แม้จะเปิดตัวมานานที่สุดในท้องตลาด และกำลังโดนคู่แข่งตีตื้นมาอย่างมากมาย แต่ New 2020 Mazda 2 (มาสด้า 2) ก็ได้ฤกษ์ทำการปรับโฉมเรียกความสดใสให้กับตัวเองอีกรอบ พร้อมทั้งอัดอุปกรณ์เพิ่มเข้าไปอย่างมาก เพื่อที่จะสร้างความคุ้มค่าให้กับรถยนต์ในโครงการอีโคคาร์ของพวกเขา
โดยเฉพาะในรุ่นท๊อปอย่างเครื่องยนต์ดีเซลที่ยังคงรักษาการเป็นรถที่แพงที่สุดในเซกเมนต์เอาไว้ได้อย่างต่อเนื่อง แม้คู่แข่งจะเปิดตัวมาใหม่ก็ไม่สามารถทำราคาแข่งได้ เนื่องจากยังคงเกรงกลัวบารมีของเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร เทอร์โบ ที่เป็นไม้เด็ดอันยาวนานของมาสด้าอยู่
เมื่อมีคู่แข่งมากหน้าหลายตา และราคาของมาสด้าตัวท็อปนั่นก็แพงซะเหลือเกิน อะไรคือสาเหตุที่ทำให้มาสด้า 2 ตัวท๊อปที่มาพร้อมเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-ดียังคงน่าใช้งานอยู่ นี่คือ 5 ข้อที่แฟนมาสด้าอยากให้คุณได้อ่าน ก่อนที่คุณจะตัดรถของพวกเขาออกไปจากตัวเลือกเมื่อต้องการซื้อรถกลุ่มนี้สักคัน
แน่นอนว่ามาสด้าตั้งราคาจำหน่ายของมาสด้า 2 เครื่องยนต์ดีเซบเอาไว้สูงมากถึง 7.82 แสนบาทในรุ่นล่างและ 7.99 แสนบาทในรุ่นท๊อป แต่ด้วยการเป็นรถยนต์ที่ทำตลาดมาได้พักใหญ่ ๆ แน่นอนว่าตัวแคมเปญและโปรโมชั่นของรถรุ่นนี้จึงดีกว่าคู่แข่งไปโดยอัตโนมัติ
ทั้งแคมเปญดาวน์น้อย ผ่อนนาน และดอกเบี้ยราคาสุดพิเศษ ที่อาจจะทำให้คุณผ่อนชำระต่อเดือนแตกต่างจากรถรุ่นใหม่ ๆ ของคู่แข่งระดับไม่กี่ร้อยไปถึงหลักพันบาทเท่านั้น หากเปรียบเทียบค่าผ่อนชำระรายเดือนและเงินที่ต้องจ่ายครั้งแรกนั้นถือว่าไม่แตกต่างอะไรกัน
นอกจากนี้ มาสด้าเองยังเอาใจใส่กับเรื่องบริการหลังการขาย โดยเฉพาะการตั้งราคาอะไหล่ที่มีการเทียบกับคู่แข่งแบบชิ้นต่อชิ้น เพื่อให้มั่นใจว่าจะสามารถลบภาพของศูนย์บริการราคาแพงในอดีตลงไปให้ได้ ซึ่งต้องบอกว่ามาสด้าเองก็ไม่ค่อยมีปัญหาลูกค้าโวบวายอะไรจากศูนย์บริการเสียด้วย
เพราะการทำตลาดมาอย่างยาวนาน ลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ที่สมรรถนะไม่ต้องไปเสี่ยงลุ้นกับเครื่องยนต์เบนซิน เทอร์โบรุ่นใหม่ ที่ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาอะไรหรือเปล่า เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดก็ดูดีมีอนาคตกว่าซีวีที ที่แน่นอนว่าของใหม่ก็อาจจะเกิดปัญหามากกว่าเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว
หันมาดูที่สเปกเครื่องยนต์สกายแอคทีฟ-ดี 1.5 เทอร์โบที่นำมาใช้ก็ถือว่าไม่ธรรมดา อีโคคาร์รุ่นแรกที่มีสมรรถนะเกิน 100 แรงม้า โดยให้กำลังสูงสุดที่ 105 แรงม้าที่ 4,000 รอบ และแรงบิดที่ไม่มีใครตามทันที่ 250 นิวตันเมตรที่รอบต่ำตั้งแต่ 1,500-2,500 รอบต่อนาที ออกตัวก็สนุก เร่งแซงก็มันไม่แพ้ใคร
นอกจากนี้ เครื่องยนต์ดีเซลที่ขึ้นชื่อเรื่องการประหยัดน้ำมันก็ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยม เติมน้ำมันกันทีก็แทบจะลืมว่าต้องเลี้ยวเข้าปั้มอีกรอบเมื่อไหร่ สมรรถนะที่มาพร้อมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันระดับ 26.3 กิโลเมตรต่อลิตรตามที่มาสด้าเคลม ถือว่าน่าสนใจที่สุดในเซกเมนต์เลยทีเดียว
มาสด้า 2 เป็นรถเล็กที่มีห้องโดยสารที่น่าประทับใจที่สุดมาอย่างยาวนาน ด้วยห้องโดยสารแนวหรูหรา โทนการตกแต่งสีดำขรึม และอุปกรณ์ที่ติดตั้งมาให้แบบไม่หวงของ เมื่อมีการอัพเกรดของเล่นเข้ามา พวกเขาก็ใส่ลูกเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ เข้ามาอีกเต็มคันรถ
ไม่ว่าจะเป็นเบาะที่นั่งที่หันมาใช้หนังหุ้มสีเทาสลับกับหนังกลับสีดำ แดชบอร์ดหน้าผิวสัมผัสนุ่ม หุ้มหนังสีเทาและเดินด้ายจริงเพิ่มความหรูหรา เบาะที่นั่งที่ยังปรับมืออยู่เป็นเรื่องเดียวที่ควรปรับปรุง แต่เบาะหลังพับแยกได้ 60:40 ถือว่าสะดวกสบายในการขนของ
เฮดอัพ ดิสเพลย์ แบบสีย้ายไปแสดงผลบนกระจกบังลมด้านหน้า ในรุ่นท็อปก็มีแพดเดิลชิฟท์ติดตั้งมาให้เรียบร้อย แถมมีแผ่นปิดสัมภาระด้านท้ายมาให้ต่างหาก เรียกว่ามาตรฐานการออกแบบห้องโดยสารภายในของมาสด้านั้นเหนือล้ำกว่าคู่แข่งค่ายอื่นจริง ๆ
ไม่ใช่แค่ภายในที่มีการเปลี่ยนแปลง แต่มาสด้าเองได้ทำการปรับโฉมตัวรถภายนอกอย่างน่าสนใจ และทำให้รถคันนี้ดูสปอร์ตไปอีกขั้น โดยตำแหน่งการปรับเปลี่ยนหลัง ๆ จะอยู่ที่ด้านหน้าของตัวรถอย่างชุดโคมไฟและกระจังหน้าที่ดูโดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดเจน
กระจังหน้าสีดำมัน มาพร้อมชุดโคมไฟหน้าแบบใหม่ที่ประกอบไปด้วยไฟหน้าโปรเจคเตอร์และไฟเดย์ไทม์แบบแอลอีดี ระบบเปิด-ปิดไฟอัตโนมัติ ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบแอลอีดี ที่ติดตั้งอย่างสวยงามพร้อมกับสปอยเลอร์หลัง
ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว กระจกบังลมหน้าแบบกันเสียงรบกวน กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ปรับและพับได้ด้วยระบบไฟฟ้า ปลายท่อไอเสียแบบโครเมียม เสาอากาศแบบฝังบนกระจกบังลมด้านหลัง และมาพร้อมระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติอีกด้วย
จริงอยู่ที่คู่แข่งหลาย ๆ รายเพิ่มจำนวนถุงลมนิรภัยหรือใส่กล้องมองรอบทิศทางมาให้แล้ว แต่มาสด้าเองก็ไม่ได้หยุดนิ่งกับระบบความปลอดภัย เพราะพวกเขาใส่ระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยก่อนเกิดอุบัติเหตุเข้าไปในรถเพิ่มเติม เพื่อช่วยเสริมความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
มาสด้าได้ติดตั้งระบบเตือนเมื่อมีรถอยู่ในมุมอับสายตา ทั้งขณะเปลี่ยนเลนและขณะถอยหลังมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่นท๊อป ทำงานร่วมกับกล้องมอบภาพรอบคัน เพิ่มเซนเซอร์กะระยะการจอดด้านหน้าอีก 4 ตำแหน่ง และมีสัญญานไฟกระพริบแบบฉุกเฉินเมื่อเบรกกระทันหันติดตั้งมาให้เรียบร้อย
และที่แน่ ๆ ก็คือระบบควบคุมแรงบิดขณะเข้าโค้ง หรือ จีวีซี อันลือชื่อของมาสด้า ก็ได้ฤกษ์ติดตั้งมาในรถรุ่นนี้แล้วเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดที่ว่ามานี้ ก็ทำให้มาสด้า 2 ยังคงเป็นรถอีโคคาร์รุ่นท๊อปที่น่าสนใจที่สุดคันหนึ่งในตลาดอยู่ดี