ส่องความคุ้มค่า Mitsubishi Triton ATHLETE ค่าตัว 1.146 ล้านบาท น่าเป็นเจ้าของเพียงใด

รถกระบะ 4 ประตูตัวแต่งจัดเต็มกลายเป็นเทรนด์ที่ค่ายรถรายใดขาดไปก็จะเสียเปรียบและภาพลักษณ์การตลาดด้อยค่าลง เราจึงได้เห็นรถกระบะรุ่นตกแต่งพิเศษเปิดตัวออกจำหน่ายอย่างต่อเนื่อง

หนึ่งในนั้นคือ Mitsubishi Triton ATHLETE 4WD AT ตัวท็อปสุด มีตำแหน่งการตลาดเป็นรถกระบะแฟล็กชิพของค่าย Mitsubishi ด้วยราคาจำหน่าย 1,146,000 บาท เหนือกว่ารุ่นท็อป 4WD 2.4 GT Premium 6AT ที่เคาะราคาอยู่ที่ 1,099,000 บาท

ราคารถกระบะระดับนี้ ถ้าไม่แน่จริงคงต้องจอดแช่อยู่ในโชว์รูมเนิ่นนาน แต่ Mitsubishi ก็มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมด้วยการเสริมความแข็งแกร่งและเติมเต็มความสมบูรณ์แบบด้วยการตกแต่งรอบคันที่คัดสรรมาอย่างดี รองรับการใช้งานชีวิตประจำวันได้อย่างภาคภูมิใจและบุกตะลุยเส้นทางสมบุกสมบันต่างจังหวัดได้แบบสบาย ๆ ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

คนที่กำลังมองหารถกระบะที่มีความลงตัวทั้งความหรูหรา บึกบึน และตอบสนองทุกการใช้งาน เราหยิบยกจุดเด่น 5 ข้อของ Mitsubishi Triton ATHLETE รุ่นสูงสุดมาฝากกัน

1. รูปลักษณ์ภายนอกหล่อดุดัน

ตัวถังมีให้เลือกทั้งสีส้ม Sunflare Orange สีขาว White Diamond และสีดำ Jet Black Mica โดยทุกสีมาพร้อมหลังคาสีดำ จริง ๆ แล้ว Triton ATHLETE มีให้เลือก 2 รุ่นคือรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 1.035 ล้านบาท และขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 1.146 ล้านบาท ทั้ง 2 รุ่นได้รับการตกแต่งเหมือนกัน เพิ่มความเย้ายวนสายตาอย่างมาก

ภายนอกประกอบด้วยสัญลักษณ์ ATHLETE บนฝากระบะท้าย หลังคาพ่นสีดำกันชนหลังสีดำ กระจังหน้าสีดำเงา กรอบกระจกมองข้างสีดำพร้อมไฟเลี้ยว บันไดข้างสีดำ ชุดตกแต่งพิเศษประกอบด้วยชุดตกแต่งกันชนหน้าสีดำแบบสปอร์ต สไตลิ่งบาร์ ชุดพื้นปูกระบะ ล้ออัลลอยสีดำ และสติกเกอร์ 4x4 บนฝากระบะท้ายสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ

2. ภายในสวยสปอร์ต

ภายในห้องโดยสารของ Triton  ATHLETE ได้รับการตกแต่งพิเศษด้วยเบาะหุ้มหนังสังเคราะห์ทูโทนสีดำสลับสีส้ม พร้อมสัญลักษณ์ ‘ATHLETE’ เดินด้ายสีส้มที่หัวเกียร์ แผงประตู และเบรกมือ วัสดุบุนุ่มกันกระแทกบริเวณหัวเข่า และฝากล่องเก็บของคอนโซลกลางตกแต่งด้วยสีส้ม พร้อมพรมห้องโดยสารปักสัญลักษณ์ ATHLETE สีส้ม

3. ขุมพลังแรงเร้าใจ

เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ รหัส 4N15 บล็อก 4 สูบ MIVEC Turbo Clean Diesel ความจุกระบอกสูบ 2.4 ลิตร พละกำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตรที่ 2,500 รอบต่อนาที ถือว่าทรงพลังที่สุดเมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ที่มีความจุใกล้เคียงกัน คนที่ไม่ต้องการขับขี่บนทางออฟโรดก็เลือกรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อได้ แต่ถ้าต้องการบุกป่าฝ่าดง แน่นอนว่าต้องคบหากับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อระบบ Super Select 4WD II พร้อมสวิทช์ Off-Road Mode ประกอบด้วย 4 รูปแบบการขับขี่ได้แก่ Gravel, Mud/Snow, Sand และ Rock

4. อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพียบพร้อม

นอกจากห้องโดยสารที่ตกแต่งยกระดับความหรูหราน่าใช้ ยังมีฟังก์ชั่นครบครัน อาทิ เบาะนั่งคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติดูอัลโซน ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ระบบกุญแจอัจฉริยะ KOS ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี พร้อม 3D Animation ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control เครื่องเสียงวิทยุ CD DVD MP3 พร้อมจอภาพระบบสัมผัส และระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth

5. ความปลอดภัยครบครัน

อุ่นใจได้ในทุกการเดินทางด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อค ABS พร้อม EBD และ BA ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ASC ระบบป้องกันการลื่นไถล ATC ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA ระบบสัญญาณเตือนจุดอับสายตา BSM ระบบเตือนขณะเปลี่ยนช่องจราจร LCA ระบบเตือนการชนด้านหน้าตรง พร้อมระบบช่วยชะลอความเร็ว FCM ระบบตัดกำลังเครื่องยนต์ชั่วขณะ เมื่อเหยียบคันเร่งอย่างรุนแรง UMS ระบบเตือนด้านหลัง ขณะถอยออกจากช่องจอด RCTA กล้องมองภาพรอบคัน 360 องศา Multi Around View Monitor และถุงลมนิรภัยถึง 7 ลูก