ระบบเกียร์อัตโนมัติถูกพัฒนาขึ้นเพื่อมอบความสะดวกสบายให้แก่ผู้ขับขี่ แต่ด้วยกลไกและชิ้นส่วนที่ซับซ้อนมากกว่าเกียร์ธรรมดา การใช้งานจึงต้องมีความใส่ใจมากขึ้นตามไปด้วย
พฤติกรรมการขับขี่และใช้งานระบบเกียร์อัตโนมัติที่ไม่ถูกต้องอาจทำให้เกิดผลเสียตามมาได้ ไม่ว่าจะเป็นอายุใช้งานเกียร์ที่สั้นลงหรือเกิดการชำรุดเสียหาย ไปจนถึงอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ทำให้เกิดการสูญเสียตามมาอีกมากมาย
เรามาชมกันว่าพฤติกรรม 4 รูปแบบที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างการใช้งานเกียร์อัตโนมัติมีอะไรบ้าง
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_fourthp_under_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678191139-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678191139-0'); });
1. เปลี่ยนเกียร์จาก D ไป R ขณะที่รถยังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า
การเปลี่ยนเกียร์แบบสลับทิศทางการเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะเป็นจากเกียร์เดินหน้า D ไปเกียร์ถอยหลัง R หรือในทางกลับกันนั้น ควรจะให้ตัวรถหยุดนิ่งสนิทเสียก่อนเพื่อลดความเสียหายของชิ้นส่วนที่เรียกว่า transmission band หรือแผ่นเหล็กรูปทรงโค้งซึ่งมีหน้าที่รองรับการเปลี่ยนเกียร์
transmission band อาจมีราคาไม่สูงมากนัก แต่การเปลี่ยนชิ้นส่วนนี้ต้องใช้เวลาและแรงงานคน ซึ่งหมายถึงค่าใช้จ่ายด้วยเช่นกัน
2. เร่งเครื่องแล้วเข้าเกียร์ D
เกียร์อัตโนมัติอาจมีความเร้าใจในการขับขี่น้อยกว่าเกียร์ธรรมดาโดยเฉพาะในช่วงออกตัว ถ้าใช้เกียร์ธรรรมดา คุณสามารถเร่งรอบเครื่องแล้วถอนคลัตช์เพื่อให้ตัวรถพุ่งทะยานออกไปได้ แต่คุณไม่สามารถทำได้แบบเดียวกันกับเกียร์อัตโนมัติ
การเร่งเครื่องยนต์แล้วเข้าเกียร์ D จะส่งผลเสียต่อ transmission band เช่นเดียวกัน ขณะที่ชิ้นส่วนอื่น ๆ ในระบบเกียร์จะถูกแรงเค้นจากเครื่องยนต์ซึ่งถ้าทำบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดความเสียหายใหญ่หลวง
3. เข้าเกียร์ P เมื่อรถยังไม่จอดสนิท
เมื่อต้องจอดรถไม่ว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลัง ควรจะให้ตัวรถหยุดนิ่งสนิทก่อนเข้าเกียร์ P เพื่อลดแรงเค้นต่อชิ้นส่วนในชุดเกียร์ โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่เรียกว่า parking pawl หรือสลักเกียร์ซึ่งทำหน้าที่ล็อกเกียร์ไว้ที่ตำแหน่ง P ตลอดเวลา
เพื่อป้องกันความเสียหายในกรณีที่ผู้ขับขี่ใจร้อนใส่เกียร์ P เมื่อรถยังไม่หยุดสนิท บริษัทผู้ผลิตรถยนต์บางรายได้ออกแบบระบบเกียร์อัตโนมัติที่ไม่สามารถใส่ตำแหน่ง P ได้ถ้ารถยังไม่หยุดสนิท
4. ปล่อยรถไหลในเกียร์ว่างหรือ N
ผู้ขับขี่บางคนอาจคิดว่าการปรับเกียร์ไปที่ N แล้วปล่อยไหลไปนั้นจะช่วยลดการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง แต่จริง ๆ แล้วผลที่ได้เป็นตรงกันข้ามกันเลยทีเดียว เพราะในตำแหน่งเกียร์ N นั้น เครื่องยนต์ยังคงบริโภคน้ำมันเหมือนเดิม
ขณะที่รถยนต์รุ่นใหม่ ๆ จะตัดการจ่ายน้ำมันเมื่อตัวรถไหลไปข้างหน้าโดยที่ยังใส่เกียร์ D รอบเครื่องยนต์อาจสูงแต่แท้จริงแล้วหัวฉีดเชื้อเพลิงไม่ได้ทำงานดังนั้นจึงไม่มีการใช้เชื้อเพลิงอย่างใด ขณะเดียวกัน การใส่เกียร์ D ไว้ตลอดเวลาจะช่วยให้คุณมีความพร้อมในการกดคันเร่งเพื่อหลบเลี่ยงสิ่งกีดขวางกะทันหันอีกด้วย
window.googletag = window.googletag || {cmd: []}; googletag.cmd = googletag.cmd || []; googletag.cmd.push(function() { googletag.defineSlot('/22557728108/th_article_relatedmodel_above_pc', [
728,
90
], 'div-gpt-ad-1685678175456-0').addService(googletag.pubads()); googletag.pubads().enableSingleRequest(); googletag.pubads().collapseEmptyDivs(); googletag.enableServices(); });
googletag.cmd.push(function() { googletag.display('div-gpt-ad-1685678175456-0'); });