หลังจากเปิดตัวเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ยอดจองของ 2022 Nissan Sakura (2022 นิสสัน ซากุระ) ทะลุหลัก 22,000 คันเรียบร้อยแล้ว
Sakura เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดมินิแชร์แพลตฟอร์มและชิ้นส่วนเดียวกันกับ Mitsubishi eK X มุ่งเน้นเจาะตลาดประเทศญี่ปุ่นโดยเฉพาะด้วยสองคุณสมบัติที่ว่ากันว่าผู้บริโภครุ่นใหม่ชื่นชอบ ได้แก่ “การเป็นรถยนต์ขนาดเล็ก” และ “ใช้พลังงานทางเลือกใหม่”
ถึงแม้จะไม่มีวี่แววว่า Nissan จะทำตลาด Sakura ในประเทศอื่น ๆ รวมถึงเมืองไทย แต่ก็เป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจว่าทำไมรถรุ่นนี้ถึงประสบความสำเร็จทั้งที่ตลาดรถอีวีในญี่ปุ่นนั้นเติบโตช้ามากและมีขนาดเล็กที่สุดเมื่อเทียบกับชาติพัฒนาแล้วด้วยกัน
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
ราคาย่อมเยาและใช้งานง่าย
2022 Nissan Sakura ถูกวางตำแหน่งการตลาดเป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเริ่มต้น ยอดจองแค่ 3 สัปดาห์แรกทำได้ถึง 11,429 คัน ถือว่าสูงมากเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ที่มาก่อนกาลอย่าง Nissan Leaf ซึ่งทำยอดขายในปีแรกได้ประมาณ 10,000 คันเท่านั้น
ที่ผ่านมา ตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นรถนำเข้า มีราคาค่าตัวที่สูง ดังนั้นเมื่อค่ายรถเจ้าถิ่นนำเสนอรถราคาถูก จึงได้รับความสนใจล้นหลาม
Sakura มีราคาจำหน่ายเริ่มต้นที่ประมาณ 2.33 ล้านเยนหรือประมาณ 6.2 แสนบาทก่อนการอุดหนุนของรัฐบาลที่ 5.5 แสนเยน ดังนั้นค่าตัวรถรถอีวีขนาดมินิรุ่นนี้ต่ำสุดอยู่ที่ 1.78 ล้านเยนหรือประมาณ 4.7 แสนบาทเท่านั้น
ความสามารถในการพัฒนารถอีวีที่มีราคาจำหน่ายต่ำเช่นนี้ได้เกิดจากองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญของ Nissan และ Mitsubishi ที่ได้จากการพัฒนา Leaf และ i-MiEV ตามลำดับ การผนึกกำลังกันยังช่วยให้ทั้งสองฝ่ายแบ่งปันต้นทุนได้อีกด้วย
สื่อญี่ปุ่นบางสำนักนำ Sakura ไปเทียบกับ Note e-Power ซึ่งเพิ่งคว้ารางวัลรถยอดเยี่ยมแห่งปีในประเทศมาครอง โดยระบุว่าฝ่ายแรกมีความได้เปรียบกว่าตรงที่เป็นรถพลังงานไฟฟ้า 100% มีการขับขี่ที่เงียบสงบมากกว่า และยังมีแรงสั่นสะเทือนน้อยกว่าด้วย
เว็บไซต์ BestCarWeb จากญี่ปุ่นซึ่งได้มีโอกาสทดสอบลองขับ Sakura ระบุว่า แรงบิดของรถอีวีรุ่นนี้ดีมาก และออกตัวพุ่งไปในทันทีที่กดคันเร่ง อีกทั้งยังมีพละกำลังเหลือเฟือในการเร่งแซงบนไฮเวย์แม้จะมีผู้โดยสารนั่งเต็มรถ 4 คนก็ตาม
แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนขนาด 20 กิโลวัตต์ชั่วโมงที่ติดตั้งใต้พื้นรถทำให้ศูนย์ถ่วงตัวรถต่ำลง 50 มม. ตัวรถมีน้ำหนักมากกว่ารถเครื่องยนต์สันดาปที่เป็นเคคาร์ แต่ให้ความมั่นคงในการขับขี่
ภายในห้องโดยสารยังสะดวกสบาย เบาะนั่งทำด้วยวัสดุที่มีคุณภาพดี เบาะหน้าและเบาะหลังสามารถปรับได้ และมีความโปร่งสไตล์รถเคคาร์ เมื่อบวกกับความเงียบสงบของระบบขับเคลื่อนทำให้บางครั้งจึงเกิดความรู้สึกแบบรถพรีเมียม
ทั้งหมดนี้กลบจุดอ่อนตรงที่ระยะทางขับขี่ซึ่งค่อนข้างสั้นเพียง 180 กม.ต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้งเท่านั้น เหมาะสำหรับการขับขี่ในเมืองเป็นหลัก
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });