• โดยรวมนั้นทำได้ดี แต่ยังน้อยกว่าคู่แข่ง
• ได้คะแนนโดยรวมทั้งหมด 83%
• วิดีโอทดสอบการชน

2022 MG4 (เอ็มจี4) แฮทช์แบ็คไฟฟ้าล้วนที่เพิ่งเปิดตัวในประเทศไทยเมื่อไม่นานมานี้ ในราคาเริ่มต้นที่ 869,000 - 969,000 บาทหลังได้รับการสนับสนุนจากรัฐแล้ว 

นอกจากจะมีความโดดเด่นด้านการขับขี่ด้วยมอเตอร์หลังเป็นรุ่นแรก ๆ ของรถในระดับนี้แล้ว ในด้านความปลอดภัยยังสามารถคว้าคะแนน 5 ดาวจากสถาบันทดสอบการชน Euro NCAP มาหมาด ๆ

แม้มาตรฐาน Euro NCAP จะหมายถึงรถที่ทำตลาดในยุโรป และทดสอบภายใต้มาตรฐานในภูมิภาคนั้น แต่สำหรับการทดสอบการชนในภูมิภาคอาเซียนอย่าง ASEAN NCAP ก็มีมาตรฐานที่ใกล้เคียงกัน หากมีการทดสอบในภูมิภาคอาเซียนก็อาจจะได้คะแนนไม่ต่างกัน

การทดสอบการชน Euro NCAP นั้นประกอบด้วยการปกป้องผู้ใหญ่ การปกป้องเด็ก การปกป้องคนใช้รถใช้ถนน และระบบช่วยเหลือต่าง ๆ

โดยรวมนั้นทำได้ดี

สำหรับคะแนนในส่วนของการปกป้องผู้ใหญ่นั้นได้ 83% การปกป้องผู้ขับขี่ในการชนครึ่งคันหน้าอยู่ในเกณฑ์ดี มีเพียงส่วนหน้าอกที่อยู่ในเกณฑ์พอใช้ (marginal) ส่วนการชนด้านหน้าเต็มคันโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี และส่วนหน้าอกมีการปกป้องที่เพียงพอ (adequate) 

ส่วนการปกป้องการชนด้านข้างนั้นทำได้ดีเนื่องด้วยมีถุงลมนิรภัยด้านหน้า ด้านข้าง และม่านถุงลม แต่จะไม่มีถุงลมนิรภัยบริเวณเข่ามาให้

ส่วนการปกป้องเด็กได้ 80% โดยรวมนั้นทำได้ดี แต่จะถูกหักคะแนนส่วนของตำแหน่ง ISOFIX ที่สามารถติดตั้งได้เพียงสองที่นั่งด้านหลังเท่านั้น

สำหรับการปกป้องผู้ใช้รถใช้ถนนนั้นทำได้ดีที่ 75% โดยมาพร้อมระบบช่วยเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ ซึ่งคะแนนโดยรวมจะอยู่ในเกณฑ์เพียงพอไปจนถึงดี 

แต่ถูกหักคะแนนในส่วนของการชนเด็กที่พุ่งออกมาข้ามถนนจากรถที่จอดริมถนนและนักขับจักรยานที่ขับขวางเข้ามาโดยถูกบังเอาไว้ ซึ่งอาจเป็นข้อจำกัดของระบบเมื่ออยู่ในมุมมองที่จำกัด

สุดท้ายคือระบบความช่วยเหลือการขับขี่ต่าง ๆ ที่ได้ไป 78% ซึ่งทำได้ดีทั้งระบบช่วยเบรคไปจนถึงระบบการเตือนออกนอกเลนและดึงกลับเข้ามาในเลน

ทำให้ในภาพรวมนั้น MG4 ได้คะแนนไปทั้งหมด 83% แม้จะอยู่ในเกณฑ์ 5 ดาว แต่อาจจะน้อยไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งโดยตรงอย่าง ORA Good Cat ที่ได้คะแนนรวมถึง 93%

อ่านเพิ่มเติม : ทดสอบการชน ORA Good Cat ผ่านเกณฑ์ครบ 5 ดาว 

MG4 สเปกไทยมีอะไร

สำหรับ MG4 ที่จำหน่ายในประเทศไทยนั้นมาพร้อมขุมพลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor ที่ให้พละกำลังสูงสุดที่ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลังด้วยมอเตอร์ขนาด 125kW

ให้กำลังโดยแบตเตอรี่ที่พร้อมกับเทคโนโลยี RUBIK’s CUBE BATTERY ลิเธียมไอรอนฟอสเฟต ขนาดความจุ 51 kWh ขับได้ระยะทางไกลสุด 425 กม. มาตรฐาน NEDC สามารถชาร์จแบบ DC ได้ความเร็วสูงสุด 150kW 

ฟีเจอร์ที่โดดเด่นของ MG4 ได้แก่ หน้าจอกลางขนาด 10.25 นิ้วที่รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto ระบบหน่วงมอเตอร์ 4 ระดับ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ที่ครบครัน และยังสามารถอัพเดทซอฟท์แวร์ของรถผ่านอินเทอร์เน็ต (over-the-air) ได้อีกด้วย

สามารถรับชมวิดิโอทดสอบการชนของ MG4 ได้ที่ด้านล่างนี้