาให้เพียงพอ แต่หากคุณไม่อยากจ่ายเพิ่มเพื่อได้เครื่องไบเทอร์โบ เพียงแค่ซื้อรุ่น Sport และซื้อแพคเกจ A เพิ่มก็เพียงพอแล้ว
เพราะก็ถิอว่าได้ความปลอดภัยมาครบแล้ว และยังได้เบาะไฟฟ้า 8 ทิศทางสำหรับผู้โดยสารด้วย
หรือใครอยากได้เครื่องที่แรงกว่าก็สามารถเลือก Titanium+ 4x2 ก้ได้หรือเลือกตัวท็อป 4x4 เพื่อเอาระบบช่วยจอดได้
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });