ในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ได้มีรถยนต์ไฟฟ้าแบรนด์ต่าง ๆ ขนกันเข้ามาจัดแสดงในงานนี้กว่า 20 รุ่น เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าที่มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง 

รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นเรือธงจากทั้ง 4 พรีเมียมแบรนด์ที่อยู่ในงานนี้ ถือเป็นการบอกทิศทางของแบรนด์ ทั้งในด้านเทคโนโลยีและดีไซน์ ทำให้เห็นถึงศักยภาพของแบรนด์ในยุคของการเข้ามาของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าว่ามีมากน้อยเพียงใดในอนาคต

รถยนต์ไฟฟ้าทั้ง 4 คันนี้อาจไม่ใช่รถที่แพงที่สุดในงาน แต่มั่นใจว่าทั้ง 4 คันคือตัวแทนอนาคตของอุตสาหกรรมยานยนต์อย่างแน่นอน 

1. BMW iX

2022 BMW iX (บีเอ็มดับเบิ้ลยู ไอเอกซ์) รถยนต์ไฟฟ้าเรือธงของค่ายใบพัดฟ้าขาว ขนาดตัวถังอยู่ระหว่างรุ่น X5 - X7 เป็นการออกแบบใหม่หมด ทั้งด้านของภาษาการออกแบบ และแพลทฟอร์มที่ใช้ ทำให้ดีไซน์ออกมาดูล้ำอนาคตทั้งภายนอกภายใน

เริ่มตั้งแต่โครงสร้างรถอลูมิเนียมแบบ spaceframe ด้านข้างและด้านหลังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ฟีเจอร์และสิ่งต่าง ๆ ได้แก่ กระจังหน้าซ่อมตัวเองได้, วัสดุการตกแต่งเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, โลโก้เติมน้ำฉีดกระจก, ลำโพง 30 จุด, คริสตัลในห้องโดยสาร และพวงมาลัยหกเหลี่ยม 

BMW iX ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 4 ล้อ ให้กำลังรวม 523 แรงม้า แรงบิด 765 นิวตันเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม.ใน 4.6 วินาที วิ่งได้ระยะไกลสุด 630 กม. แบตเตอรี่ในรุ่น iX xDrive50 Sport มีความจุ 105.2 kWh 

ส่วนการชาร์จ รองรับการชาร์จแบบ DC ได้สูงสุด 200 กิโลวัตต์ จึงสามารถชาร์จจาก 0-80% ได้ในเวลา 39 นาที อีกทั้งรองรับการชาร์จแบบ DC 50 กิโลวัตต์ ใช้เวลาเพียง 21 นาที ก็จะได้ระยะทางการขับได้สูงสุด 100 กม. 

นอกจากนี้ระบบความปลอดภัยจะมีระบบช่วยขับขี่อัตโนมัติด้วยกล้อง 5 ตัว เรดาร์เซนเซอร์อีก 5 ตัว และอัลตร้าโซนิกเซนเซอร์ 12 ตัว 

BMW iX จำหน่ายในไทยโดยนำเข้าจากเยอรมนี เมื่อรวมแพ็คเกจบำรุงรักษา BSI Standard นาน 4 ปี ไม่จำกัดระยะทาง จะมีค่าตัวเริ่มที่ 5,999,000 บาท

2. Audi e-Tron GT quattro

Audi e-Tron GT (อาวดี้ อี-ตรอน จีที) เป็นรถที่พัฒนาร่วมกับ Porsche Taycan เป็นตัวถังซีดาน 4 ประตูท้ายลาดแต่เส้นสายตัวถังต่างกับไทคานน์อย่างสิ้นเชิงเพราะมีเส้นสายที่มีเหลี่ยมสันอย่างชัดเจน

ขุมพลังในรุ่นเริ่มต้นที่ขายในไทยอย่าง e-Tron GT quattro จะมาพร้อมมอเตอร์ไฟฟ้าคู่ ขับเคลื่อนสี่ล้อ ให้กำลังสูงสุดที่ 530 แรงม้าใน boost mode แรงบิดที่ 630 นิวตันเมตร มีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 4.1 วินาที ความเร็วสูงสุด 245 กม./ชม. สามารถขับได้ระยะทางไกลที่สุด 540 กม. ตามมาตรฐาน NEDC

ระบบความปลอดภัยที่มี ได้แก่ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ต่าง ๆ , Audi pre sense basic ทั้งหน้า-หลัง, กล้อง 360 องศา ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย เช่น หลังคาแก้ว Panoramic Glass Roof, ไฟหน้า Matrix LED, ช่วงล่างแบบ Adaptive air suspension และอีกมากมาย

Audi e-Tron GT ในรุ่นเริ่มต้นจะมีราคาเริ่มที่ 6,599,000 บาท ถัดมาจะเป็นรุ่น e-tron GT quattro Performance มีราคาเริ่มที่ 6,799,000 บาท ส่วนรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง RS e-tron GT quattro จะมีราคาเริ่มต้นที่ 9,599,000 บาท   

3. Porsche Taycan GTS

Porsche Taycan GTS (ปอร์เช่ ไทคานน์ จีทีเอส) ถือว่าเป็นไฮไลท์ของบูธปอร์เข่ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเป็นการเปิดตัว Taycan GTS ครั้งแรกภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Taycan GTS มีความพิเศษที่การตกแต่งที่แตกต่างจากรุ่นอื่น ๆ ในไลน์อัพ รวมถึงมีออพชั่นบางอย่างที่มีเฉพาะรุ่น GTS อีกด้วย

Taycan GTS ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 598 แรงม้า (440 กิโลวัตต์) เมื่อใช้ระบบ Launch Control จะมีอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ใน 3.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กม./ชม. มาพร้อมแบตเตอรี่แบบ Performance Battery Plus ขนาด 93.4 kWh สามารถขับได้เฉลี่ย 424 - 504 กม. ต่อหนึ่งชาร์จ

ระบบความปลอดภัยที่มีจะขึ้นอยู่กับการเลือกออพชั่นที่สามารถเลือกได้ตามความต้องการกับดีลเลอร์หรือสามารถลองในเว็บไซต์ก่อนได้

Porsche Taycan GTS มีราคาเริ่มต้นที่ 8,890,000 บาท แต่ถ้าหากต้องการแบบรถคันที่โชว์อาจมีราคาถึง 10 ล้านบาทด้วยออพชั่นมากมาย เช่น สีแดง Carmine Red, กระจกข้างสีคาร์บอนไฟเบอร์, ล้อที่เพิ่มจาก 20 เป็น 21 นิ้ว ฯลฯ

4. The EQS 450+ by Mercedes-EQ 

The EQS (ดิ อีคิวเอส) ในประเทศไทยยังคาดว่าจะนำรุ่นอื่นที่ไม้ใช่รถรุ่นเดียวกับที่สื่อต่าง ๆ ทดสอบไปแล้วในขณะนี้ในรุ่น 450+ ทางเราคาดว่าจะมีราคาเท่ากับหรือน้อยกว่ารถเซกเมนต์ใกล้เคียงอย่าง s580e ที่ราคาเริ่มต้น 7.199 ล้านบาท

รถรุ่นที่เอาเข้ามาจัดแสดงนั้น เป็นเวอร์ชั่นมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว ที่ให้กำลังสูงสุด 333 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 568 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม.ใน 6.2 วินาที มีความเร็วสูงสุด 215 กม./ชม. ตามสเปคสามารถวิ่งได้ไกลสุด 770 กม. ต่อหนึ่งชาร์จ

สิ่งที่โดดเด่นของ EQS คือค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานต่ำมากเพียง 0.20, หน้าจอในรถแบบ Hyperscreen ที่มี 3 จอยาวตลอดคอนโซลด้านหน้า ได้แก่ ขนาด 12.3 นิ้วด้านหลังพวงมาลัย หน้าจออินโฟเทนเมนท์ตรงกลาง 17.7 นิ้ว และจอฝั่งผู้โดยสาร 12.3 นิ้ว และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอีกมากมาย

The EQS 450+ by Mercedes-EQ ยังไม่มีรุ่นที่จำหน่ายในไทยอย่างเป็นทางการ จึงยังไม่มีการเปิดราคามาในตอนนี้

มาชมทุกคันกันได้ในงานมอเตอร์โชว์ 2022

หากสนใจรถทั้ง 5 คันนี้สามารถลองมาสัมผัสตัวจริงได้ในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 43 ณ อาคารชาเลนเจอร์ 1-3 อิมแพ็ค เมืองทองธานี ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม - 3 เมษายน พ.ศ. 2565 เวลา 12.00 – 22.00 น. (วันธรรมดา) และ 11.00 – 22.00 น. (วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ)

อ่านเพิ่มเติม : ชม 4 อีวีราคาถูกที่สุดในมอเตอร์โชว์ 2022 แถมอีกคันที่ยังไม่เปิดราคา แต่ถ้ามาแล้วตลาดแตก!